อธิบดี ทช. เคลียร์ใจ 'บังเดีย' ผู้นำประมงพื้นบ้าน ยอมรับจนท.บกพร่องจับกุมรุกป่าชายเลน


เพิ่มเพื่อน    

อธิบดี ทช. บินด่วน เคลียปัญหา "บังเดีย" ถูกเจ้าหน้าที่ป่าชายเลนจับกุม ข้อหาบุกรุกป่าสร้างศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พระราชา หลังจากถูกเครือข่ายประมงพื้นบ้านอันดัน ประกาศคว่ำบาตร หวั่นบานปลายกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว

27 พ.ค.62 - ที่มูลนิธิอันดามัน อ.เมือง จ.ตรัง นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เดินทางพบกลุ่มเครือข่ายชุมชนชายฝั่งอันดามัน โดยมีนายอาหลี ชาญน้ำ ผู้ประสานงานเครือข่ายอันดามัน นายอะเหร็น พระคง ประธานประมงพื้นบ้านจังหวัดตรัง นายภาคภูมิ วิธานติระวัฒน์ มูลนิธิอันดามัน นายหลงเฟียะ บางสัก ประธานกลุ่มประมงพื้นบ้านบ้านน้ำราบ ผู้บุกเบิกโครงการธนาคารปูม้า และกลุ่มเครือข่ายชุมชนชายฝั่งอันดามันประมาณ 100 คน เข้าร่วมการรับฟังการแก้ปัญหากรณีจับกุมนายหลงเฟียะ ข้อหาบุกรุกป่าชายเลน

ข้อเสนอของกลุ่มเครือข่ายประกอบด้วย 1.การดำเนินคดีนายหลงเฟียะ บางสัก การสร้างศาลาหรือสิ่งปลูกสร้าง มิใช่ของบังเดียที่ถูกจับกุม เป็นการกล่าวหาผิดคน 2. คดีขัดแย้งซึ่งเกิดจากการทวงคืนผืนป่ากับผู้ยากไร้อันขัดต่อ คสช.ที่ 66/2557 หรือเกี่ยวเนื่องกับการอนุรักษ์ของชุมชนชายฝั่งที่เกิดขึ้น รวมถึงเจ้าหน้าที่บางคนสร้างและขยายความขัดแย้งในชุมชน 3.การจัดทำแผนงานด้านการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งระยะ 3 ปี

4. พื้นที่ซึ่งมีความจำเป็นต้องคุ้มครอง อนุรักษ์ฟื้นฟูเป็นการเฉพาะ เช่นการคุ้มครองพะยูน การอนุรักษ์หญ้าทะเล ป่าชายเลน โลมา เต่าทะเล 5.ป่าชายเลนที่มีความเหมาะสมและมีความพร้อมจัดตั้งป่าชุมชน 6.พัฒนาบทบาทของคณะกรรมการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งให้สามารถปฎิบัติงานได้ตามหน้าที่และอำนาจกฎหมายที่กำหนด

7.การแก้ปัญหาชุมชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ป่าชายเลน ซึ่งไม่มีสภาพป่าตามนโยบายของรัฐบาลควรมีการหารือร่วมกับชุมชนชายฝั่ง 8.ขยะในทะเล เป็นปัญหาสำคัญและเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารทะเล ซึ่งกำลังเป็นภัยคุกคามต่อมนุษย์ ซึ่งขยะร้อยละ 80 ขยะในทะเลมาจากขยะบนบก ควรมีมาตรการณ์อย่างเข้มข้นและจริงจัง และ 9.ทช.ควรมอบหมายเจ้าหน้าที่รับผิดชอบการขับเคลื่อนงานตามตามข้อตกลงข้างต้นร่วมกับเครือข่ายอันดามัน

นายจตุพร กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดความขัดแย้งกันคือ ทัศนคติไม่ตรงกัน ทั้งนี้แนะให้มีการประชุมกลุ่มเครือข่ายทุกเดือน หรือจะมีการประชุมแบบสัญจรไปทุกจังหวัดก็ว่ากันไปตามความเหมาะสมเพื่อรับรู้ข้อมูลและปัญหา โดยให้เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างใกล้ชิดและเข้าถึงชุมชนมากขึ้น ส่วนเจ้าหน้าที่หรือลูกน้องของตนมองว่ายังขาดความบกพร่อง ทำงานไม่ประสานกับชุมชน ดังนั้นการส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวต้องจัดทำแบบกลุ่ม ไม่ใช่แยกกันทำแบบธุรกิจส่วนตัว

อธิบดี ทช. กล่าวว่า ส่วนเรื่องคดีจะมอบหมายให้ ผอ.ไปคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของกติกา มารยาท ไม่ล้ำเส้นกัน แม้จะผิดกฎหมายแต่ต้องดูเจตนา การทำงานของภาครัฐกับประชาชนต้องเดินคู่กัน จะออกคำสั่งย้ายใครไม่ได้ ท่านต้องอยู่ในพื้นที่ปฏิบัติงานและแก้ไขปัญหา การทำงานต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้างเป็นธรรมดา เรื่องที่ผ่านมาก็ว่ากันไป เรามองอนาคตให้เกิดความยั่งยืน

"ขอให้อยู่ร่วมกันอย่างพี่น้อง ความบาดหมางให้จบกันไป หากมีปัญหาทางข้อกฎหมายให้ปรึกษาผมได้ และขอให้สบายใจได้จะดูแลอย่างเต็มที่ เดินทางมาวันนี้ไม่ได้ใส่หัวโขน ผมมาแบบประชาชนคนหนึ่ง เวทีนี่ไม่มีฮีโร่ต้องทำงานกันเป็นทีม ต้องหาทางแก้ปัญหาร่วมกัน"นายจตุพร กล่าวและว่า เจ้าหน้าที่รัฐต้องเปลี่ยนแปลงบทบาท ไม่ใช่ทำตามหน้าที่ต้องเอื้อมมือช่วยให้สุดมือ ต้องอยู่ในใจของชุมชนให้ได้ แต่ถ้าทำเต็มที่แล้วชาวบ้านไม่ถูกใจ ตนต้องขอโทษด้วย

นายหลงเฟียะ ประธานประมงชายฝั่งบ้านน้ำราบ กล่าวว่า ตนได้ฟังอธิบดีพูดวันนี้ก็มีความมั่นใจและสบายใจมากขึ้น เพราะการที่เราทำงานในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ไม่ค่อยเข้าใจ ส่วนเรื่องคดีก็ต้องดำเนินไปตามรูปคดี ซึ่งอธิบดี ทช.ส่งคนของท่านลงไปพูดคุย ท่านยืนยันว่าไม่มีปัญหา ส่วนเรื่องการดูแลอนุรักษ์ตนยังคงทำเหมือนเดิมถึงแม้เจ้าหน้าที่จะไม่พอใจ เพราะเป็นหน้าบ้านของเราต้องดูแลอย่างต่อเนื่อง เพราะที่ผ่านมาทำอย่างนี้มาตลอด


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"