“เรืองไกร” ยื่น กกต.ตรวจสอบ 10 ส.ส.ประชาธิปัตย์ถือหุ้นสื่อ จี้ให้ส่งศาล รธน.สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ เหตุเข้าข่ายลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98 ขู่ “ภท.-ชทพ.-ส.ว.” คิวต่อไป สภาผู้แทนฯ ครบ 500 คน หลัง "มาดามเดียร์" รายงานตัว ส.ส. แจงส้มหล่นเป็นไปตาม กม.-วิธีคำนวณ กกต. ยันขายหุ้นในกิจการสื่อแล้ว

    ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วันที่ 30 พฤษภาคม นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อขอให้ตรวจสอบ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 10 ราย กรณีถือหุ้นสื่อ ซึ่งอาจเข้าข่ายขาดคุณสมบัติและอาจต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ในทำนองเดียวกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โดยส.ส.ทั้ง 10 ราย ประกอบด้วย นายกรณ์ จาติกวณิช น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นางกันตวรรณ ตันเถียร ส.ส.พังงา เขต 1, นายบัญญัติ เจตนจันทร์ ส.ส.ระยอง เขต 2, นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี เขต 3, นายประมวล พงศ์ถาวราเดช ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ เขต 3, นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 6, นายภาณุ ศรีบุศยกาญจน์ ส.ส.สุราษฎร์ธานี เขต 1, น.ส.วชิราภรณ์ กาญจนะ ส.ส.สุราษฎร์ธานี เขต 3 และนายสมชาติ ประดิษฐพร ส.ส.สุราษฎร์ธานี เขต 4 
    "ซึ่งทั้งหมดมีชื่อถือหุ้นในบริษัทที่วัตถุประสงค์ประกอบกิจการของบริษัท ระบุประกอบกิจการด้านสื่อสารมวลชน จึงอาจเข้าข่ายเป็น ส.ส.ที่เข้าลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) ที่ศาลรัฐธรรมนูญต้องมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้พิจารณา"
    นายเรืองไกรระบุว่า กกต.ต้องปฏิบัติให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน วันนี้เราเห็นตัวอย่างของศาลรัฐธรรมนูญ ที่สั่งให้นายธนาธรหยุดการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งกรณีของนายธนาธร ศาลระบุว่ามีเหตุอันควรสงสัย ต่างจากกรณีที่ตนยื่นคำร้องขอให้ กกต.ตรวจสอบส.ส. ที่ถือหุ้นบริษัทที่ประกอบธุรกิจสื่อ ซึ่งมีหลักฐานที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าแสดงชัดเจน และคิดว่ามี ส.ส.อีกไม่น้อยกว่า 50 คนที่มีกรณีถือหุ้นสื่อ ทั้งพรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งตนจะรวบรวมร้องต่อไป แต่ทำไมกรณีก่อนหน้านี้ที่ยื่นคำร้องไว้ กกต.ยังไม่วินิจฉัย อย่าไปกังวลว่าส่งศาลแล้ว หากคนเหล่านี้ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จะเกิดปัญหาในเรื่องการโหวตนายกฯ ควรปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ 
    "ผมอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ได้เป็นนายกฯ ต่อไป เพราะอยากเห็นเวลาประชุมสภาท่านจะลับฝีปากของ ส.ส.ได้อย่างไร แต่หลังจาก กกต.พิจารณากรณีของนายธนาธรแล้ว กรณีการถือหุ้นอื่นๆ กกต.ก็เฉยหมด แล้วคิวสุดท้าย ส.ว. 250 คน โดยเฉพาะคนที่เคยยื่นบัญชีทรัพย์สินไว้แล้ว ผมก็เห็นแล้วว่ามีใครบ้าง ก็จะนำรายชื่อมายื่นร้องเรียนกับ กกต.ให้หมด" นายเรืองไกรกล่าว
     ที่รัฐสภา เวลา 10.00 น. น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้ารายงานตัวเป็น ส.ส. ต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กรณีที่นางปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ วิจารณ์การทำงานของ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ด้วยถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมว่า กรณีดังกล่าวผู้ใหญ่ของพรรคได้เรียกนางปารีณาเข้าหารือ แต่ตนไม่ทราบว่ารายละเอียดของการพูดคุยมีประเด็นใดบ้าง ส่วนตัวมองว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล และเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับพรรค ดังนั้นเชื่อว่าการทำงานในสภาจะไม่เป็นปัญหา ทั้งนี้ ส.ส.ทุกคนพึงศึกษาข้อบังคับและระเบียบที่ใช้ในการประชุมสภา 
    “เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนบุคคล อย่าเหมารวม หรือตีความว่าจะกระทบต่อภาพลักษณ์การทำงานของ ส.ส. หญิงคนอื่นๆ” น.ส.วทันยากล่าว
    น.ส.วทันยากล่าวเรียกร้องขอความเป็นธรรมกับประชาชน หลังจากที่ถูกวิจารณ์ถึงการเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. ว่าทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญ รวมถึงสูตรคำนวณจาก กกต. โดย กกต.ได้อธิบายวิธีคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่ออย่างชัดเจนแล้ว ส่วนการวิจารณ์ที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ทั้งนี้ การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อไม่ได้นำคะแนนเฉพาะการเลือกตั้งใหม่ที่ จ.เชียงใหม่ เขต 8 เท่านั้น แต่นำคะแนนเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค.ของทั่วประเทศมาพิจารณา ซึ่งขณะนั้นพรรคพลังประชารัฐควรได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 19 คน แต่ติดปัญหาเรื่องการเลือกตั้งใหม่ที่ จ.เชียงใหม่ ทำให้ กกต.รับรอง ส.ส.บัญชีรายชื่อไม่ครบจำนวน 150 คน เมื่อ กกต.ประกาศรับรอง ส.ส.ครบ 150 คน ต้องน้อมรับสิ่งที่ กกต.ประกาศ
    "ไม่กังวลที่ถูกตั้งข้อสังเกตเรื่องถือหุ้นในกิจการสื่อมวลชน ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามของการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. เนื่องจากก่อนการเลือกตั้ง ดิฉันได้ทยอยขายหุ้นในกิจการสื่อที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์เป็นระยะๆ และเป็นการกระทำที่เปิดเผยต่อสาธารณะ ไม่ได้กระทำเป็นความลับ ทั้งนี้ ทุกขั้นตอนสามารถตรวจสอบได้ ส่วนกรณีที่สังคมตั้งข้อสังเกตต่อกรณีที่นายฉาย บุนนาค สามีเป็นเจ้าของกิจการสื่อมวลชนนั้น  ยืนยันว่าสามีและครอบครัวปฏิบัติตามระเบียบ ส่วนดิฉันนั้นยืนยันว่าไม่มีความเป็นเจ้าของหรือถือหุ้นในกิจการของสื่อมวลชนใดๆ" น.ส.วทันยากล่าว
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการรายงานตัว ส.ส. เพื่อเตรียมปฏิบัติหน้าที่ในสภานั้น มี ส.ส.ที่ผ่านการรับรองจาก กกต.มารายงานตัวต่อสภาครบ 500 คนแล้ว 
    วันเดียวกัน เมื่อเวลา 13.30 น. สำนักงานเลขาธิการสภาฯ จัดพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต วันที่ 30 พ.ค. โดยมี ส.ส.จากหลายพรรคการเมืองจำนวนหนึ่งเข้าร่วมงานดังกล่าว อาทิ นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ว่าที่ประธานสภาฯ, นายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ ว่าที่รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง, นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย ว่าที่รองประธานสภาฯ คนที่สอง รวมทั้ง ส.ส.จากพรรคประชาธิปัตย์ พรรคอนาคตใหม่ พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคเพื่อไทย
     หลังร่วมงานพิธีวางพวงมาลา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ส.ส.บัญชีรายชื่อพร้อมด้วยคณะ เดินชมพื้นที่อาคารรัฐสภาแห่งใหม่บริเวณชั้น 4 โดยปฏิเสธให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนต่อประเด็นทางการเมือง
    ระหว่างที่คณะนายอภิสิทธิ์ชมบริเวณโดมห้องประชุมจันทรา หรือห้องประชุม ส.ว.นั้น นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาฯ ระบุว่า จะเร่งงานตกแต่งและให้ ส.ส.ใช้ประชุมได้ช่วงปลายเดือนมิถุนายน คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกับสื่อมวลชนว่า หากห้องประชุมจันทราสามารถใช้ได้ อาจยกเลิกห้องประชุมบริษัททีโอทีใช่หรือไม่
    จากนั้น นายสรศักดิ์ เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้พาคณะชมภายในห้องประชุมจันทรา และสอบถามถึงความคืบหน้างานตกแต่งและปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ นายเทพไทสอบถามกับนายสรศักดิ์ว่าจำนวนที่นั่งในห้องประชุมมีจำนวนเท่าใด ซึ่งนายสรศักดิ์กล่าวตอบว่า โซนล่าง ที่สำหรับสมาชิกประชุมจำนวน 350 ที่นั่ง โซนบน ที่สำหรับประชาชนเยี่ยมชมการประชุม จำนวน 250 ที่นั่ง ทำให้นายอภิสิทธิ์เปรยขึ้นว่า “ข้างบนนี้ให้ ส.ว.นั่งแล้วกัน เพราะไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน”.