ชาตินิยม-ขวาจัดโกยที่นั่งสภายุโรป แต่ฝ่ายหนุนอียูยังมีเสียงข้างมาก


เพิ่มเพื่อน    

ผลการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภายุโรป 28 ประเทศ พบพรรคแนวทางขวาจัดและชาตินิยมกังขาอียูคว้าชัยชนะในหลายประเทศโดยเฉพาะอิตาลี, อังกฤษ, ฝรั่งเศสและโปแลนด์ แต่พรรคฝ่ายโปรอียูและเสรีนิยมยังคงรักษาที่นั่งข้างมาก รักษาเอกภาพของประชาคมแห่งนี้ไว้ได้ต่อไป

นักข่าวติดตามผลการนับคะแนนภายในห้องประชุมรัฐสภายุโรปที่กรุงบรัสเซลส์ เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2562  / AFP

    ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการของการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภายุโรปที่จัดเลือกตั้งใน 28 ประเทศ ตั้งแต่วันพฤหัสบดีถึงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ปรากฏว่าพรรคการเมืองแนวทางขวาจัดและชาตินิยมจะชนะอันดับหนึ่งหรือกวาดที่นั่งได้มากขึ้นในหลายประเทศ แต่ในภาพรวมของรัฐสภายุโรปซึ่งมี 751 ที่นั่ง พรรคการเมืองฝ่ายนิยมสหภาพยุโรป (อียู) ยังคงรักษาที่นั่งข้างมากไว้ได้

    รายงานของรอยเตอร์และบีบีซีเมื่อวันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม กล่าวว่า พรรคสังคมนิยม, พรรคกรีน, เสรีนิยม และอนุรักษนิยม ครองที่นั่งรวมกัน 506 ที่นั่ง ซึ่งน่าจะช่วยผลักดันการผ่านกฎหมายสำคัญที่มีผลต่อประชากรอียูมากกว่า 500 ล้านคน กระนั้น คะแนนที่ได้เพิ่มมากขึ้นของพรรคการเมืองชาตินิยมในอิตาลี, ฝรั่งเศส, อังกฤษและโปแลนด์ ก็มีนัยว่า ฝ่ายกังขาอียูที่ต้องการจำกัดขอบเขตอำนาจของอียู ก็มีสิทธิมีเสียงมากขึ้นเช่นกัน

    ในอังกฤษ พรรคเบร็กซิต ซึ่งเป็นพรรคใหม่ที่จัดตั้งโดยไนเจล ฟาราจ ได้คะแนนอันดับหนึ่ง กวาดที่นั่ง 29 ที่นั่ง จากโควตาของสหราชอาณาจักร 73 ที่นั่ง แต่พรรคอนุรักษนิยมของนายกฯ เทเรซา เมย์ กลับได้เพียง 4 ที่นั่ง ผลคะแนนที่ออกมายิ่งบ่งชี้ว่าชาวอังกฤษมีเสียงแตกเป็นสองขั้วเรื่องการถอนตัวจากอียู หลังจากเสียงส่วนใหญ่ 52% เห็นด้วยกับการแยกตัวในการลงประชามติเมื่อ 3 ปีก่อน

    ที่อิตาลี สันนิบาตขวาจัดกลายเป็นพรรคขนาดใหญ่ที่สุดของอิตาลี ภายใต้การนำของมัตเตโอ ซัลวินี ส่วนโปแลนด์ พรรคกฎหมายและความยุติธรรมที่มีแนวทางกังขาอียู ได้อันดับหนึ่งด้วยคะแนนสนับสนุนถึง 45% ได้ผู้แทน 27 ที่นั่ง จาก 51 ที่นั่ง และฝรั่งเศส พรรคต่อต้านคนเข้าเมืองและต่อต้านอียู ของมารีน เลอ เพ็น เอาชนะขบวนการสายกลางโปรยุโรปของประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ได้
 
    พรรคประชาชนยุโรป (อีพีพี) ซึ่งมีแนวทางกลาง-ขวา ยังคงเป็นกลุ่มพรรคขนาดใหญ่ที่สุดของสภา โดยคาดว่าจะได้ 179 ที่นั่ง ลดลงจาก 216 ที่นั่งเมื่อปี 2557 ส่วนพรรคสังคมนิยมและประชาธิปไตย (เอสแอนด์ดี) จะได้ที่นั่งลดลงจาก 191 ที่นั่ง เหลือเพียง 150 ที่นั่ง

    นักวิเคราะห์กล่าวกันว่า อีพีพีน่าจะจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรกับพรรคสังคมนิยมและประชาธิปไตยเพื่อครองเสียงข้างมากไว้ต่อไป โดยอาศัยเสียงสนับสนุนจากพรรคเสรีนิยมและพรรคกรีน ซึ่งจะช่วยปกป้องอียูจากฝ่ายต่อต้านความเป็นเอกภาพของประชาคมแห่งนี้

    จำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิลงคะแนนในการเลือกตั้งที่มีผู้มีสิทธิมากเป็นอันดับ 2 ของโลกในครั้งนี้ มีจำนวนมากที่สุดในรอบ 20 ปี โดยเพิ่มจาก 43% ในปี 2557 เป็น 51% ในครั้งนี้ บีบีซีกล่าวว่า ที่ฮังการีและโปแลนด์นั้นมีผู้ใช้สิทธิเพิ่มขึ้นเกินเท่าตัวจากครั้งก่อน ส่วนเดนมาร์กมีคนใช้สิทธิมากที่สุดถึง 63% นักวิเคราะห์กล่าวกันว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้ชาวยุโรปรักษาสิทธิกันมากขึ้นนั้นรวมถึงกระแสที่มาแรงของพรรคประชานิยมและความตระหนักถึงปัญหาโลกร้อน

    คะแนนที่เทให้พรรคฝ่ายเสรีนิยมและพรรคแนวทางอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอาจส่งผลให้คณะกรรมการบริหารของอียูชุดใหม่ ซึ่งจะเลือกโดยสภาแห่งนี้ มีแนวทางที่แข็งกร้าวมากขึ้นในด้านการควบคุมอุตสาหกรรมที่สร้างมลภาวะ, การจัดเก็บภาษีกับบรรษัทข้ามชาติ หรือเรียกร้องให้ประเทศคู่ค้าของอียูร่วมมือในการควบคุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก ไปจนถึงการกดดันชาติสมาชิกอียูเอง โดยเฉพาะในยุโรปตะวันออก ด้านการคุ้มครองสิทธิพลเมือง.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"