'ส.ส.โรม'รำลึกยาวๆ27ปีพฤษภาทมิฬ ขู่พรรคหนุนสืบทอดอำนาจจะถูกตราหน้าว่าทรยศต่ออุดมการณ์ผู้ที่สละชีพในเหตุการณ์


เพิ่มเพื่อน    

แฟ้มภาพ

20 พ.ค.62 - นายรังสิมันต์ โรม  ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ โพสต์เรื่อง "27 ปีที่แล้ว ประเทศของเราเคยไปได้ไกลกว่านี้" ลงในเฟซบุ๊กแฟนเพจ โดยมีเนื้อหาดังนี้ ต้นทศวรรษ 2530 หลังจากผ่านยุค “ประชาธิปไตยครึ่งใบ” มากว่าสิบปี ประเทศไทยได้เข้าสู่ช่วงเวลาของรัฐบาลเลือกตั้งจริงๆ อีกครั้ง ทว่าช่วงเวลาดังกล่าวกลับไม่ยืนยาว 23 กุมภาพันธ์ 2534 กลุ่มทหารในนาม “คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ” (รสช.) ทำรัฐประหารโดยอ้างเหตุผลทั้งเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน, การข่มเหงข้าราชการประจำ, ความเป็นเผด็จการรัฐสภา, ความพยายามทำลายสถาบันทหาร และความไม่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

ในเวลานั้นไม่ใช่ว่าทุกคนจะต่อต้านการรัฐประหารไปเสียหมด หลายคนเห็นดีเห็นงามที่ รสช. ออกมายึดอำนาจเพราะเห็นด้วยว่าข้ออ้างที่ยกมานั้นมีมูลความจริง หลายคนมองโลกในแง่ดีว่าเมื่อพวกเขาเข้ามาสะสางปัญหาต่างๆ เสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะยอมถอนตัวออกไปในไม่ช้า หลายคนเชื่อในคำพูดของ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ที่แถลงเป็นมั่นเหมาะว่าจะไม่สืบทอดอำนาจ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาล และไม่เป็นนายกรัฐมนตรี แม้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ รสช. กำลังร่างอยู่จะเปิดช่องให้เป็นได้ก็ตาม สังคมไทยจึงยังคงยอมอดทนต่อไปจนถึงการเลือกตั้งครั้งต่อมาเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2535

แต่แล้วเมื่อวาทะ “เสียสัตย์เพื่อชาติ” ดังลั่นออกมาจากปากของผู้เคยให้คำมั่นไม่สืบทอดอำนาจเสียเอง ทั้งยังแต่งตั้งญาติ แต่งตั้งคนของรัฐบาลที่แล้วที่อ้างว่าทุจริตให้กลับมาเป็นรัฐมนตรีอีกครั้ง ประชาชนทั้งหลายจึงลุกขึ้นมาต่อสู้คัดค้านอำนาจนอกระบบอย่างเต็มที่ พวกเขาตระหนักแล้วว่าสัญญาของเผด็จการเป็นสิ่งที่เชื่อถือไม่ได้ และจะไม่ยอมนิ่งเฉยปล่อยให้เผด็จการรวบอำนาจไว้กับตัวเองตามใจชอบอีกต่อไป ในขณะเดียวกันเหล่านักการเมือง “พรรคเทพ” ที่ต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ รสช. ก็ร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับประชาชนอย่างเต็มกำลังทั้งในสภาและบนท้องถนน

เหตุการณ์ครั้งนั้นจบลงด้วยการนองเลือดที่เริ่มต้นตั้งแต่วันเดียวกันนี้ของเมื่อ 27 ปีที่แล้ว ประชาชนกว่า 40 คนเป็นอย่างน้อยต้องสังเวยชีวิต แต่ถึงกระนั้นสิ่งที่ได้กลับมาคือการที่ทหารเลิกแทรกแซงการเมืองแล้วกลับเข้ากรมกอง มีการแก้รัฐธรรมนูญให้นายกรัฐมนตรีต้องเป็นผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. และยกเลิกอำนาจของวุฒิสภา (ในขณะนั้นมาจากการแต่งตั้งโดย รสช.) ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี นับเป็นคุณูปการอันยิ่งใหญ่ที่วีรชนเหล่านี้ได้ฝากฝังไว้ให้แก่สังคมไทย

บรรดาผู้คนที่จากไปเมื่อ 27 ปีที่แล้วคงไม่คิดว่าในเวลาต่อมาประเทศไทยจะเกิดรัฐประหารขึ้นอีก 2 ครั้งด้วยข้ออ้างแบบเดิมๆ มีทหารเข้ามานั่งหน้าเชิดอยู่ในสภาและทำเนียบเต็มไปหมด มีรัฐธรรมนูญเผด็จการฉบับใหม่ที่ร่างโดยคนเดียวกันกับสมัยปี 2534 มีองค์กรแต่งตั้งที่มีอำนาจครอบงำองค์กรที่ยึดโยงกับประชาชน และมีความพยายามสืบทอดอำนาจอย่างโจ่งแจ้งไร้ยางอายอย่างที่เรากำลังเห็นกันอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นคงไม่คิดว่าจะยังมี “พรรคมาร” ที่กล้าสนับสนุนคณะรัฐประหารหลงเหลืออยู่ในแวดวงการเมืองไทยอีก

ประเทศไทยได้ถอยหลังมาสู่จุดที่เคยอยู่เมื่อ 27 ปีที่แล้ว และกำลังจะถอยไปไกลกว่านั้นอีก แต่เราจะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น

ในโอกาสครบรอบ 27 ปี เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ผมและพรรคอนาคตใหม่ขอสานต่อเจตนารมณ์พฤษภาประชาธรรม ด้วยการยืนยันในหลักการว่าทหารต้องไม่แทรกแซงหรือยุ่งเกี่ยวกับการเมือง นายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชน องค์กรเลือกตั้งต้องไม่ถูกครอบงำโดยองค์กรแต่งตั้ง รวมถึงต้องนำผู้ที่ใช้อำนาจรัฐก่ออาชญากรรมต่อประชาชนมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ถึงที่สุด ผมและพรรคอนาคตใหม่จะปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้แทนราษฎรอย่างเต็มที่เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าวนี้

ผมขอเรียกร้องไปยังทุกพรรคการเมืองให้ทบทวนถึงจุดยืนที่ถูกต้อง และเลิกสนับสนุนการสืบทอดอำนาจของเผด็จการ คสช. โดยเด็ดขาด หากพรรคการเมืองใดยังดึงดันที่จะสนับสนุนคณะรัฐประหารต่อไปแล้ว ก็ย่อมขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ทรยศต่ออุดมการณ์ของผู้ที่สละชีพในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ และจะไม่มีที่ยืนในสังคมที่ประชาชนเป็นใหญ่ในภายภาคหน้าอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ผมขอสนับสนุนการใช้เสรีภาพของประชาชนในการแสดงออกทางการเมืองเพื่อต่อต้านเผด็จการ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆ ดังเช่นที่พึงกระทำได้ในอารยประเทศ ซึ่งรวมถึงการชุมนุมทางการเมือง เพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพฤษภาประชาธรรมเกิดขึ้นได้ก็ด้วยการที่ประชาชนลุกขึ้นมาแสดงการต่อต้านเผด็จการบนท้องถนนโดยไม่เกรงกลัวต่ออำนาจเถื่อน อย่างไรก็ตามผมไม่ต้องการให้การแสดงออกของประชาชนต้องจบด้วยการนองเลือด ผมจึงเห็นว่าพรรคการเมืองทุกพรรครวมถึงพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งมีทุนทางสังคมสูงกว่าประชาชนทั่วไป ควรมีบทบาทในการรับประกันความปลอดภัยของประชาชนผู้แสดงออกทางการเมืองด้วย

สุดท้ายนี้ ผมเชื่อมั่นในศักยภาพของทั้งภาคประชาชนและพรรคการเมืองในระบอบรัฐสภา ว่าจะเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยพลิกฟื้นประเทศไทยให้กลับสู่ครรลองประชาธิปไตยได้ หากวีรชนเดือนพฤษภา 2535 ยังสามารถลุกขึ้นต่อสู้กับคณะเผด็จการได้แล้ว คนไทยในวันนี้ย่อมทำได้เช่นเดียวกัน


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"