โพลระบุประชาชนเชื่อ "จุรินทร์" นำประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลพลังประชารัฐ "พิเชษฐ" แซะ ผลเลือกหัวหน้าพรรค ปชป. กลุ่มไม่เอา "บิ๊กตู่" ชนะทุกกระดาน พลังประชารัฐโวย "มาร์ค" หยุดออกสื่อได้แล้ว อ้าง 3.9 ล้านเสียงที่เลือกประชาธิปัตย์ใช่ว่าเห็นด้วยกับจุดยืนไม่หนุน "บิ๊กตู่" ทั้งหมด อย่ามาโหนกระแส
ตามที่พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดให้มีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคคนใหม่ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2562 ผลการเลือกตั้งปรากฏว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ได้รับชัยชนะเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนที่ 8 ทำให้หลายฝ่ายต่างจับตามอง โดยเฉพาะกรณีการเข้าร่วมเป็นรัฐบาล ณ ขณะนี้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนที่สนใจติดตามข่าวการเมือง สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต จึงได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ กรณี หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ จำนวนทั้งสิ้น 1,017 คน ระหว่างวันที่ 15-17 พฤษภาคม 2562 สรุปผลได้ดังนี้
1.ประชาชนคิดอย่างไร กรณี "นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่" อันดับ 1 เหมาะสม เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ 38.63%, อันดับ 2 ขอให้นำพรรคไปในทิศทางที่ดี ตัดสินใจให้ดี พิจารณาอย่างรอบคอบ 30.59%, อันดับ 3 ตำแหน่งที่ได้รับมาจากคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ 21.18%, อันดับ 4 ขอให้เป็นหัวหน้าพรรคที่ดี คิดใหม่ ทำใหม่ ปฏิรูปพรรคให้ดีขึ้น 16.93%, อันดับ 5 ควรให้โอกาสในการทำงาน รอติดตามผลงานต่อไป 13.71%
2.ประชาชนคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของหัวหน้าพรรคคนใหม่ "นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์" จะเข้าร่วมเป็นรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ อันดับ 1 น่าจะเข้าร่วม 58.05% เพราะไม่น่าจะเข้าร่วมกับพรรคเพื่อไทย เป็นรัฐบาลน่าจะดีกว่าเป็นฝ่ายค้าน ต้องการทำงานตามที่หาเสียงไว้กับประชาชน ฯลฯ, อันดับ 2 ไม่น่าจะเข้าร่วม 41.95% เพราะเป็นพรรคเก่าแก่ ยึดมั่นในประชาธิปไตย มีหลักการ เคยประกาศไว้ว่าจะไม่ร่วมสืบทอดอำนาจของ คสช. ฯลฯ
นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก แสดงท่าทีทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดระบุว่า วรรคทองที่ต้องฝังใจไว้ไม่ลืม “ถ้ายังงั้นผมยึดอำนาจ”
นายพิเชษฐโพสต์ด้วยว่า "ขณะนี้ในพรรค ปชป.มีปัญหาว่า จะเอาตู่ หรือไม่เอาตู่ ผลการเลือกตั้งหัวหน้าและ กก.บห.ที่ผ่านมา ปรากฏว่าเสียง “ไม่เอาตู่” ชนะทุกกระดาน"
สำหรับวรรคทองที่นายพิเชษฐสื่อความนั้น หมายถึงช่วงก่อนรัฐประหาร 22 พ.ค.2557 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในขณะนั้น ประกาศใช้กฎอัยการศึกตั้งกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รส.)
อามิส สักวันก็หมด
ต่อมาวันที่ 21 พ.ค.2557 มีคำสั่งเรียกแกนนำที่อยู่ในขั้วความขัดแย้ง เช่น กลุ่มนกหวีด-กปปส. กลุ่มเสื้อแดง-นปช. พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย กกต. และวุฒิสภา มาประชุมหารือกันเพื่อแก้วิกฤติประเทศ
แต่ปรากฏว่ายังไม่สามารถตกลงกันได้ พล.อ.ประยุทธ์จึงให้การบ้านเพื่อเตรียมมาหารือใหม่ในวันที่ 22 พ.ค. อย่างไรก็ดี วันที่ 22 พ.ค. ในที่ประชุมก็ยังมีข้อโต้แย้งกันวุ่นวายไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ประกาศในที่ประชุมทันทีว่า "ถ้างั้นตั้งแต่นาทีนี้ไป ผมตัดสินใจยึดอำนาจ"
นายอุเทน ชาติภิญโญ อดีตหัวหน้าพรรคคนไทย ในฐานะสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 พ.ค.2562 ตนได้เข้าไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์แบบตลอดชีพ โดยมีผู้ใหญ่ที่ตนเคารพนับถือได้ชักชวนให้มาร่วมงาน พลิกฟื้น ร่วมกู้ศรัทธาของสถาบันการเมืองเก่าแก่แห่งนี้ให้กลับมาเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อีกครั้ง
ทั้งนี้ หากพรรคประชาธิปัตย์ในยุคที่มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคคนใหม่ ต้องการที่จะพลิกฟื้นพรรคขึ้นมาโดยเร็ว จำเป็นต้องตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวและเด็ดขาดโดยไม่ร่วมเป็นจิกซอว์ในการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพราะถึงจะไม่มี 52 เสียงของพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมสนับสนุนรัฐบาล ก็เชื่อว่ายังมี 250 เสียงจากสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่ตั้งโดย คสช.ก็สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เป็นนายกฯ ได้อยู่ดี พรรคประชาธิปัตย์จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทิ้งหลักการและจุดยืนในประชาธิปไตยไปสนับสนุนการสืบทอดอำนาจของ คสช. โดยไปเป็นนั่งร้านให้กับ พล.อ.ประยุทธ์และ คสช. แต่ควรนำจุดแข็งของพรรคในฐานะฝ่ายตรวจสอบกลับมา ทำหน้าที่ฝ่ายค้านให้ดีที่สุดจะดีกว่า และก็ไม่จำเป็นต้องไปสนับสนุนอีกซีกฝ่ายที่อ้างประชาธิปไตยด้วย
"ถึงเวลาแล้วที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องเริ่มเดินใหม่อีกครั้งด้วยตนเอง ไม่ก้มหัว ไม่ร้องขอ รักและทะนงในศักดิ์ศรีของพรรค และเป็นนักการเมืองที่ดีมีคุณภาพของประชาธิปัตย์เช่นในอดีต ขอให้พวกท่านสู้กับสิ่งไม่ถูกต้องและไม่ชอบธรรม ตามที่อดีตหัวหน้าผู้ก่อตั้งพรรค ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ได้เคยกล่าวไว้เมื่อคราวปราศรัยในวันที่ 4 สิงหาคม 2489 โดยสรุปได้ว่า “อามิส สักวันก็หมด สัจจะตามอุดมคติ จะต้องอยู่” อุดมคตินั้นก็คือ ประชาธิปัตย์สู้เพื่อประชาธิปไตย” นายอุเทนกล่าว
อย่ามาโหนกระแส
นายอุเทนกล่าวด้วยว่า ในวาระเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร ตนเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ควรวางตัวเฉยและเป็นกลาง ไม่สนับสนุนซีกใดไว้ในเบื้องต้น ซึ่งน่าจะดีกว่า และเมื่อถึงเวลาลงมติเลือกนายกฯ ซึ่งคงเป็นไปได้ยากที่พรรคประชาธิปัตย์จะร่วมสนับสนุนพรรคเพื่อไทย ดังที่เคยประกาศตอนหาเสียงไว้ พรรคประชาธิปัตย์จึงควรงดออกเสียง โดยวางตัวเป็นกลาง ไม่ร่วมโหวตให้กับ พล.อ.ประยุทธ์เช่นกัน ปล่อยให้ พล.อ.ประยุทธ์หันไปพึ่งเสียง ส.ว. 250 เสียงเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยแทน โดยมี ส.ว.เป็นฝ่ายสนับสนุน ซึ่งนายกฯ จะหมดความชอบธรรม ขาดความสง่างาม และอีกไม่กี่เดือนก็จะถึงวาระประชุมพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี หากไม่ผ่าน ประเทศจะเสียหายแค่ไหน ผู้รับผิดชอบหนีไม่พ้น ส.ว. และนายกฯ ที่ดันทุรังฝืนความชอบธรรมที่ควรเป็น ที่ร่างรัฐธรรมนูญมาแบบนี้
“จึงขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันทบทวน ทุกพรรคการเมืองต้องหันหน้าเข้าหากัน หาทางออกร่วมกัน ยืนหยัดสู้เพื่อต่อต้านการสืบทอดอำนาจ โดยมักอ้างครรลองระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญกำหนด เพื่อแสดงให้ฝ่ายผู้กุมอำนาจเห็นว่า บ้านเมืองไม่ใช่ของเล่น และต้องสั่งสอน คสช. ที่ปล่อยให้ร่างรัฐธรรมนูญออกมาแบบนี้” นายอุเทนระบุ
นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จ.นครศรีธรรมราช กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้า ปชป. โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ประชาชนเลือก ปชป. 3.9 ล้านเสียง เพราะจุดยืนไม่หนุน ‘บิ๊กตู่’ ว่า วันนี้คุณอภิสิทธิ์ควรหยุดออกสื่อได้แล้ว จะด้วยเจตนาอะไรก็แล้วแต่ ปล่อยให้หัวหน้าพรรค ปชป.พร้อมทีมบริหารคนใหม่เข้ามาแก้ไขปัญหาจะดีกว่า ต้องไม่ลืมว่าเป็นเพราะคุณอภิสิทธิ์ พรรค ปชป.จึงล่มไม่เป็นท่า เมื่อคนใหม่จะบริหารพรรค และอาจจะมีแนวคิดไม่เหมือนคุณอภิสิทธิ์ ก็ต้องเคารพทีมบริหารชุดใหม่
“อย่าลืมว่าคะแนนกว่า 3.9 ล้านเสียงที่เลือก ปชป. ไม่ใช่ว่าเห็นด้วยกับจุดยืนไม่หนุนบิ๊กตู่ทั้งหมด อย่ามาโหนกระแส ต้องไม่ลืมว่าการเลือกตั้งเที่ยวนี้เป็นการเลือกตั้งตัวบุคคล ที่ส่งผลคะแนนบุคคลไปถึงพรรค เพราะเป็นการใช้บัตรใบเดียว หากการเลือกตั้งในครั้งนี้ ปชช.เลือกพรรคก็คงได้คะแนนล้นหลาม ชนะการเลือกตั้ง แต่ครั้งนี้เป็นการเลือกตัวบุคคล และเลือกคนดี จึงทำให้ ปชป.มีคะแนนเสียงลดลง แม้กระทั่งคะแนนเสียงในภาคใต้ก็ลดลง ดังนั้น อย่าเหมาเอาว่าคะแนนกว่า 3.9 ล้านเสียง จะต้องไม่หนุนบิ๊กตู่ หมดเวลาแล้วกลับไปเป็นนักวิชาการสอนหนังสือจะดีกว่า ให้คนรุ่นใหม่บริหารงาน อย่ามาใช้คำพูดให้ ปชช.สับสน หมดความชอบธรรม ปล่อยให้ทีมบริหารชุดใหม่แก้ปัญหาจะดีกว่า” นายสายัณห์กล่าว
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุเนื้อหาว่า "ทางสามแพร่ง" ผมหนักใจแทนพรรคประชาธิปัตย์ แม้ว่าจะมีหัวหน้าพรรคคนใหม่แล้ว เพราะอย่างที่อดีตหัวหน้าอภิสิทธิ์พูดไว้ว่า พรรคประชาธิปัตย์เหมือนถูกบังคับให้ต้องเลือกข้าง ใครจะคิดว่าวันนี้ประชาธิปัตย์ต้องพบกับทางสามแพร่ง ที่ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร?
ทางสามแพร่ง
แพร่งแรก ไปอยู่กับพลังประชารัฐ ได้ร่วมรัฐบาล คนในพรรคมากกว่าครึ่งคงชอบ มีตำแหน่งรัฐมนตรีจัดสรรให้ตามโควตาที่ต่อรองได้ตามสไตล์เดิมๆ แต่ถึงขนาดจะเอาไปทั้งคลัง มหาดไทย ศึกษาฯ เกษตรฯ คงฝันไป เพราะได้แค่ 52 ที่นั่ง
แม้จะยื้อเวลาต่อรองเต็มที่ ก็หนีความจริงไม่พ้น แต่หากเลือกเดินทางนี้ ครั้งหน้าภาคใต้แตกลึกหนักกว่าเดิม ชาวบ้านไปเลือกพลังประชารัฐเลยดีกว่า ซื้อตรง ไม่ต้องผ่านคนกลางอย่างประชาธิปัตย์ ส่วนกรุงเทพฯ ก็คงไม่เหลือคะแนนเหมือนเดิม ถือว่าแบไต๋ไปร่วมสืบทอดอำนาจเผด็จการแล้ว ไม่ใช่สิ่งที่พรรคเก่าแก่อย่างประชาธิปัตย์มักอ้างเสมอมา แต่อดีตว่า ต่อต้านระบอบเผด็จการ ตั้งแต่หัวหน้าพรรคคนแรกยันคนล่าสุดที่เพิ่งออก ต่อไปจะพูดกับรุ่นลูกรุ่นหลานเรื่องอุดมการณ์มั่นคงไม่ได้เสียแล้ว
แพร่งสอง ไปอยู่ร่วมปั้นรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย อนาคตใหม่ ทางนี้ จบสั้น เที่ยวหน้าคงไม่ต้องบรรยายว่าประชาธิปัตย์จะออกมาสภาพไหน พูดภาษาชาวบ้าน “นรกมีจริง” สูญพันธุ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ แบบที่สุเทพเคยแหลงใต้บอกอภิสิทธิ์ว่า “ไม่เอาประยุทธ์ แปลว่า ไปอยู่กับทักษิณแล้วใช่ไหม?”
แพร่งสาม เป็นฝ่ายค้านอิสระ คิดโดยนิวเด็ม ก็ไม่รู้ว่าประเทศประชาธิปไตยที่ไหนเขามี “ฝ่ายค้านสเปเชียล” จะทำงานอย่างไร? เพราะที่ไหนๆ เขาก็มีแค่ 2 ฝั่ง ฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้าน ต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่ซ้าย ก็ขวา ไม่มีมัวๆ มั่วไปเข้าข้างไหนก็ได้ เฮไหน เฮนั่น ไปไหนไปด้วยช่วยบาทเดียว ภาษาจีนเรียกว่า “บ่อเถ่าโหล่ว“ (ไม่มีทางไป) แกว่งไปแกว่งมาเป็นสนลู่ลม และถึงแม้เป็นฝ่ายค้านก็ต้องทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทย อนาคตใหม่ ฝ่ายค้านชุดนี้คงดูไม่จืด
สรุปทั้งสามแพร่งไม่ได้ดีกับประชาธิปัตย์สักทาง ไม่มีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ทุกซอยติดป้ายบอก “ทางตัน”
แม้รู้อยู่เต็มอกว่า ประชาธิปัตย์มีใจเลือกทางเดินแรกแหงๆ เพราะต้องแก้ผ้าเอาหน้ารอดไว้ก่อน ภารกิจแรกของคุณจุรินทร์ หัวหน้าพรรคคนใหม่คงต้องไม่ให้พรรคแตก หากดันไปเลือกทางอื่น มีหวังพัง ต้องเลือกทางที่ไปตายเอาดาบหน้า
นึกไม่ถึงว่า ประชาธิปัตย์จะมีวันนี้ ต่อให้กรรมการบริหารพรรคประชุมหารือทุกวัน วันละ 24 ชั่วโมง ก็ไม่เหลือทางเลือกอื่นให้อีกแล้ว หากเลือกทางแรกคงต้องสรรหาคำพูดสวยหรู สร้างความชอบธรรมให้กับตัวเอง มาแก้ตัวให้ชาวบ้านฟัง ตอนนี้ต้องก้มหน้าก้มตาเลือกไปก่อน แล้วรอไปวัดดวงเลือกตั้งครั้งใหม่.
.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |