จริงๆแล้วมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ผู้ล่วงลับอีกมาก ในมุมมองของ “ลูกน้อง” ที่เคยทำงานกับ “ป๋าเปรม” ในอดีตอีกมากมาย แต่เศษเสี้ยวของ “ป๋า” ที่เล่าไม่รู้หมด ก็ล้วนแต่มีสีสันน่าติดตามอยู่ไม่น้อย
อย่างเช่น พล.อ.สาธร สุวรรณภา อดีตนายทหารฝ่ายเสนาธิการฯ ที่ทำงานช่วงเดียวกับ พล.อ.อู้ด เบื้องบน ทำหน้าที่ทหารคนสนิท ทส. ซึ่งนำคณะนายทหารม้าเข้ารดน้ำขอพรเนื่องในวันสงกรานต์ที่ผ่านมา เล่าให้ฟังว่า
“ท่านเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่เด็ดขาดในการสั่งการ เป็นนายทหารที่จงรักภักดีต่อสถาบัน มุ่งมั่นพัฒนาหน่วยทหารม้าให้ดำรงความมุ่งหมาย” พล.อ.สาธร ระบุ
“ผมได้เข้ามาทำงานกับท่าน เพราะพี่ชายของผม กับ พี่ชายของ พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน และไปเป็น ผบ.ร้อย ที่หน่วยทหารม้า จ.อุตรดิตถ์ โดยป๋าเป็นผู้พันฯ อยู่ที่นั่น จากนั้นผมก็เข้ามาอยู่กับท่าน ทำงานในฝ่ายอำนวยการ เป็นฝ่ายเสธ.ของท่านที่หนักในเรื่องวิชาการ”
“ป๋าเป็นแบบฉบับของทหารม้า ไปรบในสงครามอินโดจีน ไปเชียงตุง ใช้ชีวิตเหมือนทหารม้าทั่วไป ดื่มเหล้าแบบออนเดอะร็อก แต่ไม่ได้หนักแบบหัวราน้ำ สุราที่ดื่มก็ เจแอนด์บี ที่ทหารม้ายุคนั้นนิยมกัน เป็นเหล้าที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ไม่มากนัก“
พล.อ.สาธรกล่าวว่า ด้วยร่างกายและมันสมอง ที่ทำงานมาตลอดก็ต้องหยุดดูแลร่างกาย ท่านพบว่าเป็นโรคหัวใจตั้งแต่ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. ตอนนั้นเราจะมีออกซิเจนถังเหลี่ยมที่ห้องทำงานที่ทำเนียบรัฐบาล แต่ไม่มีใครเห็น จากนั้นท่านก็ผ่าตัด รักษาโรคหัวใจ และดูแลตัวเองมาตลอด
“ท่านต้องการให้ทหารม้ารุ่นหลังๆ สืบสานความเป็นทหารที่รักสถาบัน มุ่งมั่นการพัฒนาหน่วยให้เข้มแข็ง แม้เด็กรุ่นใหม่ๆ ในกองทัพจะมีมุมมองที่เปลี่ยนไป แต่ก็เป็นการเปลี่ยนไปทางยุทธวิธีการรบตามยุคสมัย แต่ยุทธศาสตร์การดำรงความเป็นหน่วยทหารม้ายังเหมือนเดิม “พล.อ.สาธร อดีตทหารม้าที่อาวุโสอันดับ 2 รองจาก พล.อ.วันชัย เรืองตระกูล อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม
ขณะที่ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตนายทหารยังเติร์ก จปร.7 กล่าวว่า ป๋าเปรมคือสุภาพบุรุษทหาร ที่คำนึงถึง ประเทศชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ในอดีตที่ผ่านมา ตนได้ทำงานรับคำสั่งการบังคับบัญชาจากท่านก็คืองานในจังหวัดชายแดนภาคใต้
“ป๋าเรียกผมไปพบ บอกว่าพัลลภ ลงไปที่เขื่อนบางลาง ไปดูเรื่องการ รปภ.การสร้างเขื่อนบางลางจังหวัดปัตตานี เพราะตอนนั้นโจรจีนคอมมิวนิสต์ กรม 8 กรม 10 กรม 12 และอีกกลุ่มผู้ก่อนการร้าย เคลื่อนไหวปล้นสะดมอย่างหนัก ตอนนั้นผมเป็นผู้บังคับกองพันที่ ที่ ร.15 พัน. 2 พื้นที่เขาศูนย์ จ.นครศรีธรรมราช ที่มีโจรอาละวาดแถวๆ เหมืองแร่”
“ท่านใช้วิธีบอกผมว่า ถ้าไม่ใช่ลูกคงเอาไม่อยู่แน่ ต้องส่งพัลลภลงไป ตอนนั้นผมอยู่ในกลุ่มยังเติร์ก มีชื่อเสียงที่เขาศูนย์ในการปราบโจร ท่านบอกว่าเขื่อนบางลางเป็นโครงการพระราชดำริ เป็นเงินกู้จากยูเอ็น วงเงินกว่า 2 พันล้านบาท ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ มีน้ำช่วยชลประทานในพื้นที่ 1.2 แสนไร่ ผลิตกระแสไฟฟ้าในจังหวัดภาคใต้ หากเราไม่สามารถสร้างได้ก็ทำให้เสื่อมเสียเกียรติภูมิของประเทศนะ“
พล.อ.พัลลภบอกว่า อยู่ที่บางลางตั้งแต่ปี 2520-2524 จนเขื่อนสร้างเสร็จ ท่านก็เรียกมาบอกว่าจะให้เป็นผู้การฯ ที่นครฯ แต่จากนั้นไม่นาน โผทหารออกมา ตนไปดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 19 และไปรับตำแหน่งที่จังหวัดกาญจนบุรี ปรากฏว่าเกิดเหตุบริเวณชายแดน จึงต้องเคลื่อนกำลังขึ้นชายแดนเขมร อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว
“เรื่องนี้เกี่ยวกับเพื่อนไม่เหมาะที่จะขยายความ แต่ระหว่างที่ทำงานไปอยู่ชายแดน พลตรีมนูญกฤต รูปขจร แจ้งมาว่า ป๋าบอกว่าไปไม่ไหวแล้วให้นำกำลังเข้าไป แต่พอไปถึงจะรู้ว่าไม่ใช่ปฏิวัติช่วยป๋า“
"ผมก็ถูกข้อหากบฏ แต่หลังจากนั้นแค่หนึ่งถึงสองเดือนก็ได้มีคำสั่งนิรโทษกรรม เห็นได้ว่านอกจากท่านเป็นคนเด็ดขาด สุขุม แต่ยังเป็นที่เมตตา ให้อภัย ไม่ได้ฝังใจแค้นเคือง แต่ผมเจอท่านก็ไม่ค่อยกล้าเข้าไปหา ครั้งหนึ่งไปเจอท่านในงานศพ ท่านเห็นผมก็เรียกเข้าไป ถามว่าสบายดีไหมลูก แสดงให้เห็นว่าท่านไม่ได้ติดใจ"
ด้วยความมุ่งมั่น สุภาพ เรียบร้อย มีความเด็ดขาดในตัวเอง มีความจงรักภักดีเป็นที่ตั้ง ทำงานเพื่อส่วนรวม เมตตาต่อลูกน้อง มีจิตวิทยาในการสั่งการเพื่อให้ลูกน้องปฏิบัติหน้าที่ จึงรวมเป็น “ป๋าเปรม” ที่มีทหารตบเท้าเข้าอวยพรกันในวาระสำคัญอย่างพรึ่บพรั่บ แม้จะเกษียณอายุราชการมานานแล้วก็ตาม!!.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |