ยังมะรุมมะตุ้มว่าด้วยการจัดตั้ง “รัฐบาล” ที่ยังยักแย่ยักยันกัน โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ซึ่งเล่นเอาพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ของเสี่ยหนู “อนุทิน ชาญวีรกูล” ที่ประกาศจับมือเหนียวแน่นกับพรรคพระแม่ธรณีบีบมวยผมก็ต้องกัดฟันบอกเล่าเก้าสิบว่า หาก ปชป.โบกมือลา พปชร. พรรคภูมิใจหนูก็คงต้องผสมโรงด้วย ...๐

ไม่รู้ว่าความ “อึมครึม” ดังกล่าวจะคงอยู่เท่าใด แต่ที่แน่ๆ “สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี” ได้เรียกประชุมเตรียมความพร้อมรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่!!! เรียกว่ารวดเร็วยิ่งกว่า “กามนิตหนุ่ม” เสียนี่ก็ไร แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ดูเหมือนนับถอยหลังในการทำหน้าที่ของคณะรัฐมนตรี คณะที่ 61 (ประยุทธ์ 5) และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ...๐

สังเกตได้ว่ากฎหมายที่ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา ในช่วงสัปดาห์นี้เรียกว่าคึกคักมโหฬารอย่างยิ่ง โดยเมื่อวันที่ 27 พ.ค. ก็ประกาศกฎหมายสำคัญถึง 6 ฉบับ อาทิ  พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง, พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์, พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และ พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 27) ว่าด้วยการกระทำชำเรา ในขณะที่วันที่ 29 พ.ค. ก็มีการประกาศใช้กฎหมายรวดเดียวอีก 5 ฉบับ อาทิ พ.ร.บ.ผังเมือง, พ.ร.บ.ป่าชุมชน, พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า และ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ …๐

ความอึมครึมไม่ใช่มีแค่การจับขั้วตั้งรัฐบาลที่มี พปชร.เป็นแกนนำเท่านั้น ในฟากที่ยกและสถาปนาตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตยเสร็จสรรพก็มีปัญหาไม่ต่างกัน โดยเฉพาะการจะเสนอชื่อชิงนายกฯ  แข่งกับ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ที่แบเบอร์มาแล้ว โดย ล่าสุดชื่อของ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ที่โลกลืมไปแล้วก็ถูกขุดถูกปัดล้างมาอีกครั้งหนึ่ง หลังจาก “หญิงหน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ปฏิเสธไม่ขอนั่งเก้าอี้ใดๆ เลย แหม! ก็น่าจะเป็นเรื่องสมควร เพราะ “หญิงหน่อย” นั้นไม่ได้เป็นทั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อและ ส.ส.เขตแต่ประการใดเลย ...๐

ส่วนรายชื่อที่สมมติตัวเองว่าจะขอชิงเก้าอี้นายกฯ อย่าง “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่นั้น หากมาได้ยินได้ฟังคำให้สัมภาษณ์ ของ “จิรายุ ห่วงทรัพย์” ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ที่ให้รอลุ้นมติพรรคในการประชุมในวันที่ 30 พ.ค. ว่าจะเสนอชื่อใครชิงนายกฯ คงได้แต่หนาวๆ ร้อนๆ แน่ เพราะ “จิรายุ” บอกเองว่า แกนนำพรรคเพื่อไทยเห็นว่า “ธนาธร” อยู่ในจุดเสี่ยงทางการเมือง …๐

ต้องปรบมือให้กับ “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” รองหัวหน้า ปชป. ที่โพสต์เฟซบุ๊กถึง “จาตุรนต์ ฉายแสง” ชายอ๋อยแห่งพรรคปรปักษ์รัฐธรรมนูญ และ “หญิงหน่อย” จากเพื่อแม้วที่ออกมาแขวะท่าทีของพรรคว่า อาจเป็น "ไบโพลาร์การเมือง" เพราะท่าทีหนึ่งก็ออกมาด่าการยึกยักของพรรค ในขณะที่อีกด้านหนึ่งก็กวักมือเรียกพรรคให้ไปร่วมผสมพันธุ์ …๐

ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเป็น “การเมืองยุคปฏิรูป” ได้เต็มปากหรือไม่ เพราะจากการประชุมเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร 2 วันก็น่าจะเห็นอะไรๆ ได้ดี ไม่นับกรณีเรื่อง “งูเห่า” แต่ดูจากที่ประท้วงและอภิปรายก็น่าจะเห็น “เค้าลาง” ได้แล้วว่า ไม่มีอะไรใหม่แน่ๆ เพราะการ “เอาดีเข้าตัว เอาชั่วใส่คนอื่น” ยังอยู่ในสันดานของนักการเมืองไม่ว่ายุคสมัยใดแท้จริง ...๐

ยิ่งล่าสุดกรณี “ส.ส.หญิง” เฟซบุ๊กไลฟ์และสร้างความสะเทือนไปยัง ส.ส.ค่ายส้มที่เป็นเจ้าแห่งเครือข่ายสังคมออนไลน์ ก็น่าจะทำให้รู้ได้ไม่ยากว่า ใน อนาคตศึกน้ำลายในสภา คงไม่ได้เปิดกว้างเฉพาะ “ฝ่ายชาย” เป็นหลัก มาเป็น “ฝ่ายหญิง” ก็เป็นได้ ซึ่งต้องเรียกว่าเป็นคุณูปการที่จะทำให้สภาไทยกระฉ่อนไปทั่วโลกก็เป็นได้ หากมีกรณี ส.ส.หญิงฟ้อนเล็บและตบตีกันสภา เพราะการวางมวยนั้นมีมานานแล้ว นี่แหละมั้งที่เรียกว่าการเมืองยุคปฏิรูป ...๐

เรียกว่าเป็น “ปริศนา” ที่ต้องตีความอย่างยิ่ง เมื่อ “พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค” รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ บอกว่า “ลุงตู่” ฝากแนะนำให้อ่านหนังสือ “Animal Farm” ฉบับภาษาไทย ซึ่งเป็นหนังสือน่าอ่านที่ให้ข้อคิดเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตได้เป็นอย่างดี ซึ่ง “แอนิมอลฟาร์ม” หรือฟาร์มสัตว์ “วรรณกรรมขึ้นหิ้ง” ของจอร์จ ออร์เวลล์ นั้น เป็นวรรณกรรมที่นำเสนอเรื่องราวโลกทัศน์ทางการเมืองเชิงเสียดสี โดยเฉพาะในเรื่อง “รัฐเผด็จการ” ซึ่งก็ไม่รู้ว่าต้องการสื่อและบอกถึงใครกันแน่ ซึ่งใครสนใจไปติดตามกันได้ในหลายเวอร์ชั่นในภาษาไทย ทั้ง “ฟาร์มเดรัจฉาน” แปลโดย ม.ล.นิภา ภานุมาศ, “สัตวรัฐ” โดยอุทุมพร ปาณินทร์, การเมืองของสัตว์ โดยวิเชียร อติชาตการ, รัฐสัตว์ โดยเกียรติขจร ไชยแสงสุขกุล และ “แอนิมอล ฟาร์ม” โดยเพชร ภาษพิรัช …๐

ท.ศักดิ์