ศาลฎีกาพิพากษายึดทรัพย์ “วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ” เกือบ 900 ล้านบาทตกเป็นของแผ่นดิน อีกรายคดีจีทูเจี๊ยะ หลัง “หมอโด่ง” และเครือญาติแจงที่มาที่ไปของสมบัติไม่ได้ ให้อำนาจตามล่าทรัพย์ถึง 10 ปี
เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ รองประธานศาลฎีกา เจ้าของสำนวนคดีริบทรัพย์คดีหมายเลขดำ อม. 282/2560 พร้อมองค์คณะผู้พิพากษารวม 9 คน ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา คดีที่อัยการสูงสุด (อสส.) ยื่นคำร้องให้ศาลพิพากษาให้ทรัพย์สินของ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ หรือหมอโด่ง จำเลยร่วมคดีทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ซึ่งเป็นอดีตเลขานุการของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จำนวน 896,554,760.28 บาท ตกเป็นของแผ่นดิน
ทั้งนี้ อสส.ได้ยื่นคำร้องว่า พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและข้าราชการการเมืองอื่นตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 4 และ 66 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการของนายภูมิ สาระผล รมช.พาณิชย์ เมื่อวันที่ 30 ส.ค.2554 และพ้นจากตำแหน่งวันที่ 18 ม.ค.2555 ต่อมาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขานุการของนายบุญทรง (ขณะนั้น) เมื่อวันที่ 24 ส.ค.2555 และพ้นจากตำแหน่งวันที่ 30 มิ.ย.2556
โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเมื่อวันที่ 20 ม.ค.2558 ชี้มูลความผิด พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ ร่วมกับนายบุญทรงกับพวกรวม 113 คน ทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกและการระบายข้าว อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 หรือ พ.ร.บ.ฮั้ว, พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และร่วมกันสนับสนุนกับนายภูมิกับพวกรวม 5 คน กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และ 157 ประกอบมาตรา 86 รวมทั้ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542
และเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.2558 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่ากรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่า พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งทางการเมืองดังกล่าวนั้นร่ำรวยผิดปกติ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 66, 75 วรรคสอง และ 77 จึงให้แต่งตั้งอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง ซึ่งอนุกรรมการไต่สวนแล้วปรากฏหลักฐานว่า ระหว่างที่ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิเป็นผู้ช่วยเลขานุการของนายภูมิ และขณะเป็นเลขานุการของนายบุญทรง ได้มีทรัพย์สินเป็นเงินฝากธนาคาร, เงินลงทุนในหลักทรัพย์, ที่ดินสิ่งปลูกสร้าง และยานพาหนะ มูลค่ามากเกินกว่าฐานะ และรายได้ที่ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิแจ้งต่อกรมสรรพากร มากกว่ารายได้ที่แสดงในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. โดย พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิยักย้าย ถ่ายเท ซุกซ่อนนำทรัพย์สินมอบให้บุคคลใกล้ชิดรวม 6 คน ครอบครองแทน ได้แก่ 1.นางชฏิมา วัจนะพุกกะ อดีตภรรยา 2.น.ส.อรชุมา วัจนะพุกกะ บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 3.พล.ต.ต.วีระวัฒน์ วัจนะพุกกะ บิดาผู้ถูกกล่าวหา 4.นางอรณี วัจนะพุกกะ มารดาผู้ถูกกล่าวหา 5.นายสมาน ญาติมิ บิดาอดีตภรรยา และ 6.น.ส.ชุตินันท์ ญาติมิ หลานของอดีตภรรยา
อนุกรรมการไต่สวนชั้น ป.ป.ช.ได้ให้ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิเข้าชี้แจง แต่ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิและบุคคลที่มีชื่อถือครองทรัพย์สินไม่ชี้แจงเหตุผล ยกเว้นเพียง น.ส.ชุตินันท์ ที่ได้ชี้แจง แต่อนุกรรมการไต่สวนฯ เห็นว่าคำชี้แจงนั้นไม่อาจรับฟังได้ ต่อมาวันที่ 2 พ.ย.2560 คณะกรรมการ ป.ป.ช.จึงมีมติเห็นชอบตามความเห็นของอนุกรรมการไต่สวนฯ ว่า พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่สมควรสืบเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ รวมมูลค่า 896,554,760.28 บาท ซึ่ง อสส.ได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาพิพากษาให้ทรัพย์สินของ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิพร้อมดอกผลนั้นตกเป็นของแผ่นดิน โดยหากไม่สามารถบังคับคดีเอาทรัพย์สินดังกล่าวได้ทั้งหมด หรือได้แต่แค่บางส่วน ก็ขอให้บังคับเอากับทรัพย์สินอื่นของ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ ภายในอายุความ 10 ปี ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 83
ศาลฎีกาได้ประกาศคำร้องของ อสส.ในคดีริบทรัพย์นี้ในที่เปิดเผยแล้ว พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิและผู้มีชื่อครอบครองทรัพย์สินนั้นไม่ยื่นคำคัดค้าน และไม่ประสงค์คัดค้านคำร้อง โดยการอ่านคำพิพากษาในวันที่ 17 พ.ค. ฝ่าย อสส.มีผู้แทนมาร่วมฟัง ฝ่าย พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิและครอบครัวไม่มีใครมา มีเพียงทนายความรับมอบอำนาจมาฟังคำสั่งศาลเท่านั้น
ศาลฎีกาพิเคราะห์พยานหลักฐานตามคำร้องของ อสส. และไต่สวนประกอบรายงานของคณะกรรมการ ป.ป.ช.แล้วเห็นว่า บัญชีแสดงทรัพย์สินและหนี้สินที่ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิยื่นไว้ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ขณะดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการ รมช.พาณิชย์ และเลขานุการ รมว.พาณิชย์ ประกอบด้วย ที่ดิน, รถยนต์, หลักทรัพย์ และบัญชีเงินฝากธนาคารต่างๆ ของ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ, ญาติและคนสนิทของ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ มีมูลค่าสูง ไม่สอดคล้องกับรายได้ที่มีอยู่ ซึ่งบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญให้เป็นภาระของ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ ต้องพิสูจน์ว่าทรัพย์สินที่ได้มานั้นเป็นทรัพย์สินที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หรือไม่มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ แต่ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิไม่มาพิสูจน์ ศาลจึงฟังพยานของ อสส.และหลักฐานของ ป.ป.ช.เห็นว่าทรัพย์สินทุกรายการตามฟ้องเป็นทรัพย์สินของ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ ซึ่งได้มาจากพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ตามหลักฐานของคณะกรรมการ ป.ป.ช.รวบรวมมา
พิพากษาว่า ทรัพย์สินตามคำร้องเป็นทรัพย์สินที่ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิมีเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ อันเป็นการร่ำรวยผิดปกติ จึงให้ทรัพย์สินรวมมูลค่า 896,554,760.28 บาท พร้อมดอกผลตกเป็นของแผ่นดิน หากไม่อาจบังคับคดีเอาทรัพย์สินตามที่วินิจฉัยมาข้างต้นได้ทั้งหมด หรือได้แต่บางส่วน ให้บังคับคดีเอาทรัพย์สินอื่นของ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิภายในอายุความ 10 ปี แต่ต้องไม่เกินมูลค่าของทรัพย์สินที่ศาลสั่งให้ตกเป็นของแผ่นดิน ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 38, 80 ประกอบมาตรา 83
ทั้งนี้ ทรัพย์สินที่ศาลให้ตกเป็นของแผ่นดิน ประกอบด้วย 1.บัญชีเงินฝากธนาคารชื่อ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ 79,389,106.02 บาท 2.บัญชีเงินฝากชื่อนางชฏิมา 367,313,172 บาทเศษ 3.บัญชีเงินฝากชื่อ น.ส.อรชุมา 41,607,000 บาท 4.บัญชีเงินฝากชื่อนางอรณี 357,555,747 บาทเศษ 5.บัญชีเงินฝากชื่อ พล.ต.ต.วีระวัฒน์ 43,388,526.50 บาท 6.บัญชีเงินฝากชื่อนายสมาน 5,901,267.90 บาท และบัญชีเงินฝากชื่อ น.ส.ชุตินันท์ มูลค่า 1.4 ล้านบาท
สำหรับ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือหมอโด่งนั้น ตกเป็นจำเลยร่วมคดีกับนายบุญทรงในคดีทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจีด้วย แต่ระหว่างดำเนินคดี พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิได้หลบหนีไป ซึ่งศาลฎีกาได้ออกหมายจับให้ติดตามกลับมาดำเนินคดีไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้ตัวมา กระทั่งเมื่อมีการแก้ไขกฎหมายใหม่ (วิ อม.) ให้ศาลพิจารณาคดีโดยไม่มีตัวจำเลยได้ อสส.จึงได้ยื่นคำร้องขอให้นำคดีอาญาในส่วนของหมอโด่งนั้นขึ้นมาพิจารณาใหม่โดยไม่มีตัวจำเลย โดยคดีอาญาอยู่ระหว่างการไต่สวนพยานของศาลฎีกา.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |