'จตุพร' แนะฝ่ายประชาธิปไตย เป็นฝ่ายค้านที่ยิ่งใหญ่ดีกว่า


เพิ่มเพื่อน    

ที่ร้านกาแฟพีซคอฟฟี่แอนด์ไลบรารี่ อิมพีเรียล ลาดพร้าว ชั้น 5 ได้มีการจัดรายการ ลมหายใจ พีซทีวี เวทีทัศน์ ซึ่งออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม พีซทีวี โดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. พร้อมแกนนำ นปช. สลับสับเปลี่ยนกันมาให้ความสนุก สนานกับพี่น้องประชาชน ผู้ร่วมอุดมการณ์กันเป็นประจำทุกสัปดาห์ โดยในสัปดาห์นี้ ตรงกับวันที่ 19 พฤษภาคม จึงมีพี่น้องเดินทางกันมาร่วมรำลึกถึงเหตุการณ์สลายการชุมนุม เดือนเมษา – พฤษภา 2553 กันเป็นจำนวนมาก

นายจตุพร กล่าวว่า 9 ปี 99 ศพ 9ปี เมษายน - พฤษภาคม 2553  มีเรื่องราวมากมายกับการปราบปรามประชาชนที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่ประเทศไทยเคยมีมา เมษายน -พฤษภาคม 2553 นั้น 99 ชีวิตและผลพวงหลังจากนั้น เช่นได้รับแก๊สน้ำตาและก็ไปเป็นมะเร็งอีกหลายชีวิตถัดจากนั้น  บาดเจ็บ 2,000 ชีวิต สิ้นอิสรภาพมากที่สุด ไม่มี คดีจากการชุมนุมใดที่จะมีคนติดคุกเท่ากับเหตุการณ์เมษา พฤษภาคม 2553  หลายเรื่องตลอดระยะเวลา 9 ปีที่ผ่านมา ที่เราได้พยายามต่อสู้และอธิบายความว่า พวกเราไม่ใช่พวกเผาบ้านเผาเมือง พวกเราไม่ใช่พวกล้มล้างสถาบัน พวกเราไม่ใช่พวกก่อการร้าย ตลอดระยะเวลาของการชุมนุมนั้น เพียงแค่ใช้สิทธิพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย นั่นคือการเรียกร้องให้ยุบสภาคืนอำนาจให้กับประชาชน  เพราะเห็นว่า ที่มาของรัฐบาลมาโดยมิชอบ 

นายจตุพร กล่าวอีกว่า วันนี้เป็นโอกาสดี ที่ตนขอส่งสัญญาณไปยังหมู่มิตรทั้งหลาย ในซีกของการเป็นนักการเมือง  ว่าในสถานการณ์ในปัจจุบันนี้นั้น  ถ้าฝ่ายประชาธิปไตยเรา ไม่รู้จักอดเปรี้ยวไว้กินหวาน  ท้ายที่สุด แล้วปีหน้า ในงาน รำลึก 10 ปีเมษายน -พฤษภาคม 2553  เราไม่รู้เราจะพูดเรื่องอะไรกันอีกแล้ว ประวัติศาสตร์จะถูกทำลายอย่างย่อยยับที่สุด 

วันนี้ถามว่า ฝ่ายประชาธิปไตยเราจำเป็นจะต้องเป็นรัฐบาลเท่านั้นหรือไม่  ตนเองก็เห็นว่าไม่จำเป็น  เป็นฝ่ายค้านก็เป็นได้ แล้วรอมาเป็นรัฐบาลในวันที่เราชนะอย่างเต็มรูปแบบ  ถ้าเป็นเช่นนั้น จะยิ่งใหญ่มากกว่า การคบคนไม่เลือกหน้า ในทางการเมือง 

นายจตุพร ยังกล่าวด้วยว่า ตนอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงเสมอ พรรคการเมืองที่ยังไม่ตัดสินใจ ถ้าเขาจะมาร่วมด้วย เขามาตั้งแต่แรกแล้ว เราไม่ควรรอให้เราอายตัวเอง เราควรยืนหยัดอย่างมีเกียรติ เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดนั้น เสียงระหว่าง 245 -253 นั้น ในสภาผู้แทนราษฎร อยู่ไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเล่นเป็น เพราะในจำนวน 253 คนนี้ 3 คนต้องเป็นประธาน รองประธานสภา เราควรรอโอกาส บ้านเมืองเรา ที่ไม่รู้จักอดเปรี้ยวไว้กินหวาน ทำให้เราเสียโอกาส เหตุการณ์ที่เรามาชุมนุมเมื่อ 9 ปีที่แล้ว เราอยู่จนกระทั่งครบ 9 ปี คนในกระบวนการของเราต้องไปยกมือให้กับคนที่เราต่อสู้กันมา เพื่อเราจะได้เป็นรัฐบาล ตนขอให้คิดดีๆ

เพราะครั้งนี้นอกจากคิดเห็นแก่ได้แล้ว มันจะไม่ได้เพราะถึงอย่างไรก็ตามนั้น  ไม่มีทางจะเดินไปถึง 376 เสียง เพราะมันถูกล็อคด้วยตัวเลขอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ยกแรกเขาชนะอยู่แล้ว การต่อสู้ทางการเมืองต้องไม่หลอกตัวเอง ถ้าหลอกตัวเองเมื่อไหร่ก็แพ้ทันที แม้กระทั่งการคิดแบบเพ้อฝัน เอาอีกฝ่ายหนึ่งมารวมกัน ก็ไม่ถึง 376 อยู่ดีแต่ว่าผลลัพธ์สุดท้ายก็คือ ความรู้สึกของเราที่ต่อสู้กันมาครบรอบ 10 ปี เมษายน พฤษภาคม เราต้องมากระทืบพวกเดียวกันเองในปีหน้า

นายจตุพร กล่าวอีกด้วยว่า ตนพยายามอธิบายว่าการให้นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันใน  พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ หัวหน้า คสช. ที่ตลอด 5 ปีนี้ มีมาตรา 44 เป็นรัฏฐาธิปัตย์ ไม่มีใครสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ ไม่มีใครสามารถตรวจสอบได้ โอกาสของบ้านเมืองจะเสียไปเลย หากพลเอกประยุทธ์ตัดสินใจยุติบทบาททางการเมือง  ประชาชนจะไม่มีโอกาสได้รับรู้เลยว่า 5 ปีที่ผ่านมาทำอะไรเอาไว้บ้าง  แต่ทันทีที่เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐบาลเรียบร้อย ไม่มีมาตรา 44 อีกต่อไป การตรวจสอบในสภา การอภิปรายในสภา สามารถตรวจสอบได้หมด

ท้ายที่สุดมันจะเป็นผลลัพธ์ให้กับการเลือกตั้งครั้งต่อไป เพราะฉะนั้นถ้าอยากจะกินหวานในขณะที่มันเปรี้ยว อย่างไรก็ไม่ได้กินหวาน แต่เราจะสิ้นโอกาสที่จะกินความหวาน คือสัมผัสกับประชาธิปไตยโดยสิ้นเชิง วันนี้สิ่งที่ คนไทยอยากได้รัฐบาลมาแก้ไขปัญหาแต่เมื่อเราเห็นว่าอย่างไรก็ไปไม่ได้ ทำไมเราไม่ใช้สภาผู้แทนราษฎรไปตรวจสอบสิ่งที่ผ่านมาแทน วันนี้ถ้าเราอยู่แบบหลอกตัวเอง เราคิดว่าเราจะเป็นรัฐบาล แต่สว.พูดชัดว่าตั้งเองก็ต้องคุยกันได้ ถ้าเราคิดอะไรไปมากกว่านั้น ว่าเรา จะมีส.ว.ที่เป็นกลางมาโหวตให้กับฝ่ายเรา ตนว่า เราไม่ควรกินข้าวกันอีกต่อไป


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"