27 พ.ค.62- นายนคร มาฉิม ผู้สมัครส.ส.สอบตก พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เมื่อความจริงปรากฏชัด คนไทยส่วนใหญ่ จะตัดสินอนาคต อย่างไร
วันก่อน สภาผู้แทนราษฏร ได้ประธานสภาคนใหม่ ท่ามกลางข่าวสะพัดว่าเบื้องหลังมีการเจรจาต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลที่จะตั้งขึ้น โดยนายกรัฐมนตรียังเป็น พลเอกประยุทธ์ หัวหน้าคณะรัฐประหารเหมือนเดิม ส่วนตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการ และรัฐมนตรีช่วยว่าการ แบ่งเค้กกันตามจำนวน สส ที่พรรคการเมืองแต่ละพรรคได้รับการเลือกตั้งมาตามโควต้า เฉลี่ย สส 7 คน ได้ 1 ตำแหน่งรัฐมนตรี ส่วนใครจะได้รัฐมนตรีกระทรวงไหน เกรด A เกรด B หรือ เกรด C อยู่ที่ความเขี้ยว การใช้เล่ห์เหลี่ยมและใช้อำนาจต่อรองได้มากเพียงใดเพื่อพรรคของตนเอง อยู่ที่ฝีมือของตัวแทนที่ไปเจรจากับผู้จัดการรัฐบาล
ณ เวลานี้ นอกจากตำแหน่งประธานรัฐสภาประมุขฝ่าย นิติบัญญัติ แล้ว ทราบว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้ตำแหน่ง รัฐมนตรี 7 ตำแหน่ง พรรคภูมิใจไทยได้ ตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทน และตำแหน่งรัฐมนตรีอีก 7 ตำแหน่ง ซึ่งล้วนเป็นกระทรวงเกรด A ซึ่งมีทั้งงบประมาณหลายหมื่นหลายแสนล้านต่อปีและ ข้าราชการ คอยรับใช้ หลายแสนคน โดยพวกท่านอ้างเหตุผลสารพัดว่า เพื่อให้ บ้านเมืองสงบเรียบร้อย เพื่อให้นโยบายสามารถนำมาใช้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน และสุดท้ายเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ ฟังดูแล้วรื่นหู น่าคล้อยตาม
แต่สิ่งที่ทั้งสองพรรค ต้องตอบต่อสังคม คือเมื่อคุณอภิสิทธิ์ หัวหน้าพรรคในขณะหาเสียงเลือกตั้ง พูดต่อประชาชนในที่สาธารณะว่าจะ ไม่สนับสนุน พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ คุณอนุทิน ชาญวีระกุล หัวหน้าพรรค ภูมิใจไทย ก็พูดทำนองเดียวกันว่า จะไม่ยอมให้ สว. แต่งตั้ง 250 คน มามีอำนาจเหนือกว่าตัวแทนประชาชน และไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ
แต่เมื่อพวกท่านชนะการเลือกตั้งเข้าไปสภา เพียงแค่ ตำแหน่งประธานรัฐสภา เพียงเพราะอำนาจ ผลประโยชน์ พวกท่านละทิ้งอุดมการณ์และจุดยืน และคำพูด ที่เคยให้ไว้ต่อประชาชนแล้วหรือ ท่านรู้ดีว่า พรรคการเมืองที่ให้พลเอกประยุทธ์ และ คสช. สืบทอดอำนาจต่อคือฝ่ายเผด็จการที่แปลงตัวมาเพื่อการสืบทอดอำนาจของเผด็จการ เป็นเผด็จการซ่อนรูป คำพูดที่ว่า ผมเชื่อมั่นในระบอบรัฐสภา จึงเป็นแค่เพียงวาทกรรมหาเสียงให้ดูเท่ห์ ดูดีเท่านั้น ไม่ใช่ความจริงที่เป็นจุดยืนและอุดมการณ์ที่แท้จริงของท่านใช่หรือไม่
ที่พวกท่านพูดว่า จะไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ รังเกียจเผด็จการ ต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบเป็นแค่เพียงคำโกหก หลอกลวงประชาชนให้หลงเชื่อแล้วลงคะแนนให้พวกท่านชนะการเลือกตั้ง เท่านั้นใช่หรือไม่
เมื่อพวกท่านได้เสียงของประชาชนไปแล้ว และจะร่วมหอลงโรง ร่วมรัฐบาล เป็นเสาค้ำยันให้ระบอบเผด็จการให้สามารถสืบทอดอำนาจต่อไปได้ ก็คงเป็นอำนาจสิทธิขาด ของพวกท่าน พวกเรา ในฐานะประชาชนคนธรรมดาคงจะไม่มีอำนาจอะไรไปทัดทานได้ และไม่ขอร้อง ไม่วิงวอน ใดๆ นอกจากอดทน รอคอยเมื่อเวลามาถึงและมีโอกาสเลือกตั้งใหม่
พวกเราจะจดจำไว้ว่า พรรคการเมืองพรรคใด สมคบคิด สนับสนุน ส่งเสริมให้ระบอบเผด็จการสืบทอดอำนาจให้กดขี่ข่มเหง ริดรอนสิทธิเสรีภาพร่วมกับเผด็จการทำลายอำนาจของประชาชนและประชาธิปไตยไป
พรรคการเมืองใด นักการเมืองคนไหน ทรยศต่ออุดมการณ์ ไม่รักษาคำพูด ร่วมกับฝ่ายเผด็จการทำลายประชาธิปไตย
เมื่อความจริงปรากฏชัดเจนแล้วว่า พรรคการเมืองใด นักการเมืองคนไหนอยู่ฝ่ายประชาธิปไตย พรรคการเมืองใด นักการเมืองคนไหนอยู่ฝ่ายเผด็จการ คนไทยที่รักประชาธิปไตย รักความเสมอภาค รักความเป็นธรรม คนไทยที่ตื่นรู้แล้วว่า อะไรคือความเท็จ อะไรคือความจริงจะตัดสินใจในการเลือกตั้งครั้งต่อไปว่า จะให้พรรคการเมืองใดดำรงอยู่ต่อไป หรือ จะให้พรรคการเมืองใดสูญพันธุ์ เพราะตะบัดสัตย์ ทรยศต่อประชาชน ทรยศต่อประชาธิปไตย ในอนาคต.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |