ทางออกตามแบบประชาธิปไตยแบบไทยๆ


เพิ่มเพื่อน    

 ฮื่อมม์ม์ม์...ชิงตัดหน้าไปก่อนซะแล้ว สำหรับรัฐสภาอิสราเอล ทั้งๆ ที่เลือกตั้งหลังบ้านเราร่วมครึ่งเดือน แต่หลังเที่ยงคืนวันพุธที่ผ่านมา สภา Knesset ของอิสราเอลก็ตัดสินใจลงมติ 77 ต่อ 45 ให้กลับไปเลือกตั้งกันใหม่ อันเนื่องมาจากความพยายามจัดตั้งรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันฮายู แห่งพรรคลิคุด ดัน ล่มปากอ่าว ซะดื้อๆ!!!

                                                                 -------------------------------------------------

                คือขนาดทั้งๆ ที่เป็น ฝ่ายขวา ออกอาการเหี้ยมเกรียมไปด้วยกันทั้งคู่ ระหว่างพรรคลิคุดของนายกฯ เนทันยาฮู กับพรรค ยิสราเอล เบเทนู (Yisrael Beytenu) ของนาย เอวิกดอร์ ลีเบอร์แมน อดีตผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมในรัฐบาล เนทันยาฮู มาก่อนหน้านี้ แต่กระนั้น...ก็ยังอุตส่าห์หา จุดลงตัว กันไม่เจอ การจัดตั้งรัฐบาลในแบบเสียงปริ่มน้ำ เช่นเดียวกับบ้านเรา มันเลยต้องออกอาการตกน้ำ ตกท่า หรือต้องจมน้ำไปจนได้ ต้องกลับไปเลือกตั้งกันใหม่ เห็นว่า...น่าจะประมาณเดือนกันยาฯ หรือในอีก 4 เดือนข้างหน้านั่นแล...

                                                                   -------------------------------------------------

                เรียกว่า...ขนาดอดีตนายกรัฐมนตรี 4 สมัย เจ้าของคำขวัญ เลือกความวุ่นวาย...ต้องเลือกลุงเนทันยาฮู ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ด้วยการประกาศว่า...ทันทีที่ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีรอบใหม่ จะยึดเอาดินแดนฉนวนกาซาของพวกปาเลสไตน์ มาเป็นของประเทศอิสราเอลให้จงได้ แต่ถึงขนาดนั้น...ก็ยัง เอาไม่อยู่ ซะเฉยเลย เมื่อเจอเข้ากับการยึกไป-ยึกมา ยักไป-ยักมา ของพรรคการเมืองที่เคยผสมพันธุ์ เคยร่วมรัฐบาลกันมาก่อนด้วยกันแท้ๆ แล้วยังงี้...เจ้าของคำขวัญ เลือกความสงบ...ต้องจบที่ลุงตู่ อย่างท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของเรา...จะไปเหลืออะไร??? อาการยักตื้นติดกึก-ยักลึกติดกัก จึงปรากฏให้เห็นไปเป็นช่วง เป็นระยะ...

                                                                -----------------------------------------------------

                แต่ก็นั่นแหละ...สำหรับ ลุงเนทันยาฮู แล้ว ความหวังถึงการคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งรอบใหม่ก็ยังพอมีอยู่ แต่สำหรับ ลุงบิ๊กตู่ ของเรานี่สิ อะไรต่อมิอะไรมันออกจะพร่ามัว เลือนๆ รางๆ อยู่พอสมควร ดังนั้น...คงมีแต่ต้องออกแรงฮึด กระเสือกกระสนต่อไปให้จงได้ แม้ว่าแนวโน้มของการเป็น รัฐบาลปริ่มน้ำ มันอาจส่งผลให้ต้อง จมน้ำ ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ด้วย ทางออก ของประชาธิปไตยแบบไทยๆ นั้น ก็ยังพอมีสูตรให้เลือกอยู่อีกหลายต่อหลายสูตร ขึ้นอยู่กับจังหวะ สถานการณ์ ที่จะต้องปรับใช้ ประยุกต์ใช้ ให้เหมาะสมไปตามสภาพ...

                                                                  ---------------------------------------------------

                อีกทั้งด้วย ความเป็นไทยๆ ที่มักออกไปทางยืดๆ  หยุ่นๆ พร้อมที่จะประนีประนอมยอมความกันตามสมควร ไม่ได้เหี้ยมโหด เหี้ยมเกรียมแบบ ความเป็นอิสราเอล ที่ถ้าหากหน้าไหนไม่ใช่ ชาวยิว ด้วยกันแล้ว มีแต่ต้องลำบากไปด้วยกันทั้งสิ้น การอาศัยช่วงจังหวะเวลาที่ทอดยาวออกไป ค่อยๆ ปะเหลาะกันไปทีละเปลาะ-สองเปลาะ โอกาสที่จะต้องกลับไปเลือกตั้งกันใหม่ภายใน 6 เดือน หรือ 1 ปีข้างหน้า จึงไม่น่าจะเป็นไปได้ถึงขั้นนั้น คือยังพอมีวิธีที่น่าจะ อยู่ๆ กันไปได้ อีกเยอะแยะมากมาย เพียงแต่จะอยู่กันแบบไหน อย่างไร อยู่แบบต้อง กัดกัน ไปโดยตลอด หรืออยู่แบบค่อยๆ เรียนรู้ถึงความ รู้-รัก-สามัคคี ไปตามลำดับขั้น...

                                                                 -------------------------------------------------------

                อันนี้นี่แหละ...ที่คงต้องช่วยกันประดิษฐ์ คิดค้น ต้องช่วยกันร่วมสร้างบรรยากาศ ให้มันเป็นไปในแนวนั้น แม้ว่าบรรดา นักการเมือง เขาจะถนัดในการ กัดกัน ไปตามลักษณะวาสนา หรือตามสัญชาตญาณดั้งเดิม ยังไงก็แล้วแต่ แต่ถ้าหากบรรดาปวงชน หรือผู้ซึ่งเคยดำรงตนเป็น ติ่งการเมือง ทั้งหลาย ไม่คิดจะ กัดกัน ซะอย่าง มันก็อาจพอช่วยให้อะไรต่อมิอะไรให้ดูดีขึ้นมาได้บ้าง แม้แต่เล็กๆน้อยๆ ก็ยังดี คืออย่าไปยุ อย่าไปเชียร์ อย่าไปแบ่งข้าง แบ่งฝ่าย จนแทบไม่รู้ว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหนกันไปแล้ว มีทั้งฝ่าย ประชาธิปไตยสุจริต ที่ไม่เอากับฝ่าย ประชาธิปไตยไม่สุจริต และไม่เอากับฝ่าย เผด็จการสืบทอดอำนาจ ซะอีกด้วย จนหาจุดลงตัวแทบไม่เจอ ว่าจะร่วมรัฐบาล-ไม่ร่วมรัฐบาล หรือจะเป็นฝ่ายค้านอิสระ ซึ่งหนีไม่พ้นต้องหันไปร่วมมือกับฝ่ายประชาธิปไตยที่ไม่สุจริตกันจนได้...

                                                                      ----------------------------------------------------

                ส่วนฝ่าย เผด็จการสืบทอดอำนาจ ก็มีทั้งประเภทที่อยากให้สืบทอดอำนาจแต่เฉพาะ บิ๊กตู่ โดยไม่อยากให้ บิ๊กป้อม หรือ บิ๊กป๊อก เข้ามาสืบทอดด้วยเป็นเด็ดขาด ไปจนประเภทที่สืบยังไงก็ย่อมได้ ขอแต่ให้ตัวเองพอได้มีตำแหน่ง แห่งที่ เท่านั้นเอง ขณะที่ฝ่าย ประชาธิปไตยไม่สุจริต ทั้งหลาย ก็มีทั้งประเภท เผาไทย เฉยๆ กับ เผาจนอนาคตไหม้ มีทั้งแดงแท้ แดงเทียม แดงสลิ่ม ฯลฯ และอะไรต่อมิอะไรอีกเยอะแยะมากมาย ชนิดจำกันแทบไม่หวาด-ไม่ไหว ด้วยบรรยากาศเช่นนี้นี่เอง...ที่มันทำให้สิ่งที่เรียกๆ กันว่า ประชาธิปไตย ออกจะเป็นอะไรที่น่าเบื่อ น่าเอียน น่าขยะแขยง ขยิดเขยียน ยิ่งขึ้นทุกที...

                                                                      --------------------------------------------------------

                ดังนั้น...การ กลับไปเลือกตั้งใหม่ จึงไม่ใช่เป็น คำตอบ สำหรับประเทศไทย หรือสำหรับอนาคตการเมืองไทยอยู่แล้วแน่ๆ เพราะประเทศไทยย่อมต่างไปจากประเทศอิสราเอลแบบคนละเรื่อง-คนละม้วน มีแต่ต้องค่อยๆ เรียนรู้ถึงความ รู้-รัก-สามัคคี กันไปตามลำดับขั้นนั่นแหละ แม้จะช้าบ้าง หรือต้องใช้เวลาอยู่บ้าง แต่ด้วย ความเป็นไทย ที่ออกจะยืดๆ หยุ่นๆ อยู่พอสมควร โอกาสที่จะหา จุดลงตัว สำหรับความเป็นประชาธิปไตย มันจึงย่อมต้องเป็นไป ตามแบบฉบับไทยๆ นั่นแล...

                                                                    ------------------------------------------------------------

                ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Charles Yost (อีกครั้ง)... Democracy is not a matter of sentiment, but of fore-sight. Any system that does not take the long run into account will burn itself in the short run. - ประชาธิปไตยมิใช่เรื่องของอารมณ์ แต่เป็นเรื่องของการมองการณ์ไกล ระบบอะไรก็ตามที่ไม่คำนึงถึงการณ์ไกล ย่อมเผาไหม้ตนเองมอดไปภายในระยะสั้นๆ...

                                                                    -------------------------------------------------------------- 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"