ราชกิจจาออกประกาศใช้กฎหมายสลากกินแบ่งฉบับใหม่ เสนอขายหรือขายลอตเตอรี่เกินราคามีโทษปรับหนัก 1 หมื่นบาท ขายในสถานศึกษา หรือขายให้แก่เยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี ก็ปรับ 1 หมื่นรวด กองสลากเผยอยู่ระหว่างศึกษาแนวทางขายลอตโต้ รางวัลที่ 1 หลักร้อยล้านขึ้น แถมถ้าไม่ถูกทบยอดได้อีก 1 งวด รอรัฐบาลใหม่พิจารณาอนุมัติ
เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมนี้ ราชกิจจานุเบกษาได้ออกประกาศ พระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2562 ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยสำนักงานสลากกินแบ่ง มีสาระที่น่าสนใจดังนี้ มาตรา (7/1) การออกประกาศกำหนดประเภทและรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาลโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ ต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียและศึกษาผลกระทบทางสังคม เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาก่อนออกประกาศ รวมทั้งต้องให้ผู้ด้อยโอกาสและคนพิการเข้าถึงการเป็นตัวแทนจาหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลด้วย
มาตรา 9 ให้ยกเลิกความในมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติสานักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ.2517 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 11/2558 เรื่อง มาตรการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล ลงวันที่ 1 พฤษภาคม พุทธศักราช 2558 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
"มาตรา 22 เงินที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้รับจากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลในแต่ละงวด ให้จัดสรรดังนี้ (1) ร้อยละหกสิบเป็นเงินรางวัล (2) ไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบสามเป็นรายได้แผ่นดิน (3) ไม่เกินกว่าร้อยละสิบเจ็ดเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงานซึ่งรวมทั้งค่าใช้จ่ายในการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลด้วย"
มาตรา 10 ให้ยกเลิกความในมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ.2517 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“มาตรา 26 เงินที่จัดสรรไว้เพื่อจ่ายเป็นเงินรางวัลตามมาตรา 22 (1) หากการออกรางวัลในงวดใดไม่มีผู้มีสิทธิเรียกร้องเงินรางวัล จะนำเงินที่จัดสรรไว้ไปสมทบเพื่อจ่ายเป็นเงินรางวัลในงวดถัดไปก็ได้แต่ไม่เกินหนึ่งงวด โดยให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง ทั้งนี้ เงินที่ได้นำไปสมทบเพื่อจ่ายเป็นเงินรางวัลในงวดถัดไป ถ้าไม่มีผู้มีสิทธิเรียกร้องเงินรางวัลดังกล่าว ให้นำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน"
มาตรา 13 ให้ยกเลิกความในมาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ.2517 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 11/2558 เรื่อง มาตรการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล ลงวันที่ 1 พฤษภาคม พุทธศักราช 2558 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
"มาตรา 39 ผู้ใดเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้ และยังไม่ได้ออกรางวัล ในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท"
มาตรา 14 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 39/1 และมาตรา 39/2 แห่งพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ.2517
"มาตรา 39/1 ผู้ใดขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในสถานศึกษา ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
"มาตรา 39/2 ผู้ใดขายสลากกินแบ่งรัฐบาลแก่บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท"
นายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยถึงกรณีมีประกาศลงราชกิจจานุเบกษา บังคับใช้ พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ.2562 ว่า ใน พ.ร.บ.ฉบับใหม่มีการเขียนกฎหมายเปิดกว้างให้สำนักงานสลากดำเนินการออกสลากในรูปแบบใหม่ๆ ได้เหมือน พ.ร.บ.ฉบับเดิม ทั้งให้สามารถออกสลาก 2 ตัว 3 ตัว หรือสลากออนไลน์ หรือสลากผ่านคอมพิวเตอร์ได้ แต่จะมีรายละเอียดเรื่องรางวัลที่ 1 ในกรณีที่มีการออกสลากลอตโต้ โดยในกฎหมายใหม่จะกำหนดให้สมทบเงินรางวัลที่ 1 ได้ไม่เกิน 1 งวด หากยังไม่มีผู้ถูกรางวัล เงินจะถูกส่งเข้าคลังทันที ซึ่งจะต่างจากสลากลอตโต้ของต่างประเทศ ที่จะทบเงินรางวัลไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีผู้ถูกรางวัล
ทั้งนี้ คณะกรรมการสลากฯ ได้มีการศึกษาเรื่องการออกสลากรูปแบบใหม่และเงินรางวัลต่างๆ ไว้หมดแล้ว เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาสลากเกินราคาที่ยังคงเป็นปัญหาในปัจจุบันอยู่ให้ได้ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการสลากชุดปัจจุบันแต่งตั้งโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จึงจะหมดวาระหลังจาก คสช.หยุดปฏิบัติหน้าที่ภายใน 60 วัน ดังนั้น คณะกรรมการชุดนี้จึงจะไม่พิจารณาดำเนินการออกสลากรูปแบบใหม่เพิ่มเติมในขณะนี้อย่างแน่นอน
พ.ต.อ.บุญส่ง จันทรีศรี ผอ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า การออกผลิตภัณฑ์ใหม่โดยเฉพาะสลากลอตโต้ ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณารูปแบบ จำนวนรางวัล จำนวนงวด และเงินรางวัล โดยในกฎหมายใหม่กำหนดให้สมทบเงินรางวัลได้ไม่เกิน 1 งวด หมายถึงกรณีการออกรางวัลงวดวันที่ 1 ไม่มีผู้ถูกรางวัลแจ็กพอต หรือรางวัลอื่นๆ ก็จะนำเงินรางวัลในงวดดังกล่าวไปสมทบในการออกรางวัลงวดวันที่ 16 และถ้าในงวดวันที่ 16 ยังไม่มีผู้ถูกรางวัลแจ็กพอต ก็จะนำเงินรางวัลของวันที่ 1 นำส่งเป็นรายได้ของแผ่นดิน โดยจะสมทบในลักษณะนี้ไปเรื่อยๆ ซึ่งต่างจากการจ่ายรางวัลแจ็กพอตของต่างประเทศที่จะมีการสมทบต่อไปเรื่อยๆ ทุกงวด
ในส่วนของการจ่ายเงินรางวัลแจ็กพอต จะต้องเป็นไปตามกฎหมายสลากฉบับใหม่ คือ 60% เป็นการจ่ายเงินรางวัล 23% เป็นรายได้รัฐ และอีก 17% รางวัลเป็นค่าบริหารจัดการ และยกเลิกเงินส่งกองทุนสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อพัฒนาสังคม 3% โดยเงินรางวัลแจ็กพอตจะผันแปรไปตามจำนวนผู้ซื้อในแต่ละงวด เช่น ในงวดวันที่ 1 มีรายได้จากการขายลอตโต้รวม 100 ล้านบาท ก็จะแบ่งไปจ่ายเป็นเงินรางวัล 60 ล้านบาท ซึ่งรางวัลแจ็กพอตจะกำหนดเป็นสัดส่วนอยู่ในวงเงินดังกล่าว แต่ที่ผ่านมาจากการขายหวยบนดินในรัฐบาลชุดที่ผ่านมา พบว่ามียอดขายต่องวดสูงสุดถึง 3 พันล้านบาท ถ้ามีประชาชนสนใจซื้อลอตโต้ในระดับดังกล่าว ก็จะเป็นเงินรางวัลที่จะจ่ายให้ผู้ถูกรางวัลประมาณ 1.8 พันล้านบาท ทำให้ต้องมีการแบ่งรางวัลแจ็กพอตสำหรับรางวัลที่ 1 ในประมาณหลักร้อยล้านบาทขึ้นไป
“ขณะนี้กองสลากอยู่ระหว่างพิจารณาสัดส่วนการจ่ายเงินรางวัลให้สลากลอตโต้ ว่าเท่าใดจะมีความเหมาะสม โดยในหลักการ สลากแบบลอตโต้อาจจะมีผู้ถูกรางวัลใหญ่แจ็กพอตเพียง 1 คนก็ได้ หรือมากกว่า 10 คนก็ได้ ถ้ามีการซื้อเลขเดียวกันแล้วถูกหลายคนก็จะนำเงินรางวัลมาหารกัน ซึ่งต่างจากสลากกินแบ่งรัฐบาลในปัจจุบันที่มีการกำหนดเงินรางวัลตายตัว” พ.ต.อ.บุญส่งกล่าว และว่า การออกสลากลอตโต้จะต้องเสนอรัฐบาลใหม่เพื่อพิจารณาความเหมาะสม และเข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมการสลากฯ ก่อนที่จะมีการจัดรับฟังความคิดเห็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในระยะต่อไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |