ถ้าจะประเมินว่ารัฐบาลจีนกำลังคิดอะไรอยู่ และเตรียมการจะสู้กับสหรัฐฯ ในสงครามการค้าอย่างไร ต้องติดตามจากสื่อหลักๆ ที่เป็นกระบอกเสียงทางการของปักกิ่ง
วิธีการของรัฐบาลจีนขณะนี้คือ การให้ผู้นำแสดงท่าทีใจเย็น พร้อมประนีประนอมและเจรจากับสหรัฐฯ แต่ก็จะยืนยันในหลักการของการเคารพในหลักปฏิบัติถ้อยทีถ้อยต่อรองกัน ไม่อยากเห็นสถานการณ์เลวร้ายไปกว่านี้ และหวังว่าสหรัฐฯ จะตอบสนองด้วยการแสดงท่าทีรอมชอมเช่นกัน
แต่อีกด้านหนึ่ง จีนจะให้สื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุ และโทรทัศน์ออกมาปะฉะดะกับสหรัฐฯ อย่างดุเดือด เพื่อใช้เป็นแรงปะทะให้ฝ่ายวอชิงตันได้รับรู้ว่าศึกครั้งนี้จีนจะไม่ยอมถอยง่ายๆ หากมะกันไม่ยอมลดท่าทีที่ก้าวร้าว
วันก่อนได้เขียนเล่าให้ฟังถึงบทนำของหนังสือพิมพ์ "ประชาชนรายวัน" ที่ประกาศชัดถ้อยชัดคำว่าประเทศจีนพร้อมจะเจรจา และหากจำเป็นต้องรบก็พร้อม
แต่หากสหรัฐฯ แสดงออกด้วยการข่มเหงรังแกก็เมินเสียเถอะ จีนจะไม่มีวันก้มหัวให้กับการข่มขู่คุกคามของโดนัลด์ ทรัมป์
ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิงไม่ได้ออกมาใช้วาทะเกรี้ยวกราดเพื่อตอบโต้ทรัมป์ ตรงกันข้ามระหว่างที่สองฝ่ายกำลังเจรจากันนั้น ผู้นำจีนยังเขียนจดหมายน้อยไปถึงทรัมป์ ซึ่งทรัมป์เองก็เขียนในทวิตเตอร์ว่าได้รับสารที่เป็นมิตรจากสี จิ้นผิง
แต่ทรัมป์กลับตอบด้วยการประกาศเดินหน้าขึ้นภาษีสินค้าจีนจาก 10% เป็น 25% หน้าตาเฉย
เป็นที่มาของการที่จีนไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องตอบโต้ด้วยมาตรการเดียวกัน
เพราะหากสี จิ้นผิงแสดงความอ่อนแอที่อาจถูกตีความว่า "หงอ" ต่อสหรัฐ ภาพลักษ์ของความเป็นผู้นำของเขาก็จะมีปัญหาทันที
ทรัมป์ต้องดุดันเพื่อเอาใจฐานเสียงที่บ้าน
สี จิ้นผิงก็ต้องยืนหยัดเพื่อให้ประชาชนกว่าพันล้านคนของจีนชื่นชม เลื่อมใสในความเป็นเป็นผู้นำที่ไม่ยอมมะกันง่ายๆ
การเผชิญหน้าครั้งนี้จึงจบลงยากหากไม่มีการตกลงกันในระดับสูงสุดในอันที่จะถอยกันคนละก้าวอย่างเป็นรูปธรรม
วันก่อนทีวีจีนช่อง CCTV13 ออกบทวิเคราะห์เรื่องนี้อย่างเข้มข้น สะท้อนถึงแนวทางของผู้นำจีนอย่างปฏิเสธไม่ได้
0 เรื่องที่ประเทศสหรัฐอเมริกาจุดเรื่อง Trade War กับจีนนั้น จีนได้เตรียมความพร้อมรับมือไว้แล้ว โดยมีท่าทีแนวทางดังนี้
* 不愿打 ไม่อยากทำสงครามการค้ากับสหรัฐฯ
* 不怕打 แต่หากจำเป็น จีนก็ไม่กลัวที่จะเปิดศึกกับสหรัฐฯ เหมือนกัน
* 不得不打 ถ้าจีนถูกสหรัฐฯ กดดันหนัก จีนก็ไม่มีทางเลือก นอกจากจะต้องตัดสินใจทำสงครามการค้ากับอเมริกาอย่างเปิดเผย
จีนรู้ว่าอเมริกาเล่นเกมสองหน้าด้วยการใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็งกับจีน แต่จีนก็รู้ทันจึงวางแนวปฏิบัติไว้อย่างนี้
* หากใช้วิธีเจรจา จีนพร้อมเสมอที่จะพูดจาต่อรองด้วย
* หากใช้วิธีทำสงครามการค้า จีนก็พร้อมเสมอที่จะต่อกรและพันตู
จีนยืนยันว่าในช่วงตลอดเวลา 5,000 ปีที่ผ่านมา จีนได้เผชิญวิกฤติด้านต่างๆ มาอย่างโชกโชน ซึ่งมีความรุนแรงในระดับต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเพียงพายุลูกเล็กๆ หรือมรสุมใหญ่ จึงไม่ได้มีความหวาดหวั่นแต่ประการใด
ดังนั้น การที่สหรัฐฯ เปิดฉากทำสงครามการค้านั้นอย่างเลวร้ายที่สุดก็เป็นเสมือนกำแพงบานหนึ่งที่อาจจะเหนี่ยวรั้งการพัฒนาด้านเศรษฐกิจของจีนชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น จีนไม่ได้ถือเป็นเรื่องคอขาดบาดตายแต่อย่างใด
บทนำของสื่อทางการจีนนี้เสริมว่า "ในทางกลับกัน จีนใช้วิกฤตินี้พลิกเป็นโอกาส เพราะจีนยังมีเรื่องสำคัญอื่นๆ ที่มุ่งมั่นและต้องการทำให้สำเร็จมากกว่า" เช่น
*ยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนชาวจีนให้สูงและดีกว่าที่เป็นอยู่ (生活改革)
*เปิดกว้างในด้านต่างๆ ของประเทศให้มากยิ่งขึ้น (擴大開放)
*พัฒนาเศรษฐกิจของจีนให้ขยายมากขึ้นในเชิงคุณภาพ (高质量经济发展)
และหากสหรัฐจะทำสงครามการค้ากับจีน จีนก็มีครื่องมือทางการเมืองมากมาย (政治公具箱)ที่จีนจะเลือกใช้เพื่อรับมือกับศึกสงครามเช่นนี้ได้
บทนำจีนอ้างว่าประธาน สี จิ้นผิง (習進平)เคยกล่าวไว้ว่า
"เศรษฐกิจของจีนเปรียบเสมือนมหาสมุทร หาใช่สระเล็กๆ ไม่"
"มรสุมสามารถพลิกเรือให้คว่ำได้ เเต่มรสุมมิอาจคว่ำมหาสมุทรได้"
ผมสงสัยว่าทรัมป์ได้อ่านและฟังบทนำของสื่อจีนต่างๆ แล้วหรือยัง และหากได้รับทราบแล้วจะตั้งรับอย่างไร
ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก!
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |