จุดอ่อนสรรหา ส.ว.สะเทือนรัฐนาวา“ประยุทธ์"


เพิ่มเพื่อน    

    จากรายชื่อ ส.ว. 250 คน ที่ประกาศตูมออกมาเมื่อตอนกลางวันของวันที่ 14 พฤษภาคม แสดงให้เห็นว่าคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. เมื่อวันที่ 30  เมษายน กับสิ่งที่เกิดขึ้น ณ วันนี้มันไปคนละทาง

                นอกจากคัดเอาแต่ทหาร ตำรวจเข้ามาจำนวนมากเกินกว่าร้อยคน ยังมีคนใกล้ตัวที่พรรคพวก ญาติพี่น้อง เกี่ยวดองกับ พล.อ.ประยุทธ์, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ, นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ, นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์  รองนายกฯ ฯลฯ

                หลายคนเป็นญาติกับ ส.ส.และผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ และหลายคนมีข้อกล่าวหาต่างๆ คละเคล้ากันอยู่ในหมู่พวกพ้องที่เป็น คสช., ครม., สนช., สปท. (สปช.) คนนอกที่มีความรู้ความสามารถหมดสิทธิ์โดยสิ้นเชิง

                นี่คือมาตรฐานที่เกิดขึ้นและเห็นกันอยู่โทนโท่ จึงเป็นที่มาของเสียงวิพากษ์วิจารณ์โจมตี ส.ว. หาก 250 ส.ว.โหวตให้ประยุทธ์เป็นนายกฯ แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็แสดงว่าแผนการสืบทอดอำนาจของบิ๊กตู่และ คสช.ประสบความสำเร็จ

                เมื่อนำรายชื่อ ส.ว.มาสแกนเป็นรายคน และตรวจสอบกระบวนการสรรหาอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก็จะพบว่าสิ่งที่เขียนไว้ใน รธน.ในทุกขั้นตอนเป็นแค่ตัวอักษรสวยๆ เท่านั้น  การปฏิบัติจริงตรงกันข้าม

                เช่น “คสช.แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมีความรู้และประสบการณ์ในด้านต่างๆ และมีความเป็นกลางทางการเมืองจำนวนไม่น้อยกว่าเก้าคน แต่ไม่เกินสิบสองคน มีหน้าที่ดำเนินการสรรหาบุคคลซึ่งสมควรเป็นสมาชิกวุฒิสภา...” รธน. มาตรา 269 (1) เขียนไว้

                ไหนล่ะ? กรรมการที่มีคุณสมบัติดังกล่าว ตอบว่า ไม่มี ไม่เปิดเผยชื่อ ที่แพลมๆ รายชื่อออกมา มี “บิ๊กป้อม”เป็นประธาน กรรมการที่เหลือก็มาจาก คสช. ซึ่งหาความเป็นกลางทางการเมืองไม่ได้แม้แต่น้อย เพราะผูกติดอยู่กับคณะรัฐประหารและบิ๊กตู่ และ คสช.ที่เป็นกรรมการสรรหาก็ได้รับการแต่งตั้งเป็น ส.ว.

                รธน.มาตรา 269 (ข) เขียนว่า “ให้คณะกรรมการสรรหาไปกำหนดวิธีการเพื่อหาคนที่เหมาะสมจะเป็น ส.ว.มา 400 คน”

                ถามว่าวิธีการคืออะไร?

                ครั้นส่งรายชื่อ 400 คนให้ คสช.คัดเหลือ 194 คนเพื่อจะแต่งตั้งเป็น ส.ว. ก็เป็นความลับดำมืด รับรู้กันแต่เฉพาะหมู่คณะพรรคพวกตัวเอง มิได้คำนึงถึงความรู้ ประสบการณ์ซึ่งควรจะครอบคลุมในด้านต่างๆ ที่มาและที่ไปในกระบวนการสรรหา ส.ว. จึงขัดต่อ รธน.อย่างชัดแจ้ง! ซึ่งควรจะเป็นโมฆะเสียด้วยซ้ำ!

                การขาดคุณสมบัติในการสมัครและการสรรหาเป็น ส.ว.ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ถูกตั้งคำถาม เช่นปัญหาการถือหุ้นสื่อ เป็นลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร ส.ส.กำลังพ่นพิษ ส.ส.หลายสิบคน  

                อีกระยะหนึ่งคงจะลุกลามไปถึง ส.ว.การไม่ได้ลาออกจากตำแหน่งต่างๆ ก่อนได้รับการสรรหาก็ดี การถือหุ้นในบริษัทที่แจ้งวัตถุประสงค์ไว้ในบริคณห์สนธิว่าจะทำกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชนใดๆ ก็ดี

                ถ้า ส.ส.ต้องพ้นจากตำแหน่งด้วยข้ออ้างนี้ ส.ว.ก็ต้องพ้นไปด้วย การก่อกำเนิดของ “ส.ว.ลากตั้ง” ด้วยการคัดสรรที่ไร้หลักเกณฑ์และวิธีการของคณะกรรมการสรรหาและ คสช. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พล.อ.ประยุทธ์หัวหน้า คสช. จะถูกนำมาเปรียบเทียบกับ ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน

                ส.ว.ชุดใหม่นี้ถูกตั้งฉายาให้เป็น “ทายาท คสช.” มรดกบาปเพื่อการสืบทอดอำนาจของ คสช. จะเป็นจุดอ่อนให้ฝ่ายตรงข้ามนำมาโจมตีอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

                ส.ส.กับ ส.ว.มีสภาพเหมือนน้ำกับน้ำมันที่เข้ากันไม่ได้ การดูถูกดูแคลนจะเกิดขึ้น นับจากนี้เป็นต้นไป หนักไปกว่า คือข้อตำหนิติเตียนในทำนองว่า ส.ว.ไม่ได้เป็น “ผู้แทนปวงชนชาวไทย” เพราะไม่มีความเป็นอิสระและไม่ยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ

                หากแต่เป็น “ผู้แทน พล.อ.ประยุทธ์และ คสช.” ยึดประโยชน์ของรัฐบาลประยุทธ์และพรรคพลังประชารัฐเสียมากกว่า ซึ่งจะเริ่มฉายภาพให้เป็นที่ประจักษ์ตั้งแต่วันแรกของการประชุมร่วมรัฐสภาเมื่อเทคะแนน 250 เสียงเลือกบิ๊กตู่เป็นนายกฯ

                ภาพลักษณ์ “ส.ว.ของประยุทธ์ และพรรคพลังประชารัฐ” จะติดตัววุฒิสภาไปตลอด ในขณะที่ภาพลักษณ์ของบิ๊กตู่ก็จะถูกตีตราว่าได้เป็นนายกฯ เพราะ ส.ว.ที่ตัวเองและ คสช.เลือกมา

                แต่จะอยู่ในตำแหน่งได้นานแค่ไหน จะ 6 เดือน หรือ 1 ปี หรือจะสั้น-ยาวกว่านี้ ณ นาทีนี้ยังไม่มีใครกล้ารับประกัน. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"