หนึ่งในความท้าทายของการเข้ามารับช่วงต่อของการบริหารงานจากซีอีโอเดิม คงหนีไม่พ้นการสานต่อนโยบายเดิมที่มีอยู่ควบคู่ไปกับการมองหากลยุทธ์ใหม่ เพื่อขับเคลื่อนองค์กรท่ามกลางสภาพแวดล้อมของการทำธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงเร็วอย่างทุกวันนี้ รวมถึงการบริหารความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บุคลากรภายในองค์กร ก็เป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่ซีอีโอใหม่ต้องเผชิญเช่นเดียวกัน และด้วยรูปแบบการบริหารงานของซีอีโอแต่ละบุคคลก็ย่อมมีความแตกต่างกันไป การสื่อสารกับพนักงานให้ทราบถึงวิสัยทัศน์ นโยบายและกลยุทธ์ขององค์กร เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้ และน่าจะช่วยลดแรงต้านหรือผลกระทบจากการเปลี่ยนผ่านสู่การบริหารภายใต้ซีอีโอคนใหม่ ให้มีความราบรื่นและส่งผลต่อประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างยั่งยืนได้
ผลการศึกษาความสำเร็จของซีอีโอประจำปี 2561 หรือ 2018 CEO Success study ที่จัดทำโดย Strategy& ซึ่งเป็นบริษัทให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์ของ PwC โดยทำการวิเคราะห์การส่งต่อการบริหารของซีอีโอ ของบริษัทมหาชนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก จำนวน 2,500 แห่ง ในช่วง 19 ปีที่ผ่านมา พบว่า ในปี 2561 องค์กรทั่วโลกมีการผลัดเปลี่ยนซีอีโอสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 17% ในขณะที่ค่ากลางของช่วงระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งของซีอีโอนั้นอยู่ที่ 5 ปี และมี 19% ของซีอีโอที่อยู่ในตำแหน่งนานถึง 10 ปี หรือมากกว่านั้น
วิไลพร ทวีลาภพันทอง หุ้นส่วนสายงานธุรกิจที่ปรึกษา บริษัท PwC ประเทศไทย ระบุว่า แม้จะมีผลกระทบจากการเข้ามาของเทคโนโลยี การแข่งขันที่เข้มข้น และนักลงทุนที่แสวงหาการควบรวมกิจการ แต่กลุ่มซีอีโอที่อยู่ในตำแหน่งยาวนาน หรือค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 14 ปี และมีผลการดำเนินงานที่ดี มีโอกาสที่จะถูกบังคับให้ออกจากตำแหน่ง น้อยกว่าซีอีโอที่อยู่ในตำแหน่งสั้นกว่า โดยหากพิจารณาในระดับภูมิภาคพบว่า ซีอีโอในทวีปอเมริกาเหนือมีแนวโน้มที่จะสามารถอยู่ในตำแหน่งได้ยาวนานที่สุดที่ 30% ตามด้วยซีอีโอในยุโรปตะวันตกที่ 19% ซีอีโอในญี่ปุ่น และกลุ่มประเทศ BRI ประกอบด้วย บราซิล รัสเซีย และอินเดียที่ 9% และซีอีโอในสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ 7%
แต่กระนั้นหนทางข้างหน้าที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ผลการศึกษายังพบด้วยว่า ซีอีโอผู้รับช่วงต่อจากซีอีโอที่เคยอยู่ในตำแหน่งมายาวนานนั้น มีแนวโน้มที่จะต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งในเรื่องของระยะเวลาในตำแหน่งที่อาจจะสั้นกว่า ผลการดำเนินงานที่ด้อยกว่า และหลายครั้งพบว่า มีโอกาสถูกบีบให้ออกจากตำแหน่งมากกว่าจะรอให้ซีอีโอคนใหม่มาแทนด้วย
ส่วนการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนของซีอีโอในปี 2561 พบว่า การผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนตำแหน่งซีอีโอของบริษัทมหาชนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก จำนวน 2,500 แห่ง เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ที่ 17.5% ในปี 2561 หรือเพิ่มขึ้น 3% จาก 14.5% เมื่อปี 2560 และสูงกว่าค่ามาตรฐานในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดทั่วทั้งภูมิภาคในปีที่ผ่านมา ยกเว้นจีน และรวมถึงการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในทวีปยุโรปตะวันตก นอกจากนี้การผลัดเปลี่ยนซีอีโอยังอยู่ในระดับสูงที่สุดในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้วอื่นๆ เช่น ออสเตรเลีย ชิลี และโปแลนด์ ที่ 21.9% และสูงเกือบจะเท่ากับบราซิล รัสเซีย และอินเดีย 21.6% ส่วนตัวเลขการปรับขึ้นสูงสุดถัดมาอยู่ในทวีปยุโรปตะวันตก 19.8% และต่ำสุดในทวีปอเมริกาเหนือ 14.7%
หากพิจารณาเป็นรายกลุ่มอุตสาหกรรม พบว่า ธุรกิจบริการด้านการสื่อสาร มีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนตำแหน่งซีอีโอสูงที่สุด 24.5% ตามมาด้วยกลุ่มวัสดุ 22.3% และพลังงาน 19.7% ส่วนอุตสาหกรรมดูแลสุขภาพ มีอัตราการผลัดเปลี่ยนซีอีโออยู่ในระดับต่ำที่สุดในปีที่ผ่านมา 11.6% อีกด้วย
ในส่วนของการศึกษาถึงผู้หญิงที่กำลังจะเข้ามาเป็นซีอีโอนั้นพบว่า สัดส่วนลดลงมาเล็กน้อยอยู่ที่ 4.9% ในปีที่แล้วจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6% ในปี 2560 แต่แนวโน้มนี้ได้มีการปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากที่เคยแตะระดับต่ำที่ 1% ในปี 2551 ซึ่งแตกต่างจากปี 2560 ที่สถิติแตะจุดสูงสุด เพราะได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของซีอีโอหญิงในสหรัฐ และแคนาดาที่ 9.3% ขณะที่อัตราการเติบโตสูงสุดในปี 2560 มาจากบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่อื่นๆ
สำหรับประเทศไทยก็เห็นการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนตำแหน่งซีอีโอในสัดส่วนที่สูงในปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับผลการศึกษา โดยส่วนใหญ่จะเป็นการส่งไม้ต่อจากการบริหารจากรุ่นพ่อแม่สู่ผู้นำรุ่นลูก ซีอีโอคนปัจจุบันใกล้ครบวาระหรือเกษียณอายุ
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |