เชียร์กีฬา เอาแต่มันลูกเดียว มันก็ได้
แต่ถ้าจะให้เท่........
ศึกษากติกากีฬานั้นๆ ซะหน่อย แล้วเชียร์ให้อยู่ในกรอบกฎ
ถึงจะเรียกว่า "ดูกีฬาเป็น"!
การเมืองก็ไม่ต่างกีฬา รู้กฎกติกาตามรัฐธรรมนูญซักนิด ก็จะเชียร์กัน ชนิดมันเข้าเนื้อกว่านี้
อย่าเพิ่งไปเชียร์ถึงขั้นให้ยุบสภา หรือให้ปฏิวัติ-รัฐประหารอะไรนั่นเลย
การเมืองสนองความสะใจน่ะ มันแป๊บเดียวแหละ จากนั้น ช้ำเลือด-ช้ำหนองไปนาน
เคยอ่านนิยายกำลังภายในของโกวเล้งเรื่อง "จอมดาบหิมะแดง" มั้ย ว. ณ เมืองลุง เพื่อนผมแปล อ่านกันหนุบหนับถึงทุกวันนี้
โป้วอั้งเสาะ "จอมดาบหิมะแดง" ได้ชื่อว่า "ดาบเร็วที่สุดในแผ่นดิน"
แต่เชื่อมั้ย โป้วอั้งเสาะ น้อยครั้งจะชักดาบ
แต่ชักเมื่อใด.........
นอกจากไม่มีใครรอดแล้ว
ก็ไม่มีใครเคยเห็นด้วยว่า โป้วอั้งเสาะชักตอนไหน แม้กระทั่งกับคนตาย!?
....เร็วถึงปานนั้น!
แล้วโป้วอั้งเสาะขลังตรงไหน...ถ้าถาม?
ก็จะตอบว่า ขลังตรงที่มีดาบ แต่ไม่ชัก (พร่ำเพรื่อ)
แต่เมื่อชัก.........
ทั้งเทพ-ทั้งมาร กระบาลต้องแยก!
เพราะฉะนั้น โป้วอั้งตู่ หรือโป้วอั้งแดง ไม่มีความจำเป็นอะไรเลย ที่ต้องชักดาบ ไม่ว่าตอนนี้ หรือตอนไหน
ขืนชัก........
คนชักนั่นแหละ จะชัก...แหง็กๆๆๆๆ!
เพราะการเมืองเรื่องตั้งรัฐบาลขณะนี้ ทุกอย่างกำลังเดินไปตามกรอบกฎกติการัฐธรรรมนูญ
ใครขืนบ้าจี้ตามเสียงเชียร์ หรือหัวร้อนไปเอง ด้วยไม่เป็นดังใจ นั่นก็จะตายด้วย "ผิดกติกา" เอง
มันก็เป็นอย่างนี้ทั้งโลก เพียงแต่เราไม่ไปสังเกตเอง กับประชาธิปไตยระบบรัฐสภาน่ะ
กว่าจะรวบรวมเสียงตั้งรัฐบาลได้........
พ่อคุณเอ๊ย...เหมือนควายกว่าเขาจะงอก ประมาณนั้น!
นักเลือกตั้งหรือ "นักการเมือง" นั้น "เทพกับมาร" อยู่ในร่างเดียวกัน ดังนั้น ถึงไม่เข้าใจ ก็ต้องทำใจ
นักการเมืองคนไหน ถ้าชาวบ้านบอกว่า "ซื่อสัตย์"
ในแวดวงการเมืองด้วยกัน จะเรียกคนนั้นว่า "ทื่อสัตย์"
คือเป็นคนโง่ คนไม่ทันเหลี่ยม ไม่มีแต้มคูในทางต่อรอง สื่อจะเหยียดหยามว่า "ไม่เก๋าเกม" อะไรทำนองนั้น
ฉะนั้น ดูเขาไปเรื่อยๆ
จะเชียร์ ก็เชียร์ให้มันอยู่ในกรอบกติกา นักการเมืองระบบรัฐสภา เราเป็นคนเลือกเขามา
ถ้าเลือกด้วยจิตวินิจฉัยต่ำกว่า "ตัวคน" ที่เราเลือกเข้าสภา
ทั้งชาตินี้-ชาติหน้า ก็อย่าหวังว่าบ้านเมืองจะเป็นประชาธิปไตยได้ตามชื่อ!
ถ้าจะได้.......
ก็ได้ประชาธิปไตยแบบ "ธนาธร-ปิยบุตร" นั่นแหละ!
พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกฯ ท่านพูดด้วยวลีสะท้อนประชาธิปไตยเลือกตั้งได้ตรงตัว
ท่านบอกว่า ประชาธิปไตยเหมือนรถไฟหวานเย็น ต้องจอดทุกสถานี!
ตอนนั้น ทั้งสื่อ ทั้งใครๆ ก็นำไปพูดเชิงถากถางพลเอกชาติชาย แต่ถ้าตรองตาม มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
ใช่ว่า ใครเป็นนายกฯ มีอำนาจแล้วทำอะไรก็ได้ จะซ้ายหัน-ขวาหัน ได้ตามใจ
ในความเป็นจริง มันเป็นอย่างนั้นไม่ได้ ได้แค่ขมุบขมิบปาก "ด่าแม่ในใจ" เท่านั้น
ลูกพรรคก็ต้องเอาใจ พรรคร่วมก็ต้องเอาใจ ฝ่ายค้านก็ต้องสมานใจ ข้าราชการก็ต้องถนอมน้ำใจ ชาวบ้านก็ต้องทั้งเอาใจและตามใจ
คือ ต้องจอดทุกสถานี เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว อย่าไปอิจฉาคนเป็นนายกฯ เลย
"สมเพช-เวทนา" ในเวรกรรมประกาศิต นั่นละมากกว่า!
คนจิตไม่แข็ง คนโลกทัศน์แคบ คนมีแค่ ๒ หู ๒ ตา เป็นได้ แต่ยากจะเอาดีได้
คนเป็นนายกฯ ไม่สามารถรู้ทุกเรื่องได้
แต่สามารถสรรหาคนที่มีความรู้ในแต่ละเรื่องมาเป็นหู-เป็นตา แล้วขยับเขยื้อนด้วยมือและตีนตัวเองได้
การตั้งรัฐบาลขณะนี้ ดูๆ ไปแล้ว คนในแต่ละพรรค รู้เรื่องตัวเองน้อยกว่าพวกสื่อซะอีก
รัฐบาลยังเป็นสเปิร์มนอกรังไข่อยู่แท้ๆ
แต่ถ้าอ่านข่าว-ฟังสื่อ เลยไปถึงขั้นยุบสภา เลือกตั้งใหม่ ไปกิโล ๐ ก็ยังมี!
ดูลีลาแต่ละพรรค แต่ละหัวหน้า แต่ละสมุน แล้วจดบันทึกใส่หนังวรนุชกันลืมไว้จะเป็นประโยชน์กว่า
จำลายไว้........
ถึงวาระเลือกตั้ง ก็เลือกให้มันถูกคน-ถูกพรรคละกัน จะได้ไม่ต้องปริ่มแคม-ปริ่มน้ำ ให้คลื่นเหียนเวียนหัวกันแบบนี้อีก
กรณีตั้งได้หรือตั้งไม่ได้ ต้องไปวิตกทุกข์ร้อนทำพรือ?
ยึดหลัก คือรัฐธรรมนูญไว้ จะเย็นใจ เหมือนได้กินไอติมไข่แข็ง
อย่าไปยึดสวะ ที่โพสต์กันเอามัน-เอาสะใจเรื่อยเปื่อยตามโซเชียล มีเดีย
ตั้งได้-ไม่ได้, ตั้งช้า-ตั้งเร็ว วิตกไปไย เพราะค่าเท่ากัน
ก็บอกแล้ว รัฐบาล คสช.ปัจจุบัน ที่พลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ ไม่ใช่รัฐบาลรักษาการ
รัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๖๔ บอกว่า......
"ให้คณะรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ เป็นคณะรัฐมนตรีตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ จนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญนี้จะเข้ารับหน้าที่"
และมาตรา ๒๖๕ ยังระบุอีกว่า
"ให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ยังคงอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญนี้จะเข้ารับหน้าที่"
ก็โต้งๆ ตรงตัวตามกฎหมายว่า "รัฐบาลใหม่" ตั้งช้า-ตั้งเร็ว ก็แปะเอี้ย
ในเมื่อ "รัฐบาลพลเอกประยุทธ์" ยังคงบริหารราชการแผ่นดินด้วย "อำนาจเต็ม" ได้ตามปกติ
ทั้ง "คณะ คสช." ก็ยังปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ตามปกติ
จนกว่าจะมี "คณะรัฐมนตรีใหม่" คือ "รัฐบาลใหม่" มาแตะมือนั่นแหละ ทั้งรัฐบาล คสช.และคณะคสช.จึงจะหมดสภาพตามรัฐธรรมนูญ
ฉะนั้น ไม่ต้องโรยแป้ง ไม่ต้องขูด ที่เห็น "พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์" ผบ.ทบ.ไปพบนายกฯ ประยุทธ์ที่ทำเนียบฯ เมื่อวาน
เพราะ "ผบ.ทบ." เป็นเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ "โดยตำแหน่ง" นั่นปะไร!
รัฐธรรมนูญบอกให้รัฐสภาโหวตเลือกตัวนายกฯ
แต่ไม่ได้กำหนดว่า จะต้อง "ตั้งรัฐบาล" ให้เสร็จภายในกำหนดเท่าใด?
จะวันเดียวเสร็จ หรือหนึ่งปีเสร็จ ได้ทั้งนั้น รัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๖๒ บอกเพียงว่า.........
"คณะรัฐมนตรีที่จะเข้าบริหารราชการแผ่นดินต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภาซึ่งต้องสอดคล้องกับหน้าที่ของรัฐ แนวนโยบายแห่งรัฐ และยุทธศาสตร์ชาติ และต้องชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ที่จะนำมาใช้จ่ายในการดำเนินนโยบาย โดยไม่มีการลงมติความไว้วางใจ
ทั้งนี้ ภายในสิบห้าวัน นับแต่วันเข้ารับหน้าที่"
นั่นก็คือ เอากันไปตามสบายเหอะ
เสร็จเมื่อไหร่ ชาติไหน เข้าบริหารราชการแผ่นดินวันไหน ก็นับ ๑ วันนั้นไป
ภายใน ๑๕ วัน ต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เป็นอันว่า ทั้งรัฐบาล คสช.และ คสช. "หายไปจากแผ่นดินประชาธิปไตย"
พอเข้าใจกฎกติกา "กีฬาตั้งรัฐบาล" กันหรือยังล่ะ?
ก็จะเห็นว่า ตั้งเร็วก็ได้ ตั้งช้าก็ดี บ่เป็นหยัง!
ยังไงๆ ก็มีรัฐบาลประยุทธ์, คณะ คสช.บริหารราชการแผ่นดินอยู่แล้ว
ไม่ต้องไปยุให้ยุบสภาหรือให้ต้องเอ่ยคำ "...ขอโทษ ถ้างั้น ผมยึดอำนาจ" อะไรนั่นอีก
การ "ยุบสภา" มันเป็นเงา "ประชาธิปไตยเลือกตั้ง" อยู่ในตัวมันเองแล้ว
ยังไม่ท้อง จะรีบตั้งชื่อลูกให้ผีหักคอไปทำไม สภามีแล้ว ประธานก็มีแล้วทั้ง ๒ ประธาน
นายกฯ ก็อยู่ระหว่างลมเบ่ง ว่าจะหัวออกหรือขาออก?
ดังนั้น อย่าไปเชียร์แบบลัดขั้นตอน.........
จะยุบหรือจะยาว ปล่อยให้เป็นเรื่องของธรรมชาติไปเถอะ
แล้วทุกอย่างจะ "สวยด้วยรัฐธรรมนูญ" ฉบับปราบมาร!
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |