รัฐบาลตั้งได้แน่  
    และจะเป็นรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 
    แต่จะอยู่ได้กี่น้ำนั้นคือสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจกัน 
    พรรคการเมืองที่จะเป็นตัวแปรสำคัญที่สุด คือพรรคประชาธิปัตย์ 
    ฉะนั้นภายใน ๒ สัปดาห์นับจากนี้ ฝุ่นตลบ! แต่ละพรรคต่างมีเกมของตัวเอง ที่ต้องเดินเพื่อพรรคเป็นลำดับแรก 
    พลังประชารัฐตั้งหน้าตั้งตาตั้งรัฐบาลเป็นหลัก
    ประชาธิปัตย์มุ่งกอบกู้พรรคเป็นหลัก 
    เพื่อไทยมองข้ามไปแล้ว พรรคนี้มองไปถึงการเลือกตั้งครั้งถัดไป ฉะนั้นสิ่งที่เพื่อไทยต้องทำคือ ทำอย่างไรให้การเลือกตั้งครั้งถัดไปเกิดขึ้นเร็วที่สุด 
    อนาคตใหม่ กลายเป็นเครื่องมือในเกมของเพื่อไทย พรรคที่อ่อนประสบการณ์แต่ห้าว  ไม่ต่างทัพหน้าที่เพื่อไทยส่งไปตายก่อน 
    ส่วนพรรคอื่นๆ ตามน้ำ!
    การที่ประชาธิปัตย์มุ่งกอบกู้พรรคเป็นหลัก ทำให้คาดเดาได้ยากว่าตกลงแล้วจะร่วมรัฐบาลหรือไม่ 
    ถ้าประชาธิปัตย์ไม่เข้าร่วม รัฐบาลพลังประชารัฐ จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยไปในทันที 
    โดนคว่ำกฎหมายฉบับแรกก็จอด
    ไม่ลาออกก็ยุบสภา เลือกตั้งใหม่  
    การตัดสินใจของประชาธิปัตย์ จึงสำคัญต่อภาพรวมของการเมืองในอนาคต   
    เพื่อไทยเห็นตรงนี้ และพยายามใช้การตัดสินใจของประชาธิปัตย์เป็นประโยชน์ต่อตัวเองให้มากที่สุด
    นั่นเป็นที่มาว่า ทำไมเพื่อไทยถึงพยายามสนับสนุน "บัญญัติ บรรทัดฐาน" เป็นประธานรัฐสภา 
    เพื่อไทยไม่ได้หวังอะไรจากการเลือกตั้งครั้งนี้อีกแล้ว จึงไม่ยากที่จะเล่นเกมสร้างความปั่นป่วน เพื่อให้อายุของรัฐบาลพลังประชารัฐสั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ 
    การที่เพื่อไทยประกาศโหวตเลือกบัญญัติ" นอกจากทำให้พลังประชารัฐระแวงแล้ว กลุ่มที่ประกาศไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ ในประชาธิปัตย์ คือจุดอ่อนที่เพื่อไทยพยายามเจาะ
    ไม่ได้เจาะเพื่อเป็นรัฐบาลร่วมกัน 
    แต่กันส่วนที่ว่านี้ออกมาเป็นฝ่ายค้านด้วยกัน ด้วยการประโคมเรื่องเผด็จการ ประชาธิปไตย ที่เคยได้ผล และ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ติดกับดัก เล่นเกม เอา-ไม่เอาประยุทธ์ มาแล้ว
    บวกกับท่าทีของแกนนำประชาธิปัตย์ ที่ไปกันคนละทิศคนละทาง อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นับแต่วิกฤติพรรคจากกลุ่ม ๑๐ มกรา  
    รอยร้าวนี้จะกลายเป็นเหยื่ออันโอชะ ที่เพื่อไทยจะใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อให้รัฐบาลพลังประชารัฐพังเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ 
    ฉะนั้นประชาธิปัตย์ต้องถามตัวเองว่า ตัวเองต้องเล่นเกมอะไร เพื่อใคร? 
    ประชาธิปัตย์เสียเก้าอี้ ส.ส.ให้พลังประชารัฐไปหลายเก้าอี้ เพราะฐานประชาธิปัตย์เดิมมองว่า เลือก พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ด้วยตัวเองไปเลย ไม่ต้องผ่านคนของประชาธิปัตย์ 
    ส่วนคนที่ยังเลือกประชาธิปัตย์ มองว่าอย่างไรเสีย ๒ พรรคนี้ต้องร่วมรัฐบาลด้วยกัน "อภิสิทธิ์-บิ๊กตู่" ใครจะเป็นนายกฯ ก็ได้ 
    แต่ไม่มีใครคิดว่า ประชาธิปัตย์จะไปร่วมงานการเมืองกับเพื่อไทย 
    วันนี้ประชาธิปัตย์เป็นพรรคอันดับ ๔ จึงต้องยอมรับว่าไม่อาจตัดสินใจในฐานะพรรคอันดับ ๑ หรือ ๒ เหมือนในอดีตได้ 
    ถ้ามองไม่ชัดว่า คนที่เลือกประชาธิปัตย์ต้องการอะไร...เตรียมตัวเลือกตั้งใหม่ไม่เกินสิ้นปีนี้ได้เลย 
    เข้าทางระบอบทักษิณ
    ถึงวันนั้นการกอบกู้ประชาธิปัตย์ อาจยังนับหนึ่งไม่ได้.