ส่อจบไม่ลง‘ชวน’หัก‘พีระพันธุ์’


เพิ่มเพื่อน    

  “ชวน” อบรมชุดใหญ่ “พีระพันธุ์” กลางห้องประชุมพรรค ลั่นไม่เคยพิฆาต-แทรกแซง ปชป.  แค่เคยขอสมาชิกอย่าให้เงินอยู่เหนือพรรค รับโหวต “จุรินทร์” นั่งหน้าเพราะคุณสมบัติครบ จ่อร่อนจดหมายเคลียร์ “ท่านใหม่” ยืนยันประชาธิปัตย์เทิดทูนสถาบัน  ขณะที่ "มาร์ค" สยบลือไขก๊อกพ้น ส.ส.บัญชีรายชื่อ

    เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ได้ประชุม ส.ส.ของพรรคทั้ง 52 คนเป็นครั้งแรก โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค เป็นประธานการประชุม และมีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ได้ขึ้นไปนั่งคู่กัน โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก
    นายชวนได้ขออนุญาตที่ประชุมชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค โพสต์เฟซบุ๊กถึงผู้มากบารมีในเชิงลบว่า แม้ไม่ได้เอ่ยชื่อตน แต่สังคมก็ทราบว่าหมายถึงใคร ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องชี้แจง 
    ขณะที่นายพีระพันธุ์ได้ยกมือและกล่าวว่า ตนไม่ได้เอ่ยชื่อ และไม่ได้หมายถึงนายชวน ทำให้นายชวน  บอกกลับว่า แม้ไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่คนนอกที่อ่านรู้ว่าหมายถึงใคร ทำให้นายพีระพันธุ์นั่งฟังเพียงอย่างเดียวโดยไม่ตอบโต้อีก
    ต่อมานายชวนให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมประชุมส.ส. ถึงกรณีนี้อีกว่า ส่วนตัวไม่มีปัญหากับนายพีระพันธุ์ และที่ผ่านมาตนพูดถึงปัญหาภายนอกที่เข้ามาแทรกแซง ซึ่งความจริงมีมาตั้งแต่สมัยเลือกหัวหน้าพรรคครั้งที่แล้ว วันนี้มีข่าวพยายามแทรกเข้ามาด้วยการใช้เงินและสิ่งต่างๆ ซึ่งตนได้คุยกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ว่าจะปล่อยเรื่องนี้หรือ เราต้องควรหาทางพูดกันอย่างไรหรือไม่
    “ท่านไม่เอ่ยชื่อ คนทั่วไปก็รู้ว่าหมายถึงใคร จึงขอเรียนว่า ผมไม่ได้มีอะไรที่พูดพาดพิงท่านพีระพันธุ์เลย พูดถึงบุคคลภายนอกที่พยายามเข้ามาแทรกแซงด้วยเงิน เพื่อซื้อคนในพรรค” นายชวนกล่าว
    ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อว่า มีเหตุการณ์แปลกที่เกิดขึ้น คือ ม.จ.จุลเจิม  ยุคล ท่านก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าปัจจุบันในพรรคประชาธิปัตย์มีอีแอบที่อยากเปลี่ยนแปลงสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งหัวหงอก หัวขาว หัวดำ แต่หากได้นายพีระพันธุ์เป็นหัวหน้าย่อมดีกว่าคนรุ่นใหม่ในพรรค ถ้านายกรณ์หรือนายอภิรักษ์เป็นหัวหน้าพรรค เตรียมสูญพันธุ์ และสถาบันพระมหากษัตริย์จะอยู่ในช่วงอันตราย เพราะคนรุ่นใหม่ของประชาธิปัตย์มีแผนเปลี่ยนแปลงสถานภาพของสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นแบบของประเทศญี่ปุ่น ขนาดถึงขั้นไปดูงานที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งคำสัมภาษณ์นี้กระทบพรรคและคนในพรรคทุกคน แต่มันแปลกตรงที่เชียร์นายพีระพันธุ์และกล่าวหาคนอื่น
    "ความจริง ม.จ.จุลเจิมดีกับพวกเรา เราให้ความเคารพนับถือมาโดยตลอด แต่เที่ยวนี้แปลก รวมทั้งสื่อที่ทำโพลผู้สมัครทั้ง 4 คน ซึ่งมีผลโพลออกมาแปลกๆผิดปกติ เช่น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ได้เสียงน้อยที่สุด ต่อมาได้รับทราบจากนายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค ได้ไปพูดกับโทรทัศน์ช่องดังกล่าวแล้ว  ซึ่งพอเขาเลิกล็อกก็ทำให้คะแนนของนายจุรินทร์เพิ่มขึ้น อันนี้ทำให้น่าคิดว่าเพื่ออะไร เพื่อสร้างความชอบธรรมภายหลังอย่างไร เราไม่เข้าใจ" ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
       นายชวนกล่าวถึงกรณีกระแสข่าวได้โทรศัพท์ถึงพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ว่ายืนยันไม่มีโทรศัพท์ไปคุย แต่ได้โทรศัพท์ไปหา พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ โดยตรง เพราะรู้จักคุ้นเคยส่วนตัว ท่านดี ไม่เคยปกปิดข้อมูล เป็นคนพูดตรงไปตรงมา ตนจึงถามตรงๆ ว่ามีข่าวว่าเงินผ่านมาทางคนของ กทม.บางคนหรือไม่ ซึ่งท่านบอกว่าไม่มีข้อมูลเรื่องนี้
    "ผมได้ขอร้องให้สมาชิกอย่าให้เงินหรืออิทธิพลภายนอกเข้ามามีอิทธิพลเหนือภายในพรรค นี่คือเรื่องจริง ไม่เคยเอ่ยเรื่องท่านพีระพันธุ์ ดังนั้นการที่ท่านพีระพันธุ์พูดว่าใครไม่อยู่ในอาณัติหรือฝ่ายตรงกันข้ามจะถูกพิฆาตก็ไม่จริง ผมไม่เคยพิฆาตใคร ไม่มีบารมีหรือแทรกแซงอะไร แม้แต่การจัดอันดับ ส.ส.บัญชีรายชื่อก็มีพรรคพวกสนิทของผมโกรธไปหลายคน เพราะไม่ได้ไปช่วย ซึ่งยอมรับว่าจริง แม้แต่บุตรชายของผมก็ไม่ได้ช่วยหรือแทรกแซงอะไร ดังนั้นผมจึงไม่ได้มีอิทธิพลบารมีที่จะทำให้คนนั้นเสียหรือดีขึ้นมาได้ 
    ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม กรณีเลือกหัวหน้าพรรคได้พูดกับผู้ท้าชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค โดยเฉพาะกับนายกรณ์ ว่า ตนเลือกนายจุรินทร์ เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธเขา ทั้งในด้านอาวุโสสูงสุด วัยวุฒิ คุณวุฒิ อีกทั้งประสบการณ์ไม่ได้ด้อยกว่าใคร และถ้าพูดถึงโอกาส นายกรณ์ นายพีระพันธุ์ และนายอภิรักษ์ ยังมีโอกาสวันข้างหน้ามี เพราะอายุยังน้อยกว่านายจุรินทร์นับสิบปี แต่ตนไม่ได้บังคับใคร อย่างนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง ก็ไม่ได้บังคับ ไปถามเขาดูได้
          “เราต้องหาทางป้องกัน เพราะถ้ามีอิทธิพลเข้ามาจากภายนอก เพียงเพื่อนำคนของตัวเองเข้ามาตัดสินใจให้พรรคร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาลง่ายๆ จะผิดวัตถุประสงค์ไป เพราะที่จริงเลือกใครเป็นหัวหน้าพรรค ไม่ใช่ว่าคนนั้นสั่งได้ เพราะอยู่ที่มติ ส.ส.และกรรมการบริหารพรรค ถึงตอนนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่ใช่หัวหน้าพรรคตัดสินใจได้คนเดียว นั่นคือระบบพรรค ผมพูดหลายครั้งว่าให้แบ่งแยกว่าการเลือกหัวหน้าพรรค กับการตัดสินใจร่วมรัฐบาลเป็นคนละเรื่อง ให้แยกกัน จึงพูดให้รู้ว่าผมไม่เคยไปพูดหรือยุ่งเกี่ยวท่านพีระพันธุ์ พูดถึงแต่เรื่องการแทรกแซง แต่ผลการแทรกแซงได้กับใครก็รู้ๆ กันอยู่ แต่เราไม่เอ่ยถึง รวมถึง ม.จ.จุลเจิมได้พูดในพรรค ผมก็ร่างจดหมายกราบเรียนให้ท่านดูว่าสิ่งที่ท่านพูดมาไม่จริง พรรคเราต่างเชิดชูชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่างมั่นคงทั้งในนโยบายและทางปฏิบัติ ดังนั้นการที่กล่าวหาว่าถ้าเลือกคนอื่นหรือนายกรณ์ หรือนายอภิรักษ์จะมีปัญหา มันไม่ยุติธรรมกับบุคคลเหล่านี้ ผมจะทำหนังสือถึงท่านเป็นการส่วนตัวอีกทีหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ร่างไว้แล้ว” นายชวนกล่าว
    ผู้สื่อข่าวถามว่า นายพีระพันธุ์เคยให้สัมภาษณ์ว่าไม่กลัวภายนอกแทรกแซง แต่กลัวภายในมากกว่า นายชวนกล่าวว่า ภายในเป็นเรื่องคนในพรรค คนในพรรคเลือกใครเป็นสิทธิ์ของเขา ไม่ใช่การแทรกแซง แต่คนภายนอกไม่มีสิทธิ์ และเป็นเรื่องที่น่ากลัว
    ถามถึงความเป็นเอกภาพของพรรค นายชวน กล่าวว่า การทำอะไรตรงไปตรงมาจะดีที่สุด แต่ถ้าปล่อยให้สิ่งที่ไม่ถูกต้องเกิดขึ้น วันข้างหน้าจะมีปัญหาลามมา บอกเขาแล้วว่าถ้าปล่อยให้มีการใช้เงิน หรือใช้วิธีการที่ผิดหลักการของพรรค วันหลังคงต้องประมูล โดยส่วนตัวต่อต้านการซื้อเสียงมาโดยตลอด เราไปต่อต้านข้างนอก แต่เราปล่อยให้ทำในพรรคโดยไม่สนใจก็จะผิดแนวทางของเรา
    ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวก่อนเข้าประชุมพรรค ถึงกระแสข่าวที่จะลาออกจากตำแหน่ง ส.ส. หากพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ โดยกล่าวสั้นๆ พร้อมหัวเราะว่า “เป็นข่าวโคมลอย ไม่ทราบว่าใครปล่อยข่าว”.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"