ส.ว.ตามออเดอร์ 3เก้าอี้ไม่พลิกโผ! สมเจตน์ชงอยู่2ปี


เพิ่มเพื่อน    

  ไม่พลิกโผ! "พรเพชร" ประธานวุฒิสภา "สิงห์ศึก" เพื่อนบิ๊กตู่รองคนที่ 1 "ศุภชัย" นั่งรอง 2 "สมเจตน์" ประเดิมป่วนประชุมนัดแรก โวยโดนปิดกั้นความเห็น ขู่ซ้ำรอยปลาสองน้ำปี 54 ชงครบ 2 ปีเลือกผู้นำใหม่

    ที่หอประชุมใหญ่ทีโอที ถนนแจ้งวัฒนะ เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม เวลา 17.30 น. มีการประชุมวุฒิสภาเป็นนัดแรก โดย ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะผู้มีอาวุโสสูงสุด ทำหน้าที่เป็นประธานวุฒิสภาชั่วคราว และแจ้งเรื่องรับทราบพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภา พ.ศ.2562 และรับทราบพระบรมราชโองการประกาศแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งเลขาธิการวุฒิสภาได้อ่านรายชื่อ ส.ว.ทั้ง 250 คน จากนั้นสมาชิกวุฒิสภากล่าวปฏิญาณตนในที่ประชุมก่อนการปฏิบัติหน้าที่ ว่า “ข้าพเจ้าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศ และประชาชน ทั้งจักรักษาไว้ และปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”
    ก่อนเข้าสู่วาระการเลือกประธานวุฒิสภา พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว. ได้ขอหารือเกี่ยวกับการเลือกประธานวุฒิสภา โดย ร.อ.ทินพันธุ์กล่าวว่า จะถือบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ข้อบังคับการประชุม และถือระเบียบวาระการประชุมครั้งนี้เป็นหลักการประชุมครั้งนี้ ไม่มีเรื่องอื่นๆ เรื่องหารือใดๆ อยากให้การประชุมวันนี้ซึ่งเป็นวันแรก ดำเนินการประชุมเพื่อเลือกประธานและรองประธานวุฒิสภา ตามระเบียบวาระ
    พล.อ.สมเจตน์ได้ลุกขึ้นชี้แจงว่า สิ่งที่จะหารือจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อที่ประชุม ถ้าประธานเปิดใจกว้างจะได้ข้อคิดเห็นดีๆ ซึ่งตำแหน่งประธานวุฒิสภาเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญ เพราะต้องไปทำหน้าที่เป็นรองประธานรัฐสภาในการประชุมร่วมกันกับสภาผู้แทนราษฎร จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องได้บุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ ทั้งด้านการบริหาร และการควบคุมการประชุม และต้องได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ทั้งนี้ ในการเลือกประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ผ่านกลไกสำคัญของพรรคการเมืองเสียงข้างมาก กลั่นกรองบุคคลที่จะไปทำหน้าที่นั้น แต่ประธานวุฒิสภาไม่มีกลไกใดมาช่วยกลั่นกรอง จากนั้น ร.อ.ทินพันธุ์เชิญ พล.อ.สมเจตน์นั่งลง เพราะได้ให้เวลาพูดนานแล้ว
    ต่อมา นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ ส.ว. ได้เสนอชื่อนายพรเพชร วิชิตชลชัย ส.ว. เป็นประธานวุฒิสภา โดยไม่มีการเสนอชื่อบุคคลอื่นเข้าแข่งขัน ทั้งนี้ ก่อนจะดำเนินการขั้นต่อไป พล.อ.สมเจตน์ได้ยกข้อบังคับการประชุมวุฒิสภาที่ระบุว่า ก่อนที่จะดำเนินการเลือกตั้งประธานวุฒิสภา ให้ผู้ได้รับการเสนอชื่อกล่าวแสดงวิสัยทัศน์ในการดำรงตำแหน่งต่อที่ประชุมวุฒิสภา จากนั้นประธานในที่ประชุมจึงให้นายพรเพชรแสดงวิสัยทัศน์
    โดยนายพรเพชรกล่าวว่า เตรียมพร้อมที่จะทำให้วัตถุประสงค์ของรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะบทเฉพาะกาลประสบความสำเร็จ คือการปฏิรูปประเทศภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ เมื่อมารับ สิ่งที่ประชาชนคาดหวัง คือเรียกร้องการปฏิรูปประเทศ และทำเรื่อยมาขณะดำรงตำแหน่งในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จนมาเป็น ส.ว. โดยให้เครื่องมือคือการที่ ส.ว.ต้องพิจารณาร่วมกับ ส.ส. ในการจะผ่านกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูป และกฎหมายสำคัญ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของวุฒิสภา มีทฤษฎีต่างๆ อธิบายมากมาย ต้องทันเล่ห์ทันเกม แต่คิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือความตั้งใจ จริงใจที่จะทำงานร่วมกับสภา เพื่อบรรลุเป้าหมาย และวัตถุประสงค์ ดังนั้น ไม่ต้องกังวล ต้องทำให้ได้ คงไม่ต้องพูดเรื่องของการโหวตนายกฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่สมาชิกสนใจ กราบขอกำลังใจ และขอการสนับสนุนจากสมาชิกทุกท่าน
    จากนั้น ร.อ.ทินพันธุ์กล่าวต่อที่ประชุมว่า นายพรเพชรได้เป็นประธานวุฒิสภา อย่างไรก็ตามก่อนที่จะเสนอให้วุฒิสภามีรองประธานวุฒิสภาจำนวน 2 คน ปรากฏว่า พล.อ.สมเจตน์ได้ขอใช้สิทธิ์พาดพิงขออภิปราย โดยกล่าวต่อว่าประธานที่ตัดบทไม่ให้อภิปราย ทั้งที่ตนเองได้ขอหารือในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อที่ประชุม 
    หลังจากนั้น นายสุวพันธุ์ได้เสนอ พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร เป็นรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ซึ่งไม่มีสมาชิกเสนอชื่อบุคคลอื่น พล.อ.สิงห์ศึกจึงได้รับเลือกให้เป็นรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ทั้งนี้ พล.อ.สิงห์ศึก กล่าวต่อที่ประชุมถึงประวัติและการทำงานที่ผ่านมา โดยเฉพาะในขณะที่ทำหน้าที่เป็นสมาชิก สนช. ได้ทำหน้าที่เกี่ยวกับกฎหมายโดยตรง ในการปฏิบัติหน้าที่จะต้องคำนึงถึงส่วนรวมและวุฒิสภา จะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
    ต่อมาเป็นการเลือกประธานวุฒิคนที่ 2 นายสุวพันธุ์เสนอชื่อนายศุภชัย สมเจริญ ที่ประชุมรับรองถูกต้อง และเมื่อไม่มีสมาชิกเสนอชื่ออื่น ทำให้นายศุภชัยได้รับตำแหน่งรองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 ทั้งนี้ นายศุภชัยกล่าวว่า ขอยึดหลัก 3 ข้อ คือ 1.จงรักภักดีสถาบันพระมหากษัตริย์ 2.ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต บทบัญญัติข้อนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ที่เป็นจุดหมายสำคัญที่จะทำให้สังคมและประชาชนให้การยอมรับ และ 3.พิทักษ์สิทธิผู้แทนวุฒิสภาทุกคนให้เท่าเทียมกับองค์กรอื่น
    ด้านนายพรเพชร วิชิตชลชัย ว่าที่ประธานวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า มีความปลื้มปีติ เพราะเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ พระราชพิธีเปิดการประชุมรัฐสภาครั้งแรก โดยได้พระราชทานพระบรมราโชวาทที่เป็นประโยชน์กับการปฏิบัติหน้าที่ของทั้ง ส.ว.และ ส.ส. ที่สำคัญยังทรงอวยพรให้การทำงานของทั้ง 2 สภาประสบผลสำเร็จ และเป็นประโยชน์ให้กับประชาชนและประเทศชาติ ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐสภาที่จะต้องน้อมรับไว้เหนือเกล้าฯ และปฏิบัติตาม
    กรณีที่ตนและรองประธานวุฒิสภาทั้ง 2 คนได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกโดยไม่มีผู้แข่งขัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่แปลกหรือเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอะไร แต่เป็นเรื่องที่เมื่อสมาชิกเห็นพ้องต้องกัน ก็ทำให้การทำงานของ ส.ว.เป็นไปด้วยความราบรื่น และวัตถุประสงค์ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ส.ว.ทำงานตามบทเฉพาะกาลเป็นสำคัญ ส่วนนโยบายได้ประกาศไปหมดแล้ว สำหรับรายละเอียดต้องขอเวลารอหลังมีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ส่วนที่สังคมตั้งแง่การทำหน้าที่ของ ส.ว.ชุดนี้นั้น ยิ่งตั้งแง่เท่าไร เราก็ต้องพิสูจน์และทำให้ดีขึ้น
    เมื่อถามถึงภารกิจแรกของ ส.ว. ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี จะต้องมีการพูดคุยเพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ นายพรเพชรกล่าวว่า ขอยังไม่ตอบคำถามนี้ เพราะต้องให้เกียรติสมาชิก โดยจะต้องมีการพูดคุยกัน ซึ่งคงไม่ต้องมีการประชุมอะไรอย่างเป็นทางการ หากมีความคืบหน้าอะไรจะแจ้งให้สื่อมวลชนรับทราบต่อไป เมื่อถามย้ำว่าการโหวตเลือกนายกฯ จำเป็นต้องฟังเสียงข้างมากของ ส.ส.หรือไม่ นายพรเพชรปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ยังไม่อยากพูดเรื่องเหล่านี้ วันนี้เป็นเรื่องของความยินดี
    ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าการประชุมครั้งนี้เป็นการล็อกโหวตตำแหน่งประธานและรองประธานวุฒิสภานั้น ว่าที่ประธานวุฒิสภาปฏิเสธว่า ไม่มีการล็อกโหวต เพราะไม่เห็นมีใครมาล็อกอะไรกัน 
    นายศุภชัย สมเจริญ ว่าที่รองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 กล่าวก่อนการประชุมวุฒิสภาว่า หากได้รับการเสนอชื่อก็พร้อมทำหน้าที่ ยืนยันว่าสมาชิกทุกคนทำงานด้วยความซื่อสัตย์ ขอสังคมอย่ามองแง่ร้าย ส่วนการเลือกนายกฯ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ไม่รู้สึกกดดัน จะเลือกคนที่เหมาะสมและจงรักภักดีต่อสถาบันฯ
    ขณะที่ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว. กล่าวว่า เพียงแค่จะเริ่มต้นแสดงเหตุผลก็ถูกประธานปิดกั้นแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนว่า เป็นไปตามที่สังคมมองสภาแห่งนี้ไปแล้ว และไม่อาจล้มล้างภาพนี้ได้ นี่คงไม่ใช่รอยร้าวของ ส.ว. เพียงต้องการจะชี้ให้เห็นถึงความไม่ยุติธรรมที่ถูกกระทำ เหมือนตอน ส.ว.ปี 54 จนส่งผลให้ ส.ว.เป็นปลาสองน้ำ เกิดผลเสียต่อการทำงานร่วมกัน 
    "ส่วนรอบนี้จะเกิดหรือไม่ ผมไม่รู้ ถ้าหาทางแก้ไขได้ก็จะทำให้ประชาชนเชื่อมั่น สิ่งที่จะเสนอนั้นไม่เกี่ยวกับการเสนอนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย เป็นประธาน ผมต้องการขอเสนอให้มีการเลือกประธานและรองประธานวุฒิสภาชุดใหม่เมื่อครบ 2 ปี เพื่อให้ 250 ส.ว.รู้จักกันดีก่อนเลือกด้วยตัวเอง จะได้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ไม่ใช่คนคนเดียวเสนอแบบนี้ ส่วนท่านประธานและรองประธานก็พิสูจน์ตัวเองแล้วมาแข่งขัน สังคมจะได้เชื่อมั่น” พล.อ.สมเจตน์ระบุ.
    


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"