จากสงครามการค้าสู่ การเผชิญหน้าทางทะเล


เพิ่มเพื่อน    

     พออเมริกาเปิดศึก “สงครามการค้า” กับจีน นักวิเคราะห์ก็มองเห็นโอกาสการเผชิญหน้าระหว่างสองยักษ์ใหญ่ในด้านอื่นๆ 
    เช่น สงครามเทคโนโลยีที่เรียกว่า Tech War ซึ่งอาจจะลามปามไปถึง Cyber War
    อีกทั้งเมื่อจีนกำลังขยายแสนยานุภาพทางทหารอย่างไม่หยุดยั้ง ก็ต้องมองต่อไปถึง Real War หรือสงครามที่จะฟาดฟันกันด้วยอาวุธทันสมัยจริงๆ
    ล่าสุดจีนสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินอีกหนึ่งลำเป็นการเสริมเขี้ยวเล็บของตัวเองอย่างเปิดเผย
    สี จิ้นผิง พูดในที่สาธารณะในหลายโอกาสแล้วว่ากองทัพจีนจะต้องสร้างความแข็งแกร่งต่อเนื่อง เพราะยิ่งเศรษฐกิจจีนเติบใหญ่มากเพียงใด ก็ยิ่งต้องมีกองทัพ โดยเฉพาะทางด้านทะเลที่จะปกป้องดูแลความมั่นคงของประเทศ
    หน่วยข่าวกรองและความมั่นคงของสหรัฐเองก็ออกรายงานเป็นระยะๆ ว่าปักกิ่งได้ทุ่มเททรัพยากรทั้งคนและงบประมาณและเทคโนโลยีไปทางด้านการขยายอิทธิพลทางทหารอย่างต่อเนื่อง โดยมีตัวเลขงบประมาณทหารที่เพิ่มขึ้นเกือบ 20% ทุกปีมาตลอด และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
    ยิ่งเมื่อ สี จิ้นผิง เคยประกาศว่าจีนจะพัฒนา “ปัญญาประดิษฐ์” หรือ Artificial Intelligence (AI) ให้ล้ำหน้าสหรัฐในอีก 5 ปีข้างหน้า ก็ยิ่งทำให้สหรัฐเกิดความหวาดผวาการสยายปีกของจีนในทุกๆ ด้าน
     ล่าสุดข่าวหลายกระแสบอกว่า จีนกำลังเสริมความแข็งแกร่งด้านทหารด้วยการสร้างเรือบรรทุกเครื่องบิน เตรียมนำมาใช้ในปีนี้ อีกทั้งยังเตรียมจะสร้างอีกหนึ่งลำในเร็วๆ นี้
    ไม่ต้องสงสัยว่าการที่จีนสร้างกองเรือที่ใหญ่ขึ้นคือการประกาศศักดาทางทะเลของตน
    และอย่าได้แปลกใจหากจีนจะแสดงออกถึงการขยายบารมีทางทะเลของตนด้วยการปรากฏตัวอย่างคึกคักขึ้นในทะเลจีนใต้ 
    นักวิเคราะห์ที่ติดตามเรื่องนี้มาตลอดบอกว่า เรือรบของจีนจะสร้าง “ภาพลักษณ์ที่น่าเกรงขาม”
    หากมองในภาพรวมวันนี้ จีนมีกองทัพขนาดใหญ่อันดับ 3 ของโลกแล้ว
    และมีการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารว่าอำนาจการโจมตีของอาวุธที่ใช้ยิงของจีนนั้นมีมากกว่าประเทศคู่กรณีในทะเลจีนใต้ 5 ประเทศรวมกันด้วยซ้ำไป
    คู่กรณีของจีนในการอ้างกรรมสิทธิ์เหนือทะเลจีนใต้ก็มีบรูไน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวันและเวียดนาม สหรัฐยืนหยัดว่าจะต้องท้าทายคำกล่าวอ้างกรรมสิทธิ์ของจีนในทะเลจีนใต้มาตลอด
    และสหรัฐก็ส่งเรือรบมาเพ่นพ่านแถวนี้เป็นประจำ สถิติทางการบอกว่าเรือรบของสหรัฐเคยเดินทางผ่านน่านน้ำในทะเลจีนใต้ไม่น้อยกว่า 10 ครั้งแล้วในสมัยของโดนัลด์ ทรัมป์ 
    ด้วยเหตุนี้ปักกิ่งจึงออกมากล่าวโทษว่าอเมริการุกล้ำอธิปไตยของจีน และจีนจะไม่ยอมให้อเมริกาทำอะไรซ้ำซากอย่างนี้บ่อยเกินไป
    แปลว่าจีนกำลังบอกว่า “ความอดทนของฉันมีจำกัดนะ”
    เรือบรรทุกเครื่องบินลำที่จีนจะปล่อยลงทะเลอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายนนี้ เรียกว่า Type 001
    ความจริงเรือยักษ์ลำนี้ถูกนำไปทดลองใช้ในทะเลจีนใต้แล้วก่อนหน้านี้ ส่วนเรือบรรทุกเครื่องบินอีกลำหนึ่ง ซึ่งจะเป็นลำที่ 3 ของจีน มีชื่อว่า Type 002 
    อีก 3 ปีจะสร้างเสร็จ และไม่ต้องสงสัยว่า Type 002 จะมีขนาดใหญ่กว่าและแข็งเเกร่งกว่า 2 ลำก่อนหน้านี้ 
    นักวิเคราะห์ทางทหารบอกว่า การที่จีนสำแดงอำนาจทางทหารอย่างออกหน้าออกตาถือเป็นยุทธศาสตร์ทางทหาร "ชิงรุก"
    ไม่ต้องสงสัยเช่นกันว่าจีนถือเป็นภารกิจของชาติที่จะต้องถ่วงอำนาจของสหรัฐในเอเชีย ขณะที่ประเทศอื่นๆ ซึ่งอ้างกรรมสิทธิ์เหนือทะเลจีนใต้ส่วนใหญ่ก็คงจะไม่แสดงปฏิกิริยาทางการชัดแจ้ง นอกจากจะหวังพึ่งสหรัฐให้มา “คานอิทธิพล” ของจีนในทะเลจีนใต้
    จีนได้พยายามจะบอกกับอาเซียน รวมทั้งประเทศไทยว่า การขยายแสนยานุภาพทางทหารของจีนนั้นไม่ได้ต้องการจะข่มขู่ประเทศเพื่อนบ้าน หากแต่เป็นเพียงการขยายความสามารถทางทหารเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนเท่านั้น
    ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อเพียงใดก็อยู่ที่ว่าจีนจะทำตามที่รักปากไว้กับเพื่อนบ้านที่เล็กกว่าทั้งหลายมากน้อยเพียงใดเท่านั้น
    ที่แน่ๆ คือมังกรพ่นไฟแล้ว และอินทรียักษ์ก็ทำอะไรมากไม่ได้เสียด้วย เพราะถูกเจ้านายกวักมือเรียกกลับบ้านตลอดเวลา!.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"