เกิดเหตุกราดยิงสังหารหมู่ในสหรัฐอีกครั้ง ลูกจ้างเทศบาลสาดกระสุนใส่เหยื่อไม่เลือกหน้า ภายในอาคารที่ทำการเทศกาลเมืองเวอร์จิเนียบีช ทำให้มีคนเสียชีวิต 12 ราย บาดเจ็บอย่างน้อย 4 ราย มือปืนโดนยิงดับ ตำรวจยังไม่ระบุมูลเหตุจูงใจ เผยเป็นการกราดยิงตายหมู่ครั้งที่ 150 ของสหรัฐในปีนี้

     เหตุการณ์รุนแรงจากอาวุธปืนที่เมืองเวอร์จิเนียบีช รัฐเวอร์จิเนีย ครั้งล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม 2562 เป็นเหตุนองเลือดจากอาวุธปืนที่ทำให้มีคนเสียชีวิตมากที่สุดในสหรัฐนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ที่เกิดเหตุมือปืนคนหนึ่งยิงคนเสียชีวิต 12 คนที่ร้านอาหารปิ้งย่างในเขตลอสแองเจลีส ซึ่งมือปืนยิงตัวตาย
     รายงานของสำนักข่าวเอเอฟพีเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2562 อ้างคำแถลงของเจมส์ เคอร์เวรา ผู้บังคับการตำรวจเมืองเวอร์จิเนียบีช ว่าเหตุเกิดขึ้นเวลา 16.00 น.เศษของวันศุกร์ ซึ่งตรงกับ 03.00 น.วันเสาร์ของไทย มือปืนรายนี้เข้าไปในอาคารหลังหนึ่งของศูนย์ที่ทำการเทศบาลเวอร์จิเนียบีช แล้วก็เริ่มสาดกระสุนใส่ทุกคนที่เห็นอย่างไม่เลือกหน้าทันที ต่อมาในช่วงค่ำเจ้าหน้าที่พบว่า มีเหยื่อเสียชีวิต 12 คน บาดเจ็บ 4 คน เหยื่อคนหนึ่งถูกฆ่าตายอยู่ในรถของเขาที่จอดอยู่ด้านนอกอาคาร ส่วนเหยื่อคนอื่นๆ ถูกพบภายในอาคารทั้ง 3 ชั้น 
    เคอร์เวรากล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับแจ้งเหตุ 4 นายเข้ามาระงับเหตุและป้องกันไม่ให้คนร้ายรายนี้ฆ่าเหยื่อจำนวนมากกว่านี้ การยิงต่อสู้กันอย่างยาวนานทำให้คนร้ายโดนยิง ตำรวจพยายามช่วยชีวิตเขาแต่ไม่สำเร็จ สถานที่เกิดเหตุนั้นมีสภาพเหมือนกับสนามรบ คนร้ายใช้อาวุธปืนสั้นขนาด .45 มม. ติดอุปกรณ์เก็บเสียง 
     เจ้าหน้าที่ยังไม่เปิดเผยชื่อของมือปืน หรือคาดเดามูลเหตุจูงใจของเขา โดยบอกเพียงแค่ว่าเขาเป็นลูกจ้างของแผนกสาธารณูปโภคของสำนักงานเทศบาลแห่งนี้มานาน ผู้บาดเจ็บคนหนึ่งนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รอดตายเพราะใส่เสื้อกันกระสุน
     เคอร์เวรากล่าวว่า มือปืนรายนี้อาจมีความไม่พอใจ แต่ยังระบุไม่ได้ว่ามีสาเหตุจากอะไร ตำรวจทราบชื่อของเขาแล้ว แต่ยังไม่พร้อมเปิดเผยต่อสาธารณะ "เราจะเปิดเผยชื่อของเขาเพียงครั้งเดียว ต่อไปหลังจากนั้นเราจะเรียกเขาว่า 'ผู้ต้องสงสัย' เพราะสิ่งที่เราให้ความสนใจในขณะนี้คือเรื่องของเกียรติและความเคารพต่อเหยื่อและครอบครัวของพวกเขา" ตำรวจนายนี้แถลงหลังเหตุการณ์ยุติได้ 2 ชั่วโมง
    เมืองเวอร์จิเนียบีชมีประชากรประมาณ 400,000 คน อยู่ห่างจากกรุงวอชิงตันทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 320 กิโลเมตร อาคาร 2 ที่เกิดเหตุเป็นที่ตั้งหน่วยงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ, โยธาธิการ และสาธารณูปโภคของเมืองนี้ ซึ่งโดยปรกติจะมีเจ้าหน้าที่ทำงานที่นี่ถึง 400 คน และอยู่ติดกับศาลาประชาคม
 เมแกน แบนตัน ลูกจ้างหน่วยงานสาธารณูปโภคของที่นี่ กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นช่อง WVEC ว่าระหว่างที่เกิดความโกลาหลอลหม่านนั้น เธอและเพื่อนร่วมงานอีกประมาณ 20 คนซ่อนอยู่ในห้องทำงานโดยใช้โต๊ะทำงานตัวหนึ่งขวางประตูไว้ และโทรแจ้งตำรวจสายด่วน 911 พวกเธอได้ยินเสียงปืนดังหลายนัด และได้ยินเสียงตำรวจร้องตะโกนบอกให้หมอบลง 
    ทำเนียบขาวกล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับรายงานสรุปแล้ว และกำลังติดตามสถานการณ์ 
    เหตุการณ์ยิงกันภายในสถานที่ทำงานของสหรัฐที่ทำให้มีคนเสียชีวิตมากสุดก่อนหน้านี้เกิดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ ลูกจ้างของโรงงานรายหนึ่งยิงเพื่อนร่วมงานเสียชีวิต 5 คนที่เมืองออโรรา รัฐอิลลินอยส์ หลังจากเขาโดนให้ออกจากงาน
    ข้อมูลจากกลุ่มสังเกตการณ์ความรุนแรงจากอาวุธปืนเปิดเผยว่า เหตุการณ์กราดยิงเมื่อวันศุกร์เป็นการกราดยิงฆ่าหมู่ครั้งที่ 150 ของสหรัฐแล้วในปีนี้ นิยามของการกราดยิงฆ่าหมู่นั้นหมายถึงการยิงที่มีคนโดนยิงหรือเสียชีวิตตั้งแต่ 4 คนขึ้นไป
    รายงานกล่าวว่า ถึงแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงจากอาวุธปืนบ่อยครั้งทั่วสหรัฐอเมริกา แต่กฎหมายครอบครองปืนในประเทศนี้ยังคงหย่อนยาน และความพยายามจัดการกับปัญหานี้ผ่านการแก้ไขกฎหมายก็ยังเจอทางตันในสภาคองเกรส การสังหารหมู่ครั้งนี้ยังเกิดขึ้นก่อนหน้าวันตระหนักถึงความรุนแรงจากอาวุธปืนแห่งชาติของสหรัฐ ที่จะเวียนมาถึงในวันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายนนี้ 
    ส.ว.เบอร์นีย์ แซนเดอร์ส จากพรรคเดโมแครต กล่าวโทษอิทธิพลของสมาคมปืนไรเฟิลแห่งชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มล็อบบี้ที่ทรงอิทธิพลที่พร่ำแต่เรียกร้องให้สังคมอเมริกันมีปืนมากขึ้นเพื่อที่พลเมืองทั่วไปจะได้มีอาวุธไว้ต่อสู้กับ "คนเลว" ผู้เสนอตัวท้าชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐสมัยหน้าทวีตว่า "คองเกรสต้องฟังเสียงชาวอเมริกันและผ่านกฎหมายความปลอดภัยจากอาวุธปืน ความรุนแรงจากปืนที่น่าสะอิดสะเอียนเช่นนี้ต้องยุติลง".