ศาลนัดพิพากษา "พานทองแท้" คดีฟอกเงินกรุงไทย 25 พ.ย. หลังสืบพยาน 3 นัดเดือน ก.ย. "โอ๊ค" ยิ้มสู้ยังมั่นใจพยานหลักฐาน แกนนำเพื่อไทยแห่ให้กำลังใจเพียบ
ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม เวลา 10.00 น. ศาลตรวจพยานหลักฐานคดีฟอกเงินกู้แบงก์กรุงไทย อท.245/2561 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายพานทองแท้ หรือโอ๊ค ชินวัตร อายุ 39 ปี บุตรชายคนโตของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5, 9, 60 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2558 มาตรา 10 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91
อัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 10 ต.ค.2561 จากกรณีนายพานทองแท้รับโอนเงินเป็นเช็คจำนวน 10 ล้านบาทเข้าบัญชี ซึ่งมีการกล่าวหาว่าเงินนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการกระทำจากการทุจริตปล่อยกู้สินเชื่อระหว่างธนาคารกรุงไทยฯ กับเอกชนกลุ่มกฤษดามหานคร ที่มีนายวิชัย กฤษดาธานนท์ อายุ 80 ปี ผู้บริหารกฤษดามหานคร กับนายรัชฎา กฤษดาธานนท์ อายุ 53 ปี ซึ่งเป็นบุตรชายของนายวิชัย และอดีตคณะผู้บริหารธนาคารกรุงไทย ตกเป็นจำเลยในคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วให้จำคุกนายวิชัยและนายรัชฎาคนละ 12 ปี ร่วมกับพวก โดยในส่วนของนายวิชัย, นายรัชฎา และกลุ่มอดีตกรรมการบริษัทเอกชนในเครือกฤษดาฯ รวม 6 คนนั้น ก็ถูกอัยการยื่นฟ้องความผิดฟอกเงินการทุจริตปล่อยกู้ดังกล่าวต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบเช่นกันด้วย โดยชั้นศาล นายพานทองแท้ จำเลย ก็ให้การปฏิเสธสู้คดีว่าไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง เงินดังกล่าวเป็นที่ได้ร่วมลงทุนกับนายรัชฎา
วันนี้ (23 พ.ค.) นายพานทองแท้ที่ได้รับการประกันตัวระหว่างพิจารณาคดี 1 ล้านบาท เดินทางมาพร้อมกับน้องสาวทั้งสองคือ นางพินทองทา หรือเอม คุณากรวงศ์ และ น.ส.แพทองธาร หรืออุ๊งอิ๊ง ชินวัตร ขณะที่แกนนำพรรคเพื่อไทย ทั้ง พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย, คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และนายชัยเกษม นิติศิริ ซึ่งเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี, นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายส่วนตัวนายทักษิณ, นายชูศักดิ์ ศิรินิล ที่ปรึกษากฎหมายพรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย อาทิ นายวัฒนา เมืองสุข, นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รวมถึง น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักษาชาติ และกลุ่มเพื่อนนายพานทองแท้จำนวนหนึ่ง ก็เดินทางมาร่วมให้กำลังใจด้วย
ขณะที่การตรวจพยานหลักฐานคดี เป็นการตรวจหลักฐานต่อเนื่องจากที่ศาลให้อัยการโจทก์และทนายความจำเลย ยื่นระบุบัญชีพยานแต่ละฝ่าย พร้อมเสนอประเด็นนำสืบโต้แย้งเสนอต่อศาล ตั้งแต่เมื่อช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย.2562 โดยฝ่ายอัยการโจทก์เสนอบัญชีพยานบุคคล 21 ปาก ซึ่งในจำนวนนั้น 12 คน พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนไว้แล้ว และพยานเอกสาร 27 ลำดับ ส่วนจำเลยยื่นบัญชีพยานบุคคล 15 ปาก และพยานเอกสาร 47 ลำดับ ซึ่งจำเลยก็รับข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 17 พ.ค.2547 ได้รับโอนเงินเป็นเช็คจากนายวิชัย 10 ล้านบาท ผ่านเข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพฯ แต่เป็นเงินที่ร่วมการลงทุนกับนายรัชฎา
ทั้งนี้ เมื่อศาลพิจารณาคำฟ้องและประเด็นโต้แย้งทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว เห็นควรกำหนดประเด็นวินิจฉัย 2 ข้อ 1.คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ซึ่งได้สอบสวนสำนวนของจำเลยแล้ว ต่อมาพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้สอบสวนรวบรวมหลักฐานในเรื่องเดิม ถูกแทรกแซงหรือชี้นำการสอบสวน เป็นการดำเนินการโดยมิชอบหรือไม่ และโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องหรือไม่ 2.กรณีที่จำเลยรับโอนเงินจากนายวิชัยและนายรัชฎานั้น เป็นการทำธุรกรรมทางการเงินโดยมิชอบ ที่เป็นการกระทำผิดฐานฟอกเงินจากการทุจริตหรือไม่
สำหรับพยานที่จะดำเนินการไต่สวนนั้น ศาลพิเคราะห์ส่วนที่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่จะวินิจฉัยในคดีแล้ว เห็นควรกำหนดลักษณะพยานเป็นกลุ่มๆ คือ กลุ่มตรวจสอบการกระทำผิด, กลุ่มลงทุนธุรกิจ, กลุ่มตรวจสอบเส้นทางการเงิน และกลุ่มพนักงานสอบสวน ซึ่งพยานของจำเลยในกลุ่มลงทุนธุรกิจและกลุ่มพนักงานสอบสวนบางปากเป็นพยานร่วมกับของฝ่ายอัยการโจทก์ด้วย ดังนั้นศาลจึงเห็นควรไต่สวนพยานโจทก์-จำเลย และตัวจำเลยเอง รวมทั้งสิ้น 5 ปาก โดยจะเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ที่ตรวจสอบเส้นทางการเงิน, นักธุรกิจ, กลุ่มพนักงานสอบสวนดีเอสไอ และตัวจำเลย ซึ่งพยานจากฝ่ายโจทก์ 3 ปาก และฝ่ายจำเลย 2 ปาก ส่วนพยานลำดับอื่นๆ มีบันทึกถ้อยคำในสำนวนของโจทก์ที่รู้เห็นประเด็นตามที่ศาลกำหนดให้ไต่สวนพยานนั้นอยู่ แต่หากไต่สวนพยานเสร็จสิ้นแล้วเห็นว่ายังไม่ครบถ้วน ศาลก็จะเรียกพยานมาไต่สวนเพิ่มเติม
และเนื่องจากคดีนี้มีการตรวจสอบเส้นทางธุรกรรมทางการเงินที่มีรายละเอียดอยู่มาก จึงให้คู่ความทำเป็นแผนภูมิแสดงเส้นทางการรับ-โอนเงินของจำเลย เพื่อนำสืบประกอบการไต่สวนพยานบุคคลด้วย โดยศาลก็จะออกหมายเรียกพยานเพื่อมาไต่สวน ในวันนัดที่ 24, 25, 26 ก.ย.นี้ ซึ่งก่อนจะเริ่มไต่สวนพยานศาลจะนัดตรวจความพร้อมการนำพยานเข้าสืบก่อนในวันที่ 15 ก.ค.นี้ เวลา 10.00 น. ขณะที่ศาลกำชับให้คู่ความเตรียมพยานให้พร้อม และให้ตัวจำเลยเดินทางมาศาลทุกนัด
อย่างไรก็ดี ทนายความจำเลยได้แถลงต่อศาลว่า ติดใจที่จะนำสืบประเด็นของนายวิชัยและนายรัชฎา ที่เคยให้ชั้นดีเอสไอเกี่ยวกับการลงทุนและโอนเงินธุรกิจในสำนวนคดีอื่นมาประกอบ เพื่อแสดงให้เห็นเจตนาของการทำธุรกิจระหว่างจำเลยและนายรัชฎาด้วย ซึ่งศาลให้ทนายความทำเป็นคำร้องชัดเจนยื่นเข้ามาเพื่อพิจารณาและมีคำสั่งต่อไป
ขณะที่ศาลได้ชี้แจงกับจำเลยและทนายความจำเลยย้ำด้วยว่า กระบวนพิจารณาของศาลอาญาคดีทุจริตฯ กลาง เป็นระบบไต่สวนที่ศาลจะทำการซักถามพยานด้วยตนเองจากพยานทั้งสองฝ่ายเสนอ ซึ่งศาลจะพิจารณาว่าพยานปากใดมีความจำเป็นที่จะต้องวินิจฉัยบ้าง โดยเมื่อศาลซักถามพยานตามประเด็นข้อพิพาทแล้ว คู่ความสามารถส่งประเด็นคำถามให้ศาลซักถามพยานเพิ่มเติมได้ หากเห็นว่ายังไม่ครบถ้วน และหากคู่ความเห็นว่ามีพยานปากใดที่ต้องการเสนอให้ศาลไต่สวนเพิ่มเติม ก็สามารถยื่นเป็นคำร้องเข้ามาให้วินิจฉัยได้ ส่วนจะมีความจำเป็นต้องไต่สวนพยานจากที่เดิมกำหนดไว้ หรือเพิ่มวันนัดอีกหรือไม่นั้น ศาลจะพิจารณาอีกครั้ง โดยในชั้นนี้ศาลเห็นควรกำหนดวันไต่สวนพยานไว้ 3 นัด 24-26 ก.ย.นี้ พร้อมกำหนดวันพิพากษาคดีล่วงหน้าไว้ก่อนในวันที่ 25 พ.ย.นี้ เวลา 10.00 น.
ภายหลังเสร็จสิ้นการตรวจพยานหลักฐาน นายพานทองแท้กล่าวว่า มั่นใจและพร้อมนำพยานหลักฐานเข้าสู่การพิจารณา ซึ่งทุกอย่างอยู่ในกระบวนการอยู่แล้ว โดยศาลนัดมาเมื่อใดตนก็พร้อมมาทุกนัด ส่วนเรื่องที่ศาลกำหนดนัดฟังคำพิพากษาไว้ล่วงหน้าในวันที่ 25 พ.ย.นี้ ตนก็ไม่หวั่นใจ ทั้งนี้ นายพานทองแท้ยังปฏิเสธไม่ขอพูดประเด็นการเมืองใดๆ ก่อนเดินทางกลับขึ้นรถตู้ไปพร้อมน้องสาวทั้ง 2 คน โดยมีสีหน้ายิ้มแย้มทักทายกับผู้สื่อข่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |