ซีอีโอหัวเว่ย: 'ถ้าทรัมป์โทรมา ผมอาจไม่รับสาย'!


เพิ่มเพื่อน    

           ถึงวันนี้หัวเว่ยของจีนก็ยังยืนกรานว่า "ข้าไม่กลัวเอ็ง...เพราะข้าไม่ต้องง้อเอ็ง"

                นายเหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งและประธานบริหารสูงสุดถูกถามในรายการทีวีมะกันวันก่อนว่า

                "ถ้าท่านประธานาธิบดีทรัมป์โทรมาหาคุณ คุณจะบอกเขาว่าอย่างไร"

                เหริน เจิ้งเฟยตอบหน้าตาเฉยว่า

                "ถ้าทรัมป์โทรมาหาผม ผมก็ไม่รับสาย แล้วเขาจะไปเจรจากับใครล่ะ"

                และในจังหวะเดียวกันนี้ก็มีข่าวยืนยันว่า "แผนสำรอง" ของหัวเว่ยที่ได้สร้างระบบปฏิบัติการหรือ  Operating System (OS) ที่เรียกว่า "หงเหมิง" หรือ Hongmeng นั้นพร้อมใช้งานแล้ว

                ข่าวบอกว่าระบบ Hongmeng OS ของ Huawei จะรองรับแอปในระบบ Android ได้ทุกแอปทีเดียว

                คนที่ยืนยันเรื่องนี้คือ Yu Chengdong ซึ่งมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าใหญ่ฝ่ายลูกค้าหรือที่เรียกว่า  Consumer Business CEO เสียด้วย

                ถ้าเชื่อตามข้อมูลจากฝั่งจีนนี้ Hongmeng จะเข้ากับสมาร์ตโฟน, แท็บเล็ต อุปกรณ์สวมใส่ รวมถึง  TV ของ Huawei และ Honor ทุกรุ่น

                เขาเรียกแผนสำรองนี้ว่า Plan B

                หัวเว่ยเคยออกข่าวเรื่องนี้เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาว่า Huawei อยู่ท่ามกลางบรรยากาศสงครามการค้าระหว่างจีนกับอเมริกาที่ไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง

                นั่นย่อมแปลว่าหัวเว่ยได้ประเมินสถานการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่า เขาอาจกลายเป็นเหยื่อของสถานการณ์ได้

                ใครที่เข้าไปติดตามรายงานจากเว็บไซต์ของ Huawei Central จะรับทราบว่าระบบปฏิบัติการ  Hongmeng ได้รับการพัฒนาขึ้นตั้งแต่ปี 2012 แล้ว และมีการทำงานอยู่เบื้องหลังมาโดยตลอด

                ชื่อ "หงเหมิง" Hongmeng มีความน่าสนใจไม่น้อยเพราะเป็นชื่อในตำนานจีน ซึ่งพ้องกับแบรนด์  Kirin หนึ่งในตระกูลชิปของหัวเว่ยเองที่มีความหมายถึงตัวกิเลน อันเป็น 1 ใน 4 สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของจีน

                Hongmeng เป็นคำจีนที่เหมือนกับคำจีนหลายๆ คำที่แฝงความหมายไว้มากมาย เช่น ต้นกำเนิด ปฐมภูมิ พลังแห่งธรรมชาติ ฯลฯ

                บางคนตีความคำว่า "หงเหมิง" นี้อาจหมายถึง Big Bang ซึ่งเท่ากับว่าจีนกำลังจะใช้แบรนด์ใหม่นี้ตีตลาดโลกตะวันตกให้ราบคาบ เหมือนเมื่อจักรวาลเผชิญกับการระเบิดครั้งใหญ่จนทำให้เกิดดวงดาวใหม่ ๆ ในจักรวาลนี้

                ต้องไม่ลืมว่าหัวเว่ยเป็นเจ้าของสิทธิบัตรเทคโนโลยี 5G ประมาณ 20% ของโลก ทำให้อเมริกาเกิดอาการตื่นตระหนกเพราะกลัวว่าจีนจะแซงหน้าสหรัฐฯ ในเรื่องเทคโนโลยี

                อาจมีคนสงสัยว่าระบบของหัวเว่ยที่พัฒนาขึ้นมาใหม่จะสู้แอนดรอยด์เดิมได้หรือไม่ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นคำถามที่ฝ่ายหัวเว่ยต้องหาคำตอบเพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าให้ได้

                สถิติที่น่าสนใจล่าสุดคือ ยอดขายมือถือระบบ Android ในไตรมาสแรกของ 2019 Samsung มาเป็นที่หนึ่งด้วยส่วนแบ่ง 26% ตามมาด้วย Huawei 21.4% Xiaomi 10.1% ส่วน Vivo และ OPPO เท่ากันที่ 8.4%

                ต้องดูว่าผลจากข่าวร้ายๆ เกี่ยวกับหัวเว่ยช่วงนี้จะมีผลกระทบต่อยอดขายยี่ห้อต่างๆ เหล่านี้อย่างไรในอีกสามไตรมาสของปีนี้

                ที่แน่ๆ คือผู้ได้รับอานิสงส์ก็คือ Samsung และ Nokia ที่หุ้นขึ้น 2% และ 1.5% ตามลำดับทันทีที่ Google กับ Huawei เกิดเรื่องเกิดราวขึ้น

                หรือโลกอาจแบ่งเป็นสองค่าย คือค่ายจีนกับค่ายตะวันตก

                และหากเกิดกระแส "ชาตินิยม" ในจีนแรงขึ้นตามลำดับ ตลาดมือถือระดับโลกอาจปรับเปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญก็เป็นได้

                น้ำเสียงและลีลาของโดนัลด์ ทรัมป์เบาลง และส่งสัญญาณว่าอาจจะยอมให้เรื่องหัวเว่ยมาอยู่ในข้อตกลงยุติสงครามการค้าสหรัฐฯ กับจีนหลังจากให้ผ่อนผัน 90 วัน

                แต่ล่าสุดทรัมป์ก็แสดงท่าทีพลิกพลิ้วอีกด้วยการบอกนักข่าวว่า

                "จีนทำท่าว่าพร้อมจะมีข้อตกลงกับเรา แต่สหรัฐฯ ยังไม่พร้อมจะทำอย่างนั้น"

                การต่อรองยังเดินหน้าไปอย่างเข้มข้น

                และอะไรที่เราได้ยินได้ฟังวันนี้ยังไม่อาจถือว่าเป็นจุดยืนสุดท้ายของฝ่ายไหนเลย! 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"