"ธนกร" เผยรอความชัดเจนจากประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย ก่อนเดินหน้าตั้งรัฐบาลอย่างเป็นทางการ สะพัด "จุรินทร์-เฉลิมชัย" หารือ "บิ๊กป้อม" แบ่งโควตา แต่ "อู๊ดด้า" ปฏิเสธลั่นแค่ข่าวปล่อย "ณัฐวุฒิ" ขวาง "มาร์ค" นั่งนายกฯ หวั่นฝ่ายประชาธิปไตยอาจจะถูกหักหลัง "ใจ อึ๊งภากรณ์" ซัดอนาคตใหม่คัดค้านเผด็จการแบบปัญญาอ่อน จับมือกับแมลงสาบและงูเห่า เป็นการทรยศอุดมการณ์ประชาธิปไตยและตบหน้าถ่มน้ำลายใส่ประชาชนเสื้อแดง
นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์เสื่อวันเสาร์ถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลว่า ขณะนี้ทุกอย่างต้องเดินไปตามขั้นตอน ซึ่งทางพรรคพลังประชารัฐจะรอความชัดเจนของทั้งพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย ก่อนเดินหน้าพูดคุยอย่างเป็นทางการ ซึ่งเราต้องให้เกียรติทั้งสองพรรค โดยยังบอกไม่ได้จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาใด แต่เชื่อว่าน่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ก่อนการเปิดประชุมสภา
เขากล่าวว่า ไม่กังวลเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลขั้วที่ 3 เพราะมองว่าเกิดขึ้นยาก และเป็นเพียงการเดินเกมของพรรคการเมืองบางพรรคเท่านั้น ซึ่งมั่นใจการเมืองจะไม่มีพลิกขั้ว และพรรคพลังประชารัฐจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้แน่นอน และตนมั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะได้รับการสนับสนุนเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัยแน่นอน
"เมื่อจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อย ทางพรรคจะเดินหน้านโยบายที่เคยหาเสียงไว้กับพี่น้องประชาชนทันที โดยพิจารณาตามความจำเป็นเร่งด่วน"
ส่วนกระแสข่าวการแบ่งโควตารัฐมนตรีลงตัวแล้วนั้น นายธนกรระบุว่า ยังไม่มีการหารือ และอยากให้มองไปทีละขั้นตอน
มีรายงานข่าวแจ้งว่า วันเดียวกันนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ จะหารือกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรองหัวหน้า คสช. ที่เซฟเฮาส์แห่งหนึ่ง คาดว่าจะมีการหารือเรื่องการร่วมรัฐบาลและแบ่งโควตารัฐมนตรีที่ยังไม่ลงตัว และตำแหน่งในฝ่ายนิติบัญญัติ เพื่อให้ได้ข้อยุติในอีก 2-3 วันนี้
ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ต้องการคือ กระทรวงการคลัง กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นต้น รวมทั้งตำแหน่งประธานสภาฯ
"จุรินทร์"ยันข่าวปล่อย
อย่างไรก็ตาม ต่อมานายจุรินทร์ปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง ช่วงนี้อาจจะต้องระมัดระวังเรื่องข่าวปล่อยข่าวลือเป็นพิเศษ กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ยังไม่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เลย ดังนั้นข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง
"วันนี้ผมก็ยังไม่ได้พบกับคุณเฉลิมชัย เพราะแต่ละคนก็มีภารกิจที่จะต้องจัดการภายในพรรค"
นายจุรินทร์กล่าวว่า จะมีการประชุมกรรมการบริหารพรรคในวันที่ 20 พฤษภาคม เวลา 13.00 น. เพื่อแบ่งงานให้รองหัวหน้าพรรคและจัดตั้งคณะทำงานในส่วนอื่นๆ ส่วนนายเฉลิมชัยก็จะแบ่งงานให้รองเลขาธิการพรรค สำหรับการประชุม ส.ส. คาดว่าจะมีขึ้นในวันที่ 21 พฤษภาคม เวลา 13.00 น. โดยจะต้องสอบถามความพร้อมของ ส.ส.ก่อน ส่วนการประชุมร่วมระหว่างกรรมการบริหารพรรคกับ ส.ส.นั้น ตนยังไม่มีการพิจารณาว่าจะเป็นเมื่อใด
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เผยแพร่ความเห็นของตัวเองจากรายการ "หัวใจไม่หยุดเต้น" ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ ถึงกรณีพรรคการเมืองจับขั้วจัดตั้งรัฐบาล โดยมีข้อสังเกตต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย มีเนื้อหาว่า ในช่วงเวลาของการจับขั้วตั้งรัฐบาล ซึ่งเต็มไปด้วยข่าวสารมากมาย มีความเห็นที่อยากจะแลกเปลี่ยนกันไว้ตรงนี้
"ผมคิดว่าหลักสำคัญของการต่อต้านการสืบทอดอำนาจที่ทุกพรรคการเมืองจะต้องทำให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยกัน คือต้องเชื่อมโยงกันด้วยอุดมการณ์และจุดยืนประชาธิปไตยเท่านั้น"
นายณัฐวุฒิระบุว่า ผมเอาใจช่วยพรรคเพื่อไทย ชื่นชมพรรคอนาคตใหม่ และเป็นกำลังใจให้กับทุกพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ที่ประกาศจุดยืนต่อต้านการสืบทอดอำนาจ จริงๆ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทุกพรรคการเมืองต้องมี แต่ในโลกของความเป็นจริง หลายพรรคที่เราเห็นอยู่ ตั้งขึ้นมาและขับเคลื่อนเพื่อสนับสนุนการสืบทอดอำนาจโดยเฉพาะ ไม่ต้องใช้กล้องจุลทรรศน์ล่ะครับ พรรคไหนเป็นยังไง มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ถ้า 7 พรรคการเมือง ซึ่งได้ประกาศสัตยาบันร่วมกันตั้งแต่ช่วงต้นยังคงยืนยันหลักการเหมือนเดิม นี่เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมอย่างยิ่งนะครับ ใน 7 พรรคการเมืองนี้ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจะเป็นนายกฯ ตัวจริงจากพรรคไหน ส่วนตัวผมยอมรับได้ เพราะถือว่าชัดเจนตั้งแต่ต้นทาง
ขวาง "อภิสิทธิ์"
แต่หากมีกระแสข่าวว่า มีการทาบทามเชิญชวนพรรคการเมืองอีกหลายพรรค โดยเฉพาะพรรคการเมืองขนาดกลาง เช่น ประชาธิปัตย์ หรือภูมิใจไทย เข้ามาร่วม ในฐานะประชาชน สนับสนุนให้ทั้ง 2 พรรค เข้ามาจับมือกันตั้งรัฐบาลของฝ่ายประชาธิปไตย ประเด็นแตกต่างอยู่ตรงนี้ครับ คือผมมีข้อสังเกตว่า ถ้าจะมา ไม่มาทั้งใจ กลับไปเสียดีกว่า ต้องมาด้วยหัวใจประชาธิปไตยเท่านั้นครับ สิ่งที่ประเทศไทยและประชาชนส่วนใหญ่ต้องการคือ ตัวแทนของประชาชนที่ยืนยันหลักการประชาธิปไตย เด็ดขาด ชัดเจน ไม่ใช่มาอ้างว่าต่อต้านการสืบทอดอำนาจ เพียงมุ่งหวังผลประโยชน์ หรือเก้าอี้ตัวใหญ่ทางการเมือง
"คุณอนุทินจะเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนตัวผม ไม่มีอะไรขัดข้องละครับ ถ้ามายืนด้วยอุดมการณ์ประชาธิปไตย ส่วนคุณอภิสิทธิ์ ผมมีข้อสังเกตเพิ่มเติมเข้าไปอีกหน่อย ผมคิดว่า วันนี้ในทางการเมือง คุณอภิสิทธิ์ถูกปฏิเสธทั้งจากมวลชนสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์แต่เดิม และจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ในปัจจุบัน ดังนั้น แม้จะเป็นแคนดิเดตหนึ่งเดียวของพรรคประชาธิปัตย์ แต่ความชอบธรรมที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมีหรือไม่"
นายณัฐวุฒิระบุว่า ที่สำคัญที่สุดจุดยืนเรื่องประชาธิปไตยที่ผ่านมาของคุณอภิสิทธิ์เต็มไปด้วยคำถาม มากไปด้วยปัญหา ดังนั้น สิ่งที่ผมอยากจะสื่อสารตรงไปตรงมาก็คือ ให้เขามาด้วยความสัตย์จริงต่อประชาชน ว่าเขาทำเพราะเชื่อมั่นในหลักการประชาธิปไตย อย่าให้เขามาเพราะสมประโยชน์กันเรื่องเก้าอี้ เพราะในวันหนึ่งข้างหน้า ท่ามกลางกติกาที่เป็นอยู่ ในสถานการณ์ทางการเมือง ซึ่งฝ่ายไหนตั้งรัฐบาลได้ ก็จะไม่มีเสถียรภาพ
"ใครจะไปรู้ล่ะครับ วันหนึ่งอาจจะเกิดการพลิกขั้วย้ายข้าง วันหนึ่งฝ่ายประชาธิปไตยอาจจะถูกหักหลังกลางทาง อย่างที่เคยเป็นมาแล้วก็เกิดขึ้นได้"
เลขาธิการ นปช.ยังเผยว่า ส่วนตัวผมนะครับ ฝ่ายประชาธิปไตย ต้องยืนอยู่กับโลกของความเป็นจริง ถ้าตั้งรัฐบาลไม่ได้ แล้วจะต้องเอาสิ่งแปลกปลอมเข้ามาเจือปน เป็นฝ่ายค้านอย่างมีศักดิ์ศรีดีกว่า ผมไม่ได้ปรามาสพรรคการเมืองอย่างประชาธิปัตย์หรือภูมิใจไทยนะครับ แต่ผมคิดว่าประชาชนกำลังรอดู ถ้าคุณอนุทินจะเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ให้ชัดเสียตั้งแต่วันนี้
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ หลายฝ่ายบอกว่า ถ้ามีมติสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ ถึงคราวที่อาจจะต้องสูญพันธุ์ ก็ต้องปล่อยให้สูญพันธุ์ไปครับ ไม่ใช่หน้าที่ของฝ่ายประชาธิปไตย ที่จะยื่นมือต่อชีวิตทางการเมืองให้ หรือเสนอเก้าอี้ใหญ่ตัวใดๆ
ตั้งรัฐบาลได้อยู่ไม่นาน
"ส่วนตัวผมเชื่อว่า พลังประชารัฐตั้งรัฐบาลได้ก็อยู่ไม่นานหรอกครับ และถึงที่สุดชัยชนะก็จะเป็นของฝ่ายประชาธิปไตย ผมคิดของผมแบบนี้ อาจจะถูกใจหรือไม่ถูกใจใครบ้าง ผมไม่ทราบนะครับ ถ้าพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยเห็นว่าจะตกลงกันได้ทุกพรรค ด้วยตำแหน่งทางการเมือง ด้วยยศศักดิ์ ด้วยเก้าอี้ ผมก็เคารพในสถานะ และการตัดสินใจของทุกท่าน แต่ผมจะยืนยันว่า ผมไม่เห็นด้วยครับ" นายณัฐวุฒิระบุ
ขณะที่นายนคร มาฉิม สมาชิกพรรคเพื่อไทย แสดงความคิดเห็นว่า การต่อสู้กับเผด็จการนอกสภา จึงจำเป็นต้องมีตั้งแต่บัดนี้ ไม่เหนือความคาดหมายที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ดาวฤกษ์ที่กำลังจรัสแสงฝ่ายประชาธิปไตยจะถูกเครือข่าย ลิ่วล้อบริวารของเผด็จการร่วมมือกันสกัดกั้น ขัดขวาง ทำลาย ให้สิ้นสภาพ จากการเป็น ส.ส. ตัดสิทธิ์ทางการเมือง ยุบพรรค หรือแม้แต่ให้ติดคุก จนต้องลี้ภัยทางการเมืองออกไปต่างประเทศ ซ้ำรอยเดิมกับ นายทักษิณ ชินวัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยิ่งลักษณ์ และเหล่านักสู้ฝ่ายประชาธิปไตยอีกหลายท่าน ที่ต้องบาดเจ็บ ล้มตาย ติดคุก และลี้ภัยทางการเมืองอยู่ต่างประเทศในทุกวันนี้
เหตุเพราะประเทศไทยของเรายังอยู่ในวังวนการต่อสู้ของสงคราม 2 ระบอบ คือ เผด็จการ และประชาธิปไตย ฝ่ายเผด็จการที่ประกอบด้วย นายทุน ขุนศึกศักดินา อำมาตย์ สั่งสมสรรพกำลังพร้อมสรรพทุกด้าน มีทั้งเงิน อาวุธ มวลชนอนุรักษนิยม และที่สำคัญที่สุด มีผู้นำเหล่าทัพ ข้าราชการชั้นสูงหลายคน องค์กรอิสระหลายองค์กร และกระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือรับใช้เผด็จการ เป็นเครื่องจักรสังหาร ไล่ล่า ทำลายล้าง นักการเมืองและพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยอย่างทรงพลานุภาพ
นายนครระบุว่า สภาพการณ์บ้านเมืองของเรานับจากเลือกตั้งทั่วไป 24 มีนาคม ที่ผ่านมาเกือบ 2 เดือน จึงมืดมน สิ้นหวัง ไร้อนาคต ไม่มีความแน่นอนชัดเจนว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี ใครจะเป็นรัฐบาล ประเทศไทยจะเดินไปทิศทางไหน
ไม่ต้องถามหาถึงสปิริต ความละอาย วัฒนธรรมประเพณีอันดีงามในระบอบประชาธิปไตย ที่ทั่วโลกเขายอมรับจากพวกเผด็จการและลิ่วล้อบริวารของเผด็จการ ที่แฝงมาในรูปของนักการเมืองและพรรคการเมืองที่พร้อมจะสนับสนุนการสืบทอดอำนาจให้แก่หัวหน้าคณะรัฐประหาร และเหล่าบริวารของเผด็จการที่ลากตั้งเข้ามาเป็น ส.ว. 250 คน เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้ที่พวกเขาจะมารับใช้ประชาชน เพราะประชาชนไม่ได้เลือกพวกเขาไปเป็นตัวแทน คสช. ต่างหากที่เป็นผู้แต่งตั้งพวกเขาเข้าไป นั่งเก้าอี้ ส.ว. ร้อยทั้งร้อยพวกเขาก็คงจะต้องปกป้องคุ้มครอง คสช. ดูแลรักษาระบอบเผด็จการ คสช. ผู้ให้กำเนิดเขา แต่กินเงินเดือนภาษีประชาชน
สกัดสืบทอดอำนาจ
ในขณะเดียวกัน พรรคการเมืองขนาดกลาง และขนาดเล็กบางพรรค ก็ถือโอกาสต่อรองเอาผลประโยชน์ส่วนตน โดยไม่ได้สนใจว่าระบอบประชาธิปไตยกำลังถูกฝ่ายเผด็จการและเครือข่ายเผด็จการทำลาย กลับพยายามต่อรองเอาตำแหน่งและผลประโยชน์ให้มากที่สุด จนน่ารังเกียจ ซึ่งสุดท้ายเผด็จการก็จะกินรวบ ประชาชนและประเทศชาติจะอยู่ภายใต้อำนาจของระบอบเผด็จการต่อไปอีกยาวนานชั่วลูกชั่วหลาน
"เห็นความเสียสละของพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ทั้งเพื่อไทย อนาคตใหม่ เสรีรวมไทย ที่พยายามทำทุกอย่าง ทุกวิถีทาง เพื่อสกัดกั้นการสืบทอดอำนาจของ คสช. เพื่อหยุดเชื้อมะเร็งร้าย เผด็จการ ก็ต้องขอชื่นชมและเป็นกำลังใจให้"
นายนครระบุว่า หากแต่จะเป็นเพียงแค่กำลังใจในสภาวการณ์ที่ผู้นำฝ่ายประชาธิปไตยกำลังถูกไล่ล่า กำลังถูกทำลายล้าง โดยองคาพยพของฝ่ายเผด็จการโดยที่ผู้รู้ ผู้กล้า ผู้รักความถูกต้องและความเป็นธรรม ไม่ยื่นมือเข้าไปช่วย ไม่ลุกขึ้นมาเป็นพลัง เป็นผนังทองแดง กำแพงเหล็กปกป้อง คุ้มครอง ปล่อยให้พรรคการเมืองและนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยต่อสู้กับเผด็จการอย่างโดดเดี่ยว และต่อสู้ในสภาเพียงอย่างเดียว คงจะไม่มีทางเอาชนะฝ่ายเผด็จการได้
"ผู้นำฝ่ายประชาธิปไตยอย่างธนาธร ปิยบุตร และอีกหลายท่าน คงจะไม่พ้นคมหอกคมดาบ ที่ระบอบเผด็จการวางกับดักไว้ อาจจะประสบชะตากรรมเดียวกับทักษิณ ยิ่งลักษณ์ ฝ่ายประชาธิปไตยก็คงจะไม่มีโอกาสชนะ ไม่สามารถนำเอาสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาคและภราดรภาพมาสร้างความเจริญรุ่งเรือง ให้ประชาชนและประเทศชาติของเราได้"
เขาชี้ว่า หากศึกครั้งนี้ ฝ่ายเผด็จการชนะ พวกเขาจะครอบงำปกครองประเทศไทยของเราให้อยู่ในยุคมืด ยุคแห่งการกดขี่ ข่มเหง เป็นทาส ไพร่ ไปอีกไม่น้อยกว่า 20 ปี ตามยุทธศาสตร์ชาติที่พวกเขาวางไว้
"คงจะถึงเวลาแล้ว ที่เหล่าผู้รู้ เหล่าผู้กล้าที่มีอยู่ในแผ่นดิน จะพร้อมกันลุกขึ้นยืนสู้กับเผด็จการทั้งในและนอกสภา เป็นพลังปวงชนชาวไทยทุกคน ทุกสาขาอาชีพ ที่จะลุกขึ้นมาทวงสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาคและประชาธิปไตย บนความชอบธรรม ตามกฎหมาย เพื่อนำพาประเทศไทยของเราให้ข้ามพ้นจากยุคมืดที่ถูกปกคลุมด้วยระบอบเผด็จการ ที่สร้างความหวาดกลัว สร้างมรดกบาป สร้างกฎ กติกาที่วิปริตผิดเพี้ยนให้คนในสังคม แล้วร่วมกันสร้างประเทศให้เจริญทัดเทียมกับนานาอารยประเทศด้วยกัน"
นายนครระบุว่า หากปล่อยให้นักการเมืองและพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยสู้อย่างโดดเดี่ยวเฉพาะในสภาเช่นนี้ พวกเราฝ่ายประชาธิปไตยคงจะไม่มีวันที่จะชนะเผด็จการได้เลย
ปัญญาอ่อนต้านเผด็จการ
ด้าน น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ปฏิเสธแสดงความคิดเห็นถึงข้อเสนอการจัดตั้งรัฐบาลโดยพรรคพลังประชารัฐ ที่เสนอให้โควตารัฐมนตรีให้พรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ จำนวนมากถึง 14 ที่นั่ง แต่ยังขอคุมกระทรวงหลัก และปฏิเสธเปิดเผยถึงความคืบหน้าการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลของพรรคอนาคตใหม่ ที่นายธนาธร หัวหน้าพรรคประกาศไว้ โดยระบุว่า “ขอรอให้การเจรจาทุกอย่างมีความชัดเจนเป็นรูปธรรมก่อนถึงจะมีการแถลงความชัดเจนอย่างเป็นทางการต่อไป”
ส่วนนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.กทม. พรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกระแสงูเห่าในการจัดตั้งรัฐบาลว่า การลงมติเลือกประธานสภาฯ และนายกฯเป็นการตัดสินใจส่วนบุคคล เท่าที่ตนพูดคุยหารือกับ ส.ส.อนาคตใหม่ โดยเฉพาะ ส.ส.ของฝั่งธนบุรี 6 คน นั้นไม่น่ามี
ขณะที่นายใจ อึ๊งภากรณ์ บุตรชาย ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เผยแพร่บทความเรื่อง "วิธีการคัดค้านเผด็จการแบบปัญญาอ่อน: จับมือกับแมลงสาบและงูเห่า หรือหวังพึ่งศาลเตี้ย" ผ่านเพจองค์กรเลี้ยวซ้าย โดยมีเนื้อหาช่วงหนึ่งวิพากษ์วิจารณ์จุดยืนทางการเมืองของพรรคอนาคตใหม่ ว่า...มันเป็นเรื่องน่ารังเกียจอย่างยิ่งที่มีข่าวว่าพรรคฝ่ายประชาธิปไตย โดยเฉพาะพรรคอนาคตใหม่ ปัญญาอ่อนถึงขนาดคิดจะจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย โดยอ้างว่าจะสกัดไม่ให้ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีได้
เขาขี้ว่า การเสนอนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ หรือแม้แต่การจับมือกับพรรคแมลงสาบและงูเห่า ถือว่าเป็นการทรยศอุดมการณ์ประชาธิปไตยและตบหน้าถ่มน้ำลายใส่ประชาชนเสื้อแดงที่เคยออกมาต่อสู้กับเผด็จการในอดีตและเสียเลือดเนื้อไปมากมาย ยิ่งกว่านั้นมันเป็นวิธีการที่โง่เขลาอย่างยิ่ง เพราะการจับมือกับพรรคที่ไม่เคารพประชาธิปไตยสองพรรคนี้จะไม่มีวันนำไปสู่สิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตย จะไม่มีวันลบผลพวงเผด็จการ และจะไม่มีวันทำให้สังคมไทยเดินหน้าไปสู่ยุคใหม่ที่พรรคอนาคตใหม่ชอบพูดถึง
มันเป็นแนวการเมืองไร้เดียงสาที่มองว่า “การเมือง” เป็นแค่การเล่นเกมในรัฐสภาภายใต้กติกาของเผด็จการ โดยที่พลเมืองไทยเป็นล้านๆ ที่ต้องการประชาธิปไตยเป็นแค่ “ผู้ชม” ที่ไม่ควรมีบทบาทหรือการมีส่วนร่วม และมันเป็นการเล่นเกมกับนักการเมืองระยำต่ำช้าอีกด้วย นี้หรือคือ “อนาคตใหม่” ของสังคมไทย?...
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า "นักการเมืองที่ตระบัดสัตย์ ไม่มีทางที่จะซื่อสัตย์ต่อประชาชน เลือกตั้งครั้งต่อไปอย่าไปเลือกพรรคพวกมันครับ"
"สุดารัตน์"ขุดอดีตหากิน
วันเดียวกันนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความเพจเฟซบุ๊ก สรุปว่า เมื่อวานนี้ 17 พฤษภาคม ถือเป็นวันครบรอบ 27 ปีของเหตุการณ์พฤษภา 35 ที่พลังประชาชนได้ออกมาขับไล่เผด็จการที่ยึดอำนาจจากประชาชน แล้วใช้การเลือกตั้งเป็นข้ออ้างชุบตัวเพื่อสืบทอดอำนาจต่อไป
ไม่น่าเชื่อว่าแม้จะผ่านมา 27 ปีแล้ว แต่เราก็ยังคงวนเวียนอยู่ที่เดิม ในวันนี้ พวกรัฐประหารยึดอำนาจจากประชาชน เขียนรัฐธรรมนูญใหม่เพื่อไปสู่การเลือกตั้ง โดยใส่กติกาที่เอื้อให้ตนเองสืบทอดอำนาจต่อ
"พี่น้องคะ ดิฉันเคยประกาศเจตนารมณ์ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งที่ลานโพธิ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แล้วว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่การเข้าไปเพื่อแสวงหาอำนาจ หาตำแหน่งต่างๆ แต่จะต้องเข้าไปทำงานเพื่อให้ประชาธิปไตยได้กลับมาลงหลักปักฐานอีกครั้ง เราพร้อมที่จะทำงานอย่างหนัก ด้วยความเสียสละ เพื่อขจัดอุปสรรคที่ขวางกั้นการพัฒนาประเทศ เอาเผด็จการแปลงร่างออกไป และนำพาประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และหลักการบ้านเมืองที่ดีที่ถูกต้องกลับคืนมา เพื่อให้เศรษฐกิจปากท้องและสิทธิเสรีภาพของประชาชนดีขึ้น
"พี่น้องคะ “โอกาสของประเทศ สำคัญมากกว่าโอกาสของเพื่อไทย” โอกาสของประชาธิปไตยที่จะได้กลับมาลงหลักปักฐานให้มั่น คือภารกิจสำคัญยิ่งกว่าการแสวงหาอำนาจทางการเมือง “เพื่อไทยยอมเสียสละ” เพื่อไม่ให้เป็นเงื่อนไขในการต่อรองทางการเมืองใดๆ ขอเพียงประเทศเดินหน้าได้อย่างถูกต้อง"
ขอประกาศว่า “จะไม่รับตำแหน่งใดๆ ทั้งสิ้น” และขอให้ทุกพรรคการเมืองที่เคยประกาศไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจเผด็จการมาร่วมกัน นำพาประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของเรากลับคืนมา นำความสุข และความหวังกลับคืนสู่ประชาชน
ขอเพียงพรรคขั้วที่ 3 ตัดสินใจเลือกข้างประชาชน อย่างที่เคยพูดไว้ตอนหาเสียง เราก็จะ #เอาเผด็จการแปลงร่างออกไป ด้วยเสียงผู้แทนราษฎรของเราได้แล้ว ขอคารวะทุกดวงจิตที่มีอุดมการณ์อันแน่วแน่ ตั้งแต่ครั้งพฤษภา 35 จนถึงปัจจุบัน แม้หนทางข้างหน้ายังมีขวากหนามอีกมาก ดิฉันขอให้ทุกท่านเชื่อมั่นค่ะว่า การยืนอยู่บนหลักการที่ถูกต้องจะทำให้เรายืดอกได้อย่างภาคภูมิใจ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด และบ้านเมืองของเราจะก้าวหน้าไปได้อย่างมั่นคง ยั่งยืน สังคมมีความถูกต้อง ยุติธรรม แล้วสิ่งเหล่านี้จะทำให้ประชาชนมีความสุข มีความมั่นใจในอนาคตของตนและลูกหลาน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |