ประเด็นมีอยู่ว่า....
กลุ่มอ้างตัวเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ต่อต้านการสืบทอดอำนาจเผด็จการของ คสช.
อีกกลุ่มต่อต้านระบอบทักษิณ เกรงคอร์รัปชันจะเบ่งบาน
บังเอิญว่า ๒ กลุ่มในสภาผู้แทนราษฎร มีเสียงใกล้เคียงกัน และนี่คือโจทย์ใหญ่ประเทศไทย ที่ต้องทำความเข้าใจ ณ เวลานี้
เมื่อพลังประชารัฐออกเดินสายเทียบเชิญพรรคพันธมิตรตั้งรัฐบาลอย่างเป็นทางการ ในทางกลับกันเป็นการตอกย้ำการเป็นฝ่ายค้านของขั้วเพื่อไทย
มีรัฐบาล มีฝ่ายค้าน ประเทศเดินหน้าต่อไป
แต่ดูเหมือนว่า ฝ่ายประชาธิปไตยใจแคบ ไม่ยอมให้การจัดตั้งรัฐบาลผ่านไปได้ง่ายๆ
และพยายามผูกขาดความเป็นประชาธิปไตยเอาไว้กับตัว
ท่าทีของ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" วานนี้ (๒๗ พฤษภาคม) สะท้อนให้เห็นถึงตัวตนที่แท้จริง ว่าเข้าใจคำว่าประชาธิปไตยแค่ไหน
"...ถ้าเราไม่ต้องการการสืบทอดอำนาจ ไม่ต้องการ พล.อ.ประยุทธ์กลับมา หรือไม่ต้องการให้ระบอบ คสช.อยู่กับเราในรูปแบบของรัฐธรรมนูญปี ๖๐ ไม่ต้องไปเรียกร้องให้พรรคพลังประชารัฐเป็นแกนหลักในการแก้รัฐธรรมนูญ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ยังคาดหวังไปคุยให้พรรคพลังประชารัฐแก้รัฐธรรมนูญ มองว่าเป็นเรื่องตลก และเป็นไปไม่ได้ เพราะพรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคที่ตั้งมาเพื่อสืบทอดอำนาจของระบอบ คสช.
ถ้าต้องการแก้รัฐธรรมนูญจริงๆ จะเห็นอยู่แล้วว่าพรรคการเมืองกลุ่มไหนที่ต้องการทำ และหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. มันเลือกข้างได้ชัดเจน
ไปดูหัวบันไดพรรคผม ใส่ปิ๊ง ขัดรอทุกวันเลย ดังนั้นเลือกได้อยู่แล้วถ้าต้องการจะแก้รัฐธรรมนูญ ต้องการจะหยุดยั้งอำนาจ คสช. เลือกข้างไปตั้งนานแล้ว แต่ที่ทำอยู่ไม่มีอะไร เพียงแค่ได้คืบจะเอาศอก ได้ประธานสภาฯ ไปแล้ว ก็เอารัฐธรรมนูญมาต่อรองต่อ นี่คือเรื่องผลประโยชน์ ไม่ใช่เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ..."
ผูกขาดแม้กระทั่งเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เหมือนจะกลัวอะไร
"ธนาธร" ประกาศตัวชัดเจน ต้องคืนความเป็นธรรมให้ "ทักษิณ" สนับสนุนให้รื้อฟื้นคดีใหม่หมด ด้วยเหตุผล ผู้พิพากษาไม่เป็นกลาง
กระบวนการยุติธรรมถูกใช้เป็นอาวุธเพื่อกำจัดทักษิณ
เป็นที่รับรู้กันว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน แม้จะมีข้อด้อย แต่ข้อเด่นกว่ารัฐธรรมนูญหลายฉบับที่ผ่านมาคือ มีระบบการตรวจสอบการใช้อำนาจของนักการเมืองที่เข้มข้น
สำหรับข้อด้อย วันนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ระบบเลือกตั้งอาจต้องจะมีการแก้ไข
ในเมื่อ "ธนาธร" ดูจะหวงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และอ้างความชอบธรรมว่า ต้องฝ่ายตัวเองเท่านั้นเป็นผู้แก้ไข
ก็ฝากแก้ระบบเลือกตั้งไปใช้ตามรัฐธรรมนูญปี ๒๕๕๐ ปล่อยให้เศษเสียงประชาชนตกน้ำไป
และขอให้ "ธนาธร" รับรู้ว่า หากการเลือกตั้งที่ผ่านมาใช้ระบบเดียวกับปี ๒๕๕๐ พรรคอนาคตใหม่จะได้ ส.ส.ไม่ถึง ๕๐ คน ไม่ใช่พรรคอันดับ ๒ แต่เป็นพรรคลำดับ ๕
และอย่าลำพองว่าการเลือกตั้งซ่อมเชียงใหม่ เป็นการชนะถล่มทลาย เพราะประชาชนโกรธ เคียดแค้น คสช. แต่เป็นเพราะเสียงถูกเทมาจากพรรคเพื่อไทย
เลือกตั้งคราวหน้าหากอยากเป็นนายกฯ และแก้รัฐธรรมนูญเอง มีทางเดียวยุบรวมแล้วไปเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
เพราะไหนๆ เปิดหน้าแล้ว ก็ควรเผยตัวตนให้หมด
เสื้อแดงจะได้ไม่สับสนคิดว่าตัวเองเป็นน้องฟ้า.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |