26 พ.ค. 2562 รายงานว่า สำหรับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเลือกรองประธานสภาคนที่ 1 ที่ประชุมโหวตให้นายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ชนะ น.ส.เยาวลักษณ์ วงษ์ประภารัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ด้วยคะแนน 248 ต่อ 246 ขณะที่พรรคพลังประชารัฐและพรรคแนวร่วมมีเสียงรวมกัน  253 คน ส่วนอีกซีกที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำมี245 แต่เมื่อหักนายธนาธร และ ส.ส.ที่ขอลาป่วยไปอีก1คน จึงเหลือ 243 แต่การโหวตรองประธานสภาคนที่หนึ่ง น.ส.เยาวลักษณ์ กลับได้คะแนนเสียงถึง 246 คน จึงทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีส.ส.อีกฝ่ายมาโหวตให้จำนวน 3เสียง

อย่างไรก็ดีในการเลือกรองประธานสภาฯคนที่สอง ระหว่างนายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย นายประสงค์ บูรณ์พงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ปรากฎว่านายศุกชัยได้256คะแนน แต่นายประสงค์ได้ 239 ซึ่งคะแนนในซีกประชาธิปไตยหากเอา 243 เป็นตัวตั้ง จะเห็นว่าคะแนนหายไป 4คะแนน ไปเพิ่มให้ซีกภูมิใจไทยที่ตัดสินใจไปร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ

นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายนายกนก ลิ้มตระกูล ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย ไม่ได้อยู่ร่วมลงมติเลือกประธานสภาฯเมื่อวันที่25พ.ค.ว่า  เมื่อวันที่ 26 พ.ค. พรรคได้เรียกนายกนก มาชี้แจง โดยนายกนก อธิบายว่า ในวันที่ 25 พ.ค.ได้เดินทางมาประชุมสภาฯแล้ว แต่เกิดปัญหาจากพรรคอื่นในเรื่อง ขอเลื่อนวาระการลงมติเลือกประธานสภาฯ  จึงได้สอบถาม ส.ส.รอบข้าง ได้ความว่า น่าจะมีการเลื่อนประชุมในวันนี้แน่  จึงเดินทางไปสนามบิน เพื่อกลับจ.อุตรดิตถ์ เพราะมีภารกิจค้างอยู่ แต่เมื่อไปถึงจังหวัดได้ทราบข่าวว่า มีการประชุมสภาฯต่อ จึงรีบบินกลับมา แต่ปรากฎว่า มาไม่ทัน จากเรื่องดังกล่าว พรรคจึงกำชับนายกนก ว่า ต่อไปอย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก 

อย่างไรก็ดีในการประชุมส.ส. ครั้งหน้า พรรคจะสั่งอย่างเด็ดขาดต่อบรรดาส.ส.ทุกคน อย่าให้ขาดประชุมไปไหน เพราะหน้าที่ส.ส. ต้องทำงานสภาฯ และเสียงของทั้งสองฝ่าย อยู่ในระดับปริ่มน้ำ เพราะฉะนั้น เสียงของส.ส. แค่1-2เสียง ในการลงมติ อาจทำให้ เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้