ปริ่มน้ำ-สำลักน้ำ-และพ้นน้ำ!!!


เพิ่มเพื่อน    

 ค่อยยังชั่วขึ้นมาหน่อย!!!...สำหรับการโหวตเสียงเลือกประธานรัฐสภา เมื่อช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา คือระดับ 258 ต่อ 235 พ้นน้ำขึ้นมาถึง 20 กว่าเสียง เรียกว่า...ระดับเลยปาก เลยจมูก เลยคอขึ้นมาถึงช่วงอก แถวๆ หัวนมเอาเลยก็ว่าได้ และถ้าหากสามารถรักษาระดับมาตรฐานเช่นนี้ เอาไว้ได้โดยตลอด ก็คงไม่ต้องเสียเวลา กลับไปเลือกตั้งใหม่ ให้ต้องเสียเรี่ยว เสียแรง เสียเวลา และเสียโอกาสชาติ บ้านเมือง กันอีกต่อไป...

                                                                   -----------------------------------------------

                แต่ถ้าหากเป็นช่วง เลื่อน-ไม่เลื่อน หรือช่วงต้องลงมติว่าจะเลื่อนการเลือกประธานออกไปอีกหรือไม่ อันนั้น...ต้องเรียกว่า ออกอาการ สำลักน้ำ ชนิดหวิดต้องผายปอด หวิดต้องกระทำการ ซีพีอาร์ กันไปซะแล้ว คือด้วยเหตุที่จำนวนเสียงมันเฉือนกัน ในระดับ 248 ต่อ 246 ฝ่ายแกนนำอย่างพรรคพลังประชารัฐ เลยหนีไม่พ้นต้องไปลาก งูเห่า ให้เลื้อยออกมาจากห้องน้ำ ออกมาแก้ มติ ทั้งๆ ที่ตัวเองได้ลงมติกันไปเป็นที่เรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว อันออกจะเป็นอะไรที่น่าเกลียด น่าทุเรศ เอามากๆ เพราะถ้าจะถือเป็นชัยชนะ ก็คงไม่ต่างไปจาก ชัยชนะที่จะนำไปสู่ความพ่ายแพ้  นั่นเอง...

                                                                 ---------------------------------------------------

                แต่ก็เอาเถอะ...คิดซะว่าเป็นอาการ มือใหม่-หัดขับ  หรืออาจจะเป็นมือเก่า แต่เมื่อไม่ได้ใช้มือมานาน อะไรต่อมิอะไรมันอาจขึ้นสนิมไปบ้าง การเปิดฉาก เปิดผ้าม่านกั้งของเวทีรัฐสภาครั้งแรก หลังจากต้องถูกปิดฉาก เก็บฉาก ไปตลอดระยะ 4-5 ปีที่ผ่านมา มันเลยออกจะเป็นอะไรที่ก่อให้เกิดบรรยากาศท้องเฟ้อ เรอเปรี้ยว อยู่พอสมควร คือออกอาการชุลมุน ชุลเก น่าเบื่อ น่าเอียน เหมือนอย่างที่มันเคยสร้างความเบื่อๆ เอียนๆ มาโดยตลอด จนส่งผลให้ระบอบประชาธิปไตยต้องกลายสภาพเป็นระบอบ ประชาธิป...ตาย เอาง่ายๆ...

                                                                  ----------------------------------------------------

                และการที่ได้คุณพี่ ชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตประธานรัฐสภา กลับมาเป็นประธานสภาฯ ชุดใหม่ ต้องถือว่าน่าจะพอช่วยให้เกิดความหวัง ในการกอบกู้ รื้อฟื้น ศักดิ์ศรีและศรัทธา สำหรับระบอบการเมือง-การปกครองชนิดนี้ขึ้นมาได้บ้างตามสมควร คือแค่ระดับคุณน้า บัญญัติสิบประการ-บรรทัดฐาน นั้น ต้องเรียกว่า  คุณภาพคับแก้ว ชนิดแทบล้นแก้วเอาเลยก็ว่าได้ แต่เมื่อคุณพี่ ชวน หลีกภัย มาเอง อันนี้...ไม่ใช่แค่ระดับแก้วเท่านั้น แต่แทบจะล้นโอ่ง ล้นไห โอกาสที่จะอาศัยประชาธิปไตยไปบรรเทาอาการต่างๆ ไม่ว่าจะด้วยการอม-ดม-หยอด-สอด-เสียบ ย่อมมีโอกาสเป็นไปได้ยิ่งขึ้นเท่านั้น...

                                                                 -------------------------------------------------------

                แต่ก็นั่นแหละ...ภายใต้อำนาจอธิปไตยตามระบอบการเมือง-การปกครองแบบประชาธิปไตย มันคงไม่ได้ขึ้นอยู่แต่เฉพาะฝ่าย นิติบัญญัติ เท่านั้น ยังคงต้องอาศัยฝ่าย บริหาร และฝ่าย ตุลาการ ที่ไม่เพียงแต่ต้องมีฝีไม้ ลายมือ ที่สำคัญที่สุด...ก็คือต้องมีความถูกต้อง เป็นธรรม หรือ ความชอบธรรม ควบคู่และเคียงคลอกันไปด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างมันถึงจะเป็นไปได้ด้วยดี ไม่ได้ออกไปทางไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี เหมือนอย่างเท่าที่เคยเป็นมา หรืออย่างที่เคยวนไป-วนมา ไม่รู้จะกี่รอบ-ต่อกี่รอบ...

                                                                ---------------------------------------------------------

                ซึ่งสำหรับฝ่ายบริหารเมื่อถึง ณ ขณะนี้...แม้จะยังไม่ได้มีการลงมติ แต่ก็น่าจะพอรู้ๆ แบบชนิดแบหลา แบเบอร์ ไม่ต้องเสียเวลาไปจิ้มเครื่องคิดเลขอีกต่อไป ว่ายังไงๆ...ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของเรา คงต้องกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอยู่แล้วแน่ๆ แค่เฉพาะจำนวน งูเห่า ที่เลื้อยออกมาจากห้องน้ำพร้อมกันถึง 7 ตัว ในการลงมติเลือกประธานรัฐสภา จนทำให้ฝ่าย ไม่เอาบิ๊กตู่ เหลือเสียงอยู่เพียงแค่ 235 เสียง ก็น่าจะพอรับประกัน การันตี ได้แล้วว่า แทบไม่ต้องไปถึงมือของ ส.ว.จำนวน 250 เสียงเอาเลยก็ยังได้ เพราะโอกาสที่จะรวบรวมเสียงให้ได้เกินกว่า 376 เสียงในสองสภาฯ รวมกันนั้น คงต้องรอไปจนกว่าน้ำจะท่วมหลังเป็ดโน่นแหละ...

                                                              ---------------------------------------------------------

                อย่างไรก็ตาม...อำนาจบริหารที่ยังไงๆ คงต้องอยู่ในมือของ บิ๊กตู่ อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ นอกจากฝีไม้ ลายมือ ของผู้ที่จะเข้ามาร่วมในการบริหารแล้ว มันคงต้องอาศัยสิ่งที่เรียกว่า ความชอบธรรม อยู่อีกนั่นแหละ ถึงจะช่วยให้ดุลอำนาจในด้านนี้ มันไม่กลายเป็นตัวถ่วง ตัวรั้ง อำนาจอื่นๆ ให้ต้องเอียงไป-เอียงมา หรือเกิดความไม่สมดุลทางอำนาจขึ้นมาได้ง่ายๆ และอันนี้นี่เอง...ที่ออกจะเป็น โจทย์ ค่อนข้างยากซ์ซ์ซ์เอามากๆ สำหรับประมุขฝ่ายบริหาร เพราะไม่ใช่แค่การประสานงาน การ จัดสรรปันส่วนผสม ให้เกิดความเป็นเอกภาพ ความพออก พอใจ ภายในพรรคร่วมรัฐบาล ที่ปาเข้าไปเกือบ 30 พรรค แต่แค่เฉพาะพรรคแกนนำรัฐบาล อย่างพรรคพลังประชารัฐเพียงพรรคเดียวเท่านั้น ก็น่าจะยุ่งฉิบหาย ยุ่งตายห่ะ พอสมควรแล้ว...

                                                            -------------------------------------------------------------

                โดยเฉพาะเมื่อมองจากอาการ สำลักน้ำ จนต้อง เลื่อน-ไม่เลื่อน การลงมติเลือกประธานสภาฯ ตั้งแต่ช่วงแรก แม้ว่าจะผ่านระยะผ่านที่ว่านี้ไปได้ โดยไม่ถึงกับผายปอด ต้องซีพีอาร์ก็ตาม แต่ในระยะยาวแล้ว...โอกาสที่จะจมน้ำ แบบไม่ปริ่ม ไม่โผล่ ก็ใช่ว่าจะไม่มีเอาเสียเลย สิ่งที่เรียกว่า ความชอบธรรม มันจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเอามากๆ สำหรับฝ่ายบริหารในระยะต่อไป และจะต้องเป็นไปในแนวทางเพื่อให้เกิดการ สืบสาน-รักษา-และต่อยอด  เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในแผ่นดินนั่นแหละ มันถึงจะพอช่วยให้เกิดการผ่านระยะผ่าน ไปได้อย่างราบรื่น หนักแน่น มั่นคง และอย่างเป็นจริง-เป็นจัง...

                                                           --------------------------------------------------------

                ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Bhagavad Gita... Raise yourself by your Self. The Self is your sole friend even as it is your sole enemy. – จงยกสถานะของท่านให้สูงขึ้นด้วยตัวของท่านเอง เพราะตัวท่านนั่นแหละ...เป็นทั้งมิตรและศัตรูของท่าน...

                                                          ---------------------------------------------------------

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"