“ประยุทธ์” ซุ่มเงียบส่ง “วีรชน” ทำหน้าที่กระบอกเสียง สะพัด! ไฟเขียวให้การเมืองเจรจาตกลงเรื่องโควตาเอง หวังลดกระแส “ปชป.-ภท.” ขัดใจ หึ่ง! รื้อเก้าอี้จัดสรรใหม่ หาก 2 พรรคงอแงใช้เสียง ส.ว.โหวตนายกฯ บีบเจรจาทีหลัง “อุตตม” ขนคณะหมั้นชาติไทยพัฒนา “ลูกท็อป” น้ำตารื้นได้เดินตามรอยเท้าพ่อแล้ว “หญิงหน่อย” ลั่นรักษาสัจจะไม่ลงชิงนายกฯ กรวดน้ำไล่สามมิตรไม่รับกลับพรรค
เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม กองพิธีการ ทำเนียบรัฐบาล ได้ประชุมเตรียมความพร้อมรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งที่ประชุมได้หารือถึงขั้นตอนโดยนำพิธีการในการรับพระบรมราชโองการหลายๆ ครั้งที่ผ่านมามาทำความเข้าใจและซักซ้อม รวมถึงการเตรียมสถานที่ต่างๆ ไว้ ซึ่งที่ผ่านมาแต่ละนายกฯ จะใช้สถานที่รับพระบรมราชโองการแตกต่างกัน ซึ่งหากใช้ทำเนียบรัฐบาล ก็จะใช้ตึกภักดีบดินทร์ ซึ่งมีความเหมาะสมที่สุด โดยเบื้องต้นหากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แล้ว ต้องใช้เวลาเตรียมสถานที่และขั้นตอนต่างๆ อย่างน้อย 2 วัน จึงจะมีพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกฯ ได้
สำหรับความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นั้น ได้ใช้เวลาเคลียร์งานอยู่บนห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้า และพบว่าในช่วงวันที่ 29-31 พ.ค. ก็ไม่มีหมายไปทำกิจกรรมใด และน่าสังเกตว่าช่วงหลังนี้ได้มอบหมายให้ พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ ออกมาชี้แจงถึงสถานการณ์และประเด็นต่างๆ ทางการเมืองด้วย
พล.ท.วีรชนแถลงถึงการแชร์ข่าวนายกฯ จะใช้อำนาจประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยุบพรรคการเมือง ทำให้ ส.ส. 500 คนพ้นสภาพว่า ไม่เป็นความจริง มีผู้ไม่หวังดีพยายามสร้างข่าวเท็จเพื่อให้เกิดความสับสนวุ่นวายในช่วงจัดตั้งรัฐบาล และลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งนายกฯ รับทราบเรื่องดังกล่าว และขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวที่ไม่มีที่มาที่ไป พร้อมกำชับให้ทุกฝ่ายเร่งชี้แจงทำความเข้าใจแก่สังคม โดยยืนยันว่าไม่มีแนวคิดเช่นนั้น
“นายกฯ เคารพกฎหมายและฟังเสียงของประชาชน ขณะนี้เป็นขั้นตอนของพรรคการเมือง จึงต้องรอความชัดเจน นอกจากนี้ยังเตือนผู้ไม่หวังดีให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว โดยรัฐบาลจะสืบหาต้นตอของข่าวเพื่อดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด" พล.ท.วีรชนระบุ
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ให้สัมภาษณ์พิเศษเว็บไซต์ประชาไท และ New Mandala กล่าวตอนหนึ่งถึงการลบล้างผลพวงรัฐบาลประหาร ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายของพรรคว่า ก็ต้องทำ ซึ่งอาจทำได้ไม่จบภายในรัฐบาลชุดนี้ แต่เราจะไม่ยกเลิกนโยบายนี้ ต้องทำต่อให้จบ ต้องบอกประชาชน ซึ่งได้พูดตลอดตั้งเเต่ตั้งพรรคมา ไม่เคยพูดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเปลี่ยนเเปลงได้
“ผมพูดเสมอว่านี่คือการเดินทางยาว เพราะเราเข้าใจข้อจำกัดของสภา เเต่เรายังเลือกทำงานการเปลี่ยนเเปลงในสภาเพราะอะไร เพราะเราคิดว่านี่คือวิธีสันติที่สุด ที่ไม่ต้องมีคนตาย ยกเว้นเเต่ว่าฝ่ายอนุรักษนิยมมองไม่เห็นช่องทางนี้เเล้วปิดประตู คือหมายความว่า ถ้าปิดประตูยุบพรรคอนาคตใหม่ คือกลัวจนเกินเหตุเเล้วปิดประตูตรงนี้ นี่แหละจะทำสังคมไทยพังจริงๆ เพราะมันไม่มีทางออกให้กับการกลับมาสำหรับประชาธิปไตย” นายธนาธรกล่าว
ส่วนความเคลื่อนไหวการจัดตั้งรัฐบาลที่นำโดยพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นั้น ล่าสุดมีการส่งสัญญาณจากผู้ใหญ่ในรัฐบาลให้ฝ่ายการเมืองดำเนินการอย่างเต็มที่ ซึ่งสอดคล้องกับที่ พล.อ.ประยุทธ์แถลงเมื่อวันที่ 29 พ.ค. ว่าการตั้งรัฐบาลเป็นเรื่องของพรรคการเมือง และเพื่อลดความไม่สบายใจของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และภูมิใจไทย (ภท.) ที่ พล.อ.ประยุทธ์สัมภาษณ์ว่าจะเป็นผู้พิจารณารายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ด้วยตัวเอง
รายงานแจ้งว่า เทียบเชิญที่ส่งไปยัง ปชป.และ ภท.ก่อนหน้านี้ มีหลายประเด็นที่ต้องพิจารณากัน โดยเฉพาะการเกลี่ยกระทรวงกันใหม่จากเดิม โดยพิจารณานโยบายของแต่ละพรรคการเมือง และจัดลำดับความสำคัญของแต่ละกระทรวง และคำนึงถึงเสถียรภาพของรัฐบาลด้วย โดย พปชร.ตั้งเป้าจะตกลงกันให้ได้ก่อนวันโหวตเลือกนายกฯ ซึ่งแกนนำ พปชร.มองว่าหากกระทรวงเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พาณิชย์ และคมนาคม ฯลฯ ไม่ได้เป็นของพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลก็จะกระทบกับคนชนบท ซึ่งจะส่งผลต่อการเลือกตั้งครั้งต่อไป ดังนั้นจึงต้องมาร่วมกันพิจารณาอย่างรอบคอบ
“พปชร.ไม่ได้กังวลการรวมเสียงโหวตนายกฯ เพราะแม้ตกลงกับพรรคร่วมไม่ได้ แต่กลไกตามรัฐธรรมนูญเปิดช่องให้ ส.ว.ร่วมโหวตนายกฯ ได้ ซึ่งเมื่อรวมเสียง พปชร.กับพรรคที่ออกตัวแล้วว่าจะร่วมรัฐบาลแล้วจะเกินกึ่งหนึ่งของที่ประชุมรัฐสภาอยู่ ซึ่ง พปชร.จะใช้แนวทางนี้เมื่อไม่สามารถปิดดีลกับ ปชป.และ ภท.ได้ โดยจะโหวตนายกฯ ไปก่อนแล้วค่อยคุยกับ 2 พรรคต่อในภายหลัง” รายงานระบุ
หมั้นชาติไทยพัฒนา
ต่อมาเวลา 10.10 น. นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค พร้อมแกนนำพรรคและแกนนำกลุ่มสามมิตร ได้เดินทางมายังพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) เพื่อเชิญเข้าร่วมรัฐบาล โดยมีแกนนำ ชทพ.มารอต้อนรับก่อนเข้าหารือร่วมกัน โดยบรรยากาศที่แกนนำ พปชร.เดินทางมาถึง นายประภัตร เลขาธิการพรรค ชทพ.ได้จับมือทักทายกับทุกคน และได้เข้าสวมกอดนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ด้วย ซึ่งสื่อได้มีการแซวนายสมศักดิ์ว่า ท่าน รมว.เกษตรฯ จะมาส่งเทียบเชิญนายประภัตรให้ไปเป็นว่าที่ รมช.เกษตรฯ หรือไม่ ซึ่งนายสมศักดิ์หันมาอมยิ้ม พร้อมโอบไหล่นายประภัตรว่า คนนี้ต้องไปเป็นรองนายกฯ
ภายหลังหารือกว่า 1 ชั่วโมง แกนนำทั้ง 2 พรรคได้ลงมาแถลงข่าวร่วมกัน โดยนายอุตตมระบุว่า ต้องขอบคุณผู้บริหารพรรค ชทพ.ทุกคนที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น เราได้หารือกันในเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะแนวนโยบายที่มี เพื่อขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรมและตอบโจทย์ปัญหาประชาชน ส่วนเหตุที่ยกขบวนขันหมากมาช้า เพราะแต่ละพรรคต่างมีขั้นตอนดำเนินการ ซึ่งวันนี้เรารู้สึกอบอุ่นมาก บรรยากาศเป็นไปได้ด้วยดี และไม่ได้รู้สึกเลยว่าแกนนำ ชทพ.มีความน้อยใจแต่อย่างไร
เมื่อถามถึงจุดยืนของ พปชร.ที่อยากให้โหวตเลือกนายกฯ ก่อนเจรจาโควตารัฐมนตรี นายอุตตม กล่าวว่า พรรคไม่ได้มีจุดยืนเช่นนั้นเลย เราทำตามขั้นตอน เรายึดพี่น้องประชาชนเป็นหลัก วันนี้บ้านเมืองต้องเดินหน้าได้ ดังนั้นเราหารือระหว่างพรรคการเมืองก็ยึดเรื่องดังกล่าวเป็นหลัก
ด้าน น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค ชทพ. กล่าวว่า ขอบคุณผู้ใหญ่ พปชร.ที่ให้เกียรติเชิญพรรคเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล เบื้องต้นได้คุยกันเกี่ยวกับนโยบายของทั้งสองพรรค ซึ่งมีจุดยืนร่วมกันที่อยากให้ปัญหาประเทศได้รับการแก้ไขและเดินหน้าไปได้ แต่ยังไม่ได้คุยกันถึงเก้าอี้รัฐมนตรี เช่นเดียวกับเงื่อนไขในการโหวต พล.อ.ประยุทธ์ พรรคขอดูโอกาสผลักดันนโยบายก่อน ซึ่งเป็นประเด็นหลักในการตัดสินใจ โดยคณะกรรมการบริหารพรรคจะนำคำเชิญนี้เข้าหารือกันในวันที่ 31 พ.ค.นี้
เมื่อถามถึงการขับเคลื่อนนโยบายเกี่ยวกับเกษตร และทรัพยากรธรรมชาติ เข้าข่ายงานที่สนใจหรือไม่ น.ส.กัญจนากล่าวติดตลกว่า เหมือนถามกระทรวงเลย จริงๆ เราก็หาเสียงหลายนโยบาย ตรงไหนทำได้มากน้อยแค่ไหน เราไม่ได้หาแค่เกษตร แต่มองเรื่องสังคมเมือง ท่องเที่ยว สิ่งแวดล้อม และสาธารณสุข แต่คงไม่ได้ทุกกระทรวงหรอก ส่วนแนวโน้มจะเป็นอย่างไร ขอประชุมในวันที่ 31 พ.ค.ก่อน บุคลิกของชาติไทยพัฒนาแต่ไหนแต่ไรมา อะไรที่ทำให้ประเทศเดินหน้าได้ เราไม่ทำตัวเป็นปัญหา ท่านมาคุยก็มีมิตรไมตรี วันนี้เราก็เลี้ยงกล้วยปิ้งท่าน ก็หวังว่าหลังจากนี้ทุกอย่างก็จะกล้วยๆ ขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการพูดคุยและหารือกับแกนนำพรรค พปชร.เสร็จสิ้นแล้ว น.ส.กัญจนาและนายวราวุธได้ขึ้นไปยังห้องทำงานที่ชั้นสอง เพื่อจุดธูปไหว้รูปของนายบรรหาร โดยนายวราวุธกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและตาแดงว่า รู้สึกตื้นตันใจที่วันนี้พี่สาวและตนเองได้ขับเคลื่อนพรรคตามแนวทางของพ่อ วันนี้เป็นจุดเริ่มต้นการสานต่องานและนโยบายการทำงานของต่างๆ ของพ่อได้สำเร็จ ซึ่งเชื่อว่าพ่อคงมองเห็น
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงท่าทีการพิจารณาเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรค พปชร.ว่า ยังไม่มีอะไรคืบหน้า มีเพียงความว่างเปล่า เพราะแกนนำ พปชร.ยังไม่ส่งสัญญาณใดๆ กลับมา จึงต้องให้โอกาส พปชร.ไปเคลียร์ปัญหาภายในกันเองให้เรียบร้อยก่อน ระหว่างนี้ให้เขาเดินสายทาบทามพรรคอื่นไปพลาง เพื่อให้มีเสียงสนับสนุนเกิน 250 เสียง ส่วน ปชป.เองต้องรอข้อมูลเพื่อกำหนดท่าทีว่าจะร่วมรัฐบาลหรือไม่ เชื่อว่าที่ประชุมร่วมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) และ ส.ส.พรรคจะมีท่าทีอย่างใดอย่างหนึ่งแน่นอน ไม่แทงกั๊กหรือเปิดฟรีโหวต พรรคต้องการเอกภาพว่าเราจะกำหนดทิศทางเข้าร่วมรัฐบาลกับ พปชร.หรือไม่
นายเทพไทกล่าวต่อว่า ถ้าหาก พปชร.ยังเดินเกมการเมืองเช่นนี้ เชื่อว่าการจัดตั้งรัฐบาลของ พปชร.จะเจอทางตัน ที่สุดจะมีเสียงร้องให้ขั้วที่สามออกมาจัดตั้งรัฐบาลแทนมากขึ้นเรื่อยๆ และจะมีสูตรจัดตั้งรัฐบาลในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อเรียกร้องของนายพิชาย รัตนดิลก คณบดีคณะพัฒนาสังคมฯ นิด้า ที่มีข้อเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์เสียสละประกาศไม่รับตำแหน่งนายกฯ และเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยที่สังคมไทยหวาดระแวง ให้ประกาศตัวทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ส่วนพรรคการเมืองอื่นที่เหลืออยู่ก็ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลผสม ซึ่งถือว่าเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจ สอดคล้องกับแนวคิดที่เคยเสนอก่อนหน้านี้ในเรื่องรัฐบาลปรองดองแห่งชาติ ที่จะแก้ไขปัญหานำพาประเทศไทยออกจากวิกฤติการเมืองได้
ไล่ไปแล้วไปลับ
สำหรับกระแสกลุ่มสามมิตรอาจย้ายกลับมาพรรคเพื่อไทย (พท.) เพราะไม่พอใจโควตารัฐมนตรีนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรค พท. กล่าวว่า เคยบอกแล้วว่าคนที่ย้ายออกไปขอให้ไปแล้วไปรับกรวดน้ำ เพราะพรรคไม่มีผลประโยชน์ในการทำงาน ต้องการคนจริงใจไปช่วยประชาชน ไม่ใช่คนที่อ้างประชาชนไปหาผลประโยชน์ คนบางกลุ่มที่ย้ายออกจากพรรคไปแล้วไม่ต้องย้ายกลับมา
เมื่อถามถึงการขู่ยุบสภา คุณหญิงสุดารัตน์ตอบว่า พรรคพร้อมอยู่แล้ว แต่เชื่อว่าคนขู่ คงไม่กล้ายุบ
น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค อนค. กล่าวว่า ไม่สบายใจที่เห็นคุณเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. ออกมาพูดว่าหากสถานการณ์วุ่นวาย และ ส.ส.ไม่สามารถเลือกนายกฯ ได้ ส.ว.ต้องเข้ามาช่วยจัดการ ซึ่งต้องย้อนไปว่าปัญหาที่คาราคาซังอยู่จนไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เป็นเพราะกลไกการสืบทอดอำนาจของ คสช. ที่ชื่อวุฒิสภา ส่งผลให้การตัดสินใจของพรรคการเมืองบิดเบี้ยวไปหมด ขณะที่ ส.ว.เองก็ยังมีปัญหาในเรื่องความชอบธรรม หากพวกท่านต้องการแก้ปัญหาบ้านเมืองจริงๆ สามารถทำได้โดยอยู่เฉยๆ ไม่ต้องออกเสียงเลือกนายกฯ และปล่อยให้การเลือกนายกฯ เป็นหน้าที่ของ ส.ส.
ถามต่อว่าพร้อมหรือไม่หากเป็นฝ่ายค้าน น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า เป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลไม่สำคัญเท่ากับมีความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหาจริงหรือไม่ หากต้องเป็นรัฐบาล แต่ต้องยอมซูเอี๋ย หรือทำตามนายกฯ ทั้งหมด เป็นรัฐบาลไปก็ไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้ หากเป็นฝ่ายค้านแล้วสามารถยับยั้งกฎหมายที่ออกมาแล้วสร้างความเดือดร้อน น่าจะเป็นการแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้มากกว่าด้วยซ้ำ
“เราใช้เงินไปกับการเลือกตั้งหลายพันล้านบาท แน่นอนว่าการยุบสภาเป็นเครื่องมือหนึ่งในการแก้ปัญหา เมื่อถึงวาระทางตันที่รัฐบาลบริหารประเทศต่อไม่ได้ แต่หากเกิดกรณีที่เข้าไปปุ๊บแล้วยุบทันที ประชาชนคงตั้งคำถามว่าเป็นการยุบสภาเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองหรือประชาชนกันแน่ และขอให้ประชาชนอย่าเพิ่งหมดหวัง เพราะคนที่เป็นรัฐบาลอาจไม่ใช่คนประกาศตัดสินใจยุบสภา ตอนนี้เร็วเกินไป สภายังไม่ได้เป็นของคุณ จึงไม่สามารถตัดสินใจว่าจะยุบหรือไม่ยุบได้” น.ส.พรรณิการ์ระบุ
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.)กล่าวว่า เชื่อว่าวันนี้ประชาชนส่วนใหญ่คงอึดอัดกับสถานการณ์การเมืองที่เดินหน้าไม่ได้ ถอยหลังก็ไม่ดี ทั้งหมดเป็นเพราะความอยากของคนบางกลุ่มที่ต้องการอำนาจเป็นสมบัติถาวร การเจรจาตั้งรัฐบาลที่ทำกันอยู่จึงไม่ได้มีศูนย์กลางที่ประชาชนหรือหลักประชาธิปไตย แต่ทุกอย่างเป็นไปภายใต้เป้าหมายเดียวคือ พล.อ.ประยุทธ์ต้องเป็นนายกฯ เมื่อโจทย์หลักเป็นแบบนี้ จึงจบยาก แต่ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ประกาศเหมือนพรรคฝ่ายประชาธิปไตยว่าไม่ยึดติด ขอเพียงบ้านเมืองเดินหน้าจะไม่รับตำแหน่งใดๆ เชื่อว่าทุกอย่างจะจบง่าย ขึ้นอยู่กับตัวท่านว่าจะพร้อมเสียสละเพื่อบ้านเมืองเหมือนที่ปากพูดหรือไม่
หญิงหน่อยย้ำรักษาสัจจะ
วันเดียวกัน ยังมีความเคลื่อนไหวในพรรค พท.ถึงการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ โดยเฉพาะกระแสผลักดันนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ โดยนายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรค พท. กล่าวว่า จะเสนอชื่อคุณหญิงสุดารัตน์เป็นแคนดิเดตนายกฯ ในนามของ 7 พรรคการเมือง เพราะมีความเหมาะสมมากที่สุดในสถานการณ์ขณะนี้ เพราะที่ผ่านมาคุณหญิงสุดารัตน์เป็นหัวเรือของพรรคที่นำพาชัยชนะกวาดที่นั่ง ส.ส.ได้มากที่สุด โดยได้พูดคุยกับกลุ่ม ส.ส.อีสานทุกคน รวมถึง ส.ส.ภาคอื่นก็เห็นด้วยกับข้อเสนอของตน
เมื่อถามถึงจุดยืนของคุณหญิงสุดารัตน์ที่ประกาศเสียสละไม่รับตำแหน่ง นายไพจิตกล่าวว่า เป็นเอกสิทธิ์ส่วนตัวของคุณหญิงสุดารัตน์ตอนทาบทามให้พรรคการเมืองขั้วที่ 3 มาร่วมงาน แต่เมื่อสถานการณ์ทางการเมืองเปลี่ยนแปลงไป ก็เชื่อว่าเงื่อนไขบางอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์ที่เหมาะสม
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวในเรื่องนี้ว่า เมื่อได้ประกาศไปแล้ว ในฐานะนักการเมือง คำพูดต้องสำคัญ ยิ่งคนดูหมิ่นดูแคลนนักการเมือง เป็นพวกสับปลับเชื่อไม่ได้ เรายิ่งต้องรักษาคำพูดในสัจวาจา เมื่อประกาศไปแล้วจะเสียสัจจะไม่ได้ ไม่ว่าจะอยู่ตรง ส่วนไหนก็สามารถทำงานช่วยเหลือได้ หากสมาชิกพรรคส่วนใหญ่ยังยืนยันสนับสนุนอีก ก็จะอธิบายให้ทราบ เหมือนที่ได้พูดไปว่าเหตุใดไม่ขอรับการเสนอชื่อ ส่วนจะมีการเสนอชื่อใครเป็นแคนดิเดตนายกฯ เข้าใจว่าก่อนวันประชุมเลือกนายกฯ พรรคร่วมทั้ง 7 พรรคจะหารือกันอีกครั้ง
นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรค พท. กล่าวว่า พรรคจะเชิญ ส.ส.ฝีปากกล้ารุ่นพี่มาเป็นครูฝึกให้ ส.ส.หน้าใหม่ ซึ่งมีทั้ง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน, นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. และนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม เป็นต้น เพื่อจะได้มีบุคลากรที่มีความสามารถของพรรคช่วยกันทำหน้าที่ในสภาอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนให้ดีที่สุดตามนโยบายของพรรค
น.ส.พรรณิการ์กล่าวถึงแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยว่า เราไม่สามารถก้าวล่วงการตัดสินใจของพรรค พท.ได้ อยู่ที่ พท.จะเห็นชอบใครเป็นนายกฯ แต่สำหรับ อนค. เรายืนยันมาตลอดว่าแคนดิเดตของพรรคมีเพียงนายธนาธรเท่านั้น แม้จะกังวลว่านายธนาธรถูกสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวโดยศาลรัฐธรรมนูญ อาจทำให้นายธนาธรไม่สามารถเป็นนายกฯ ได้นั้น ขอย้ำอีกครั้งว่าคุณสมบัติของนายธนาธรมีศักดิ์และสิทธิ์ในการดำรงตำแหน่งครบทุกประการ และเราเชื่อว่านายธนาธรเองเป็นนักการเมืองที่ได้รับความเชื่อถือจากประชาชนมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ จึงมีความเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งนายกฯ
เมื่อถามว่า หากเพื่อไทยมีมติเสนอชื่อคุณหญิงสุดารัตน์กลับมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ จริง ทิศทางของทั้ง 7 พรรคฝ่ายต่อต้านการสืบทอดอำนาจมีความเห็นอย่างไร น.ส.พรรณิการ์ตอบว่า ต้องมีการพูดคุยถึงเรื่องนี้อีกครั้ง เพราะยังมีเวลาอีกหลายวันกว่าจะถึงวันเลือกนายกฯ แต่เราเชื่อว่าจะได้ข้อสรุปก่อนวันเลือกนายกฯ อย่างแน่นอน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |