“ขอทุกท่านหันกลับมาพิจารณาสังขารธรรม หรือความปรุงแต่งในรูปและนาม ณ บัดนี้ แล้วจงฉุกคิดถามตนเองว่า ในขณะที่รูปและนามกำลังเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านได้อบรมเจริญปัญญา เป็นเสบียงแห่งอนาคตไว้มากน้อยเพียงไรแล้ว ท่านกำลังมีความประมาทในชีวิต เผลอคิดไปว่ายังเหลือเวลาอยู่อีกมากหรือไม่ ในเมื่ออันที่จริง ทุกคนไม่อาจทราบได้ว่าความตายจะมาถึงเมื่อไร ชีวิตนี้สั้นนัก เพราะฉะนั้น ‘ความไม่ประมาท’ ณ ขณะปัจจุบัน จึงเป็นบทสรุปแห่งพระบรมพุทโธวาทที่สั้นที่สุด แต่มีความสำคัญสูงสุดสำหรับชาวพุทธทุกคน” ส่วนหนึ่งของ “พระคติธรรมในวันวิสาขบูชา” ที่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกประทานให้แก่พุทธศาสนิกชนเนื่องในวันวิสาขบูชาที่จะมาถึงในวันเสาร์ที่ 18 พ.ค.นี้...๐

หันมาเรื่องการเมืองว่าด้วย “พุธสัญจร” ที่เข้ามาแทนที่ “พุธเอ็กเซอร์ไซส์” แบบเงียบๆ กันบ้าง เพราะ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกฯ ยกคณะลงพื้นที่คลองเตย ที่ไม่ได้แวะสำนักพิมพ์เล็กๆ อย่าง “ไทยโพสต์” แต่ประการใด งานนี้ “ลุงตู่” ยังได้ชี้แจงถึง 250 ส.ว.ที่กำลังเป็นที่วิจารณ์กัน ซึ่งมองด้วยใจร่มๆ อย่างเป็นกลางก็คงต้องเป็น อย่างที่ “ลุงตู่” บอกนั่นแลว่า “ใครไม่เป็นพี่น้อง ไม่มีใครไม่รู้จักพี่ป้อมหรือพี่ป๊อก” เพราะต้องไม่ลืมว่า ส.ว.ลากตั้ง อุ้ย! แต่งตั้งนั้นถูก “รัฐธรรมนูญ” ตีเส้นไว้ในเรื่องของผัวเมียและญาติโกโหติกากับ “ส.ส.” เพื่อ แก้ไขข้อครหา “สภาผัวเมีย” ตัวเลือกมันจึงต้องหันเหไปที่ญาติพี่น้อง ผองเพื่อนและลูกน้องของทั่นผู้มีอำนาจที่ไม่ได้เป็น ส.ส.นั่นเอง...๐ จึงไม่แปลกที่ “พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา” หรือบิ๊กติ๊ก น้องชายของบิ๊กตู่จึงฝ่าเสียงวิจารณ์ในโลกออนไลน์เป็นหนึ่งใน 250 สภาสูงได้นั่นเอง แล้วล่าสุด “พรเพชร วิชิตชลชัย” ประธาน สนช. ซึ่งถูก “ล็อกสเปก” ให้นั่งประธานสภาสูงในอนาคต ก็ได้หยิบโพยออกมาชี้แจงถึงกรณีเสียงโซเชียลว่าด้วยการ “โดดร่ม” การประชุมของบิ๊กติ๊กว่าไม่ได้เวอร์วังขนาดนั้น โดยการประชุม สนช.ในปี 2557-2562 จำนวน 387 ครั้ง พล.อ.ปรีชามาประชุมทั้งสิ้น 341 ครั้ง ลาแค่ 46 ครั้ง ส่วนการลงมติ ซึ่ง สนช. มีการลงมติ 7,085 ครั้ง พล.อ.ปรีชาลงมติ 5,091 ครั้ง ขาดไปกว่า 2,000 ครั้งเท่านั้น ซึ่งเป็นช่วง 3 ปีแรกที่ยังมีตำแหน่งในกองทัพ...๐ แหม! นี่ถ้าจะแก้ไข “ภาพโดดร่ม” ของบิ๊กติ๊กทั้งที ก็ควรนำสถิติของบรรดานายพลทั้งหลายมาใน สนช.ที่ยังมีตำแหน่งมาเปรียบเทียบกันบ้างก็น่าจะทำ “ภาพใหม่” ที่อุตส่าห์เขียนเป็นโพยมาแจงนั้นน่าเชื่อถือมากขึ้น นะทั่นประธาน…๐ แต่ข้อ “ท้วงติง” ในเรื่องการใช้งบประมาณ 1,300 ล้านบาท ในการสรรหา ส.ว.ที่ “สหายอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย” เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และพลพรรคเพื่อแม้วทวงถาม รวมถึงการเปิดชื่อคณะกรรมการสรรหานั้นก็น่ารับฟัง เพราะต้องไม่ลืมว่า “1,300 ล้านบาท” นั้นก็เป็นภาษีของคนทั้งประเทศ การใช้จ่ายอย่างไรก็ควรชี้แจงทำความเข้าใจให้กับประชาชนมิใช่หรือ เช่นเดียวกับค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ก็น่าจะถึงเวลาการเปิดเผยรายละเอียดได้แล้ว...๐ ขำไม่ออกจริงกับที่ “พรเพชร” ในการตอบคำถามเกี่ยวกับคณะกรรมการสรรหา ส.ว.บางส่วนได้เข้ามาเป็น ส.ว. ว่า “กฎหมายรัฐธรรมนูญไม่ได้ระบุว่าคณะกรรมการสรรหาจะมาเป็น ส.ว.ไม่ได้” ใช่เลย ว่ากฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ แต่ เรื่องความเหมาะสมและธรรมาภิบาลนั้นก็น่าจะต้องนำมาเป็นบรรทัดฐานในยุคปฏิรูป 4.0 นี้มิใช่หรือ หรือเรื่องของการปฏิรูปและธรรมาภิบาลจะใช้เฉพาะขั้วตรงข้ามเท่านั้นจ๊ะ...๐ หันมาเรื่องการเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กันบ้าง ซึ่งก็ไม่ได้พลิกโผแต่ประการใด เมื่อ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” คว้าตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนที่ 8 ของพระแม่ธรณีบีบมวยผมไปครองด้วย 50.5995% ทิ้งห่างที่ 2 อย่าง “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ได้ 37.2160% “กรณ์ จาติกวณิช” 8.4881% และ “อภิรักษ์ เกษะโยธิน” 3.6965% ซึ่งหากดูจากคะแนนต้องเรียกว่าทั้ง “กรณ์-อภิรักษ์” น่าคิดอย่างยิ่งว่าทำมั้ยทำไมถึงได้คะแนนแบบต่ำเตี้ยเรี่ยดินขนาดนั้น โดยเฉพาะ คะแนนของ “กรณ์” ที่โลกออนไลน์ก่อนวันที่ 15 พ.ค.นั้นมีการโหมประโคมอย่างมาก แต่สุดท้ายกลับได้คะแนนยังไม่ถึง 10% ด้วยซ้ำไป...๐ ทิ้งท้ายด้วยข่าวน่าติดตามอย่างมากในความเคลื่อนไหวของสังคมว่าด้วย “ซีอุย” ที่ขณะนี้ในโลกออนไลน์มีการเรียกร้องและแชร์ข้อมูลใหม่ “ซีอุย” ไม่ใช่คนฆ่าและกินเครื่องในเด็ก โดยถึงขั้นตั้งแคมเปญล่ารายชื่อใน change.org กันเลยทีเดียว ซึ่ง “นพ.นริศ กิจณรงค์” รองคณบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ก็ระบุว่า “ศิริราช” กำลังรวบรวมข้อมูลและข้อเท็จจริงจากเรื่องนี้ และเร็วๆ นี้ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล จะให้ข้อมูล เรียกว่าต้องลุ้นระทึกกันเลยทีเดียวว่าประวัติศาสตร์หน้าใหม่ “ซีอุย” จะเกิดขึ้นหรือไม่ต้องติดตาม...๐

...ท.ศักดิ์