สื่อกระบอกเสียงของทางการจีนประสานเสียงยุรัฐบาลใช้แร่หายากเป็นเครื่องมือโจมตีตอบโต้รัฐบาลสหรัฐในสงครามการค้า ด้วยการลดปริมาณการส่งออกทรัพยากรเหล่านี้ซึ่งจำเป็นสำหรับการผลิตอุปกรณ์สมัยใหม่ตั้งแต่สมาร์ทโฟนยันอาวุธ อีกด้านหัวเว่ยร้องศาลสหรัฐเร่งตัดสินยกเลิกคำสั่งแบนของรัฐบาลทรัมป์

แฟ้มภาพ วันที่ 21 เมษายน 2554 ชาวจีนสวมหน้ากากอนามัยปั่นจักรยานผ่านโรงงานผลิตแร่หายากชานเมืองเบาตูเขตมองโกเลียใน ภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ซึ่งมีโรงงานแบบนี้หลายสิบแห่ง / AFP

    ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนทวีความดุเดือดขึ้นนับแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากจีน และขึ้นบัญชีดำบริษัท หัวเว่ย ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีโทรคมนาคมของจีน เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมหลังจากการเจรจาการค้าชะงักงัน คำเตือนของสื่อจีนที่ยุให้รัฐบาลจีนใช้แร่หายากเป็นเครื่องมือตอบโต้สหรัฐถือเป็นการลั่นกระสุนครั้งใหม่ของจีน

    ก่อนหน้านี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จีนได้แย้มท่าทีเรื่องนี้มาแล้วด้วยการเผยแพร่ภาพที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตแร่หายากชนิดหนึ่งที่เมืองก้านโจว แต่สื่อของทางการจีนประกาศท่าทีที่ชัดเจนมากขึ้นเมื่อวันพุธที่ 29 พฤษภาคม

    รายงานเอเอฟพีกล่าวว่า หนังสือพิมพ์ไชน่าเดลีตั้งคำถามว่า แร่หายากจะเป็นอาวุธที่จีนใช้ตอบโต้สหรัฐได้หรือไม่ และว่า คำตอบไม่ใช่เรื่องพิศวงแต่อย่างใด "เราแนะนำสหรัฐว่าอย่าได้ดูเบาศักยภาพของจีนที่จะปกป้องผลประโยชน์และสิทธิในการพัฒนาของเรา แล้วอย่ามาหาว่าเราไม่เตือน"  กระบอกเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีนกล่าว

    หนังสือพิมพ์โกลบอลไทมส์ที่ทางการจีนเป็นเจ้าของ ก็เตือนในบทบรรณาธิการวันเดียวกันว่า สหรัฐจะสำนึกผิดที่มาบีบบังคับจีนเรื่องแร่หายาก "เชื่อได้เลยว่า ถ้าสหรัฐหยุดยั้งการพัฒนาของจีนยิ่งขึ้นไปอีก ไม่เร็วก็ช้าจีนจะใช้แร่หายากเป็นอาวุธ" หนังสือพิมพ์แทบลอยด์ชาตินิยมฉบับนี้กล่าว

    จีนผลิตแร่หายากมากกว่า 95% ของแร่หายากทั้งโลก และสหรัฐพึ่งพาการนำเข้าแร่หายากจากจีนเกิน 80% แร่หายากที่มี 17 ชนิดนี้มีความสำคัญสำหรับการผลิตข้าวของสารพัดชนิด ตั้งแต่โทรทัศน์, กล้องถ่ายรูป และหลอดไฟ ราคาหุ้นของบริษัทผู้ผลิตแร่หายากพุ่งขึ้นเป็นแถบในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้นเมื่อวันพุธ

    วันเดียวกัน บริษัท หัวเว่ย ซึ่งตกเป็นเป้าเล่นงานของรัฐบาลทรัมป์ ได้เร่งเครื่องการต่อสู้ทางกฎหมายกับรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งบริษัทเคยยื่นฟ้องการออกกฎหมายของสภาสหรัฐเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ จากการสั่งห้ามหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐใช้ผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ย

    ซ่ง ลิวปิง หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของหัวเว่ย แถลงว่า บริษัทได้ยื่นคำร้องต่อศาลสหรัฐเมื่อวันอังคารตามเวลาสหรัฐ เพื่อขอให้ศาลเร่งการวินิจฉัยคำฟ้องของหัวเว่ยกรณีดังกล่าว "รัฐบาลสหรัฐไม่ได้เสนอหลักฐานใดที่แสดงให้เห็นว่าหัวเว่ยเป็นภัยคุกคามความมั่นคง" เขาตอบโต้คำกล่าวหาของรัฐบาลสหรัฐ ที่อ้างว่าทางการจีนอาจใช้อุปกรณ์ของหัวเว่ยสอดแนมประเทศอื่นๆ

    นอกจากคดีนี้แล้ว เมื่อไม่นานมานี้ทรัมป์เพิ่งออกคำสั่งฝ่ายบริหาร ไม่อนุญาตให้ใช้อุปกรณ์ของหัวเว่ยในสหรัฐ และรัฐบาลสหรัฐยังขึ้นบัญชีดำห้ามหัวเว่ยใช้ส่วนประกอบที่ผลิตโดยบริษัทอเมริกัน แม้ว่าคำสั่งนี้จะได้รับการผ่อนผันเป็นเวลา 90 วัน เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อบริษัทของสหรัฐเอง.