ปชป.เดือด! "พีระพันธุ์" สวน "ชวน" ไม่มีปัจจัยภายนอกจุ้นชิงหัวหน้า ห่วงแทรกแซงภายในพรรคเองมากกว่า ปัด "ถาวร-เอกนัฏ" จองนั่งเลขาฯ "จุรินทร์" ชูซื่อสัตย์สุจริต-บริหารรัฐกิจมืออาชีพ-ทนแรงเสียดทาน นักธุรกิจชื่อดังร่าย 7 เหตุผลหนุน "กรณ์" หน.ปชป.คนใหม่

    ที่อาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า จะไม่เหมือนที่ผ่านมาโดยไม่มีการรวบอำนาจไว้กับหัวหน้าพรรค หรือคณะกรรมการบริหารพรรค เพราะตำแหน่งพวกนี้เป็นแค่หัวโขน แต่ภารกิจของเราคือต้องมาฟื้นฟูพรรค ทำพรรคให้เดินหน้าและกลับมาเป็นพรรคหลักของประเทศ พวกตนไม่มีใครแย่งกันเป็นเลขาธิการพรรค เพราะทุกคนสามารถเป็นเลขาธิการได้ ดังนั้นจึงให้ทีมงานไปตกลงกันเอาเองว่าใครจะอยู่ตำแหน่งไหน เพราะมีค่าเท่ากัน ทำงานเหมือนกันหมด เป็นเพื่อนร่วมงานร่วมทีม  ไม่มีใครใหญ่กว่าใคร โดยจะทำงานเป็นทีมหรือคณะ ไม่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ในพรรค ไม่ใช่อำนาจมารวบอยู่
    เมื่อถามว่า การที่ไม่มีความชัดเจนในเรื่องของตัวบุคคลอาจจะกระทบต่อสมาชิกที่เป็นโหวตเตอร์หรือไม่ นายพีระพันธุ์กล่าวว่าไม่ เพราะเวลานี้สมาชิกเข้าใจ และคิดว่าสิ่งที่ตนเสนอเป็นแนวทางใหม่ที่ต้องการเปิดกว้างให้สมาชิกมากขึ้น ส่วนที่มีข่าวว่านายถาวร เสนเนียม จะมาเป็นเลขาธิการพรรคในทีมของตนนั้น นายถาวรบอกว่าไม่รับตำแหน่ง แม้เพื่อนพิจารณาให้ก็ไม่รับ รวมถึงที่ว่ามีชื่อนายเอกนัฏ  พร้อมพันธุ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรค มาเป็นเลขาฯ ในทีมของตนก็ไม่มีเช่นกัน ซึ่งในเบื้องต้นให้เป็นเสรีภาพของสมาชิกที่จะเลือกว่าใครเหมาะสม ตนไม่มีสิทธิ์ชี้นำ เพราะต้องการให้เป็นประชาธิปัตย์ยุคใหม่ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับปรุงพรรค
    ส่วนกรณีที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค แสดงความกังวลถึงการเลือกหัวหน้าพรรคว่าจะมีความขัดแย้ง และปัจจัยภายนอกเข้ามาแทรกแซงนั้น นายพีระพันธุ์ปฏิเสธว่าไม่มีความขัดแย้ง และเชื่อมั่นว่าในส่วนของตนเองไม่มีการแทรกแซงแน่นอน รวมถึงผู้สมัครทั้งสามคนด้วย แต่ที่เป็นห่วงคือการแทรกแซงจากภายในพรรคมากกว่า
    ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และหนึ่งในแคนดิเดตหัวหน้าพรรค ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอจำนวน 2 คลิปเพื่อแสดงวิสัยทัศน์ สะท้อนจุดเด่นและความพร้อมในการเป็นหัวหน้าพรรค ในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่จะมีขึ้นในวันที่ 15 พ.ค.นี้  เพื่อประกอบการตัดสินใจของโหวตเตอร์ทั้ง 307 เสียง โดยมุ่งเน้นที่ความซื่อสัตย์ สุจริต และการมีประสบการณ์การบริหารงานแบบนักบริหารรัฐกิจมืออาชีพ
    โดยในคลิปแรก นายจุรินทร์เผยให้เห็นถึงคุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นผู้นำภาคการเมืองของประเทศไทย ว่าสิ่งที่ต้องการคือการเป็น "นักบริหารรัฐกิจมืออาชีพ" ซึ่งมีความแตกต่างจากการเป็นนักบริหารธุรกิจ เพราะมีปรัชญาและที่มาที่แตกต่างกัน โดยต้องบริหารโดยไม่ได้มุ่งหวังผลกำไร แต่มุ่งหวังผลประโยชน์สูงสุดของประชาชนและส่วนรวมหรือภาครัฐ ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ในการบริหารจัดการ มีความเข้าใจและมีศักยภาพในการขับเคลื่อนกลไกภาครัฐที่เทอะทะและบางครั้งไร้ประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถเดินหน้าไปสู่ความสำเร็จได้ และที่สำคัญต้องมีอุดมการณ์ทางการเมือง ต้องยอมรับการตรวจสอบโดยกลไกที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ต้องขับเคลื่อนองค์กรให้เดินไปข้างหน้าภายใต้กรอบของกฎหมาย ระเบียบและการจับตามองของรัฐสภา และองค์กรอิสระ รวมทั้งทุกภาคส่วนของสังคมและประชาชนที่เลือกมา
    "คนที่จะมาเป็นผู้นำทางการเมืองจึงต้องสามารถทนต่อแรงเสียดทาน ทั้งแรงเสียดทานทางการเมือง  แรงเสียดทานทางเศรษฐกิจ แรงเสียดทานทางสังคม รวมถึงแรงเสียดทานอื่น นั่นหมายถึงว่าต้องเป็นผู้ที่มีวุฒิภาวะและประสบการณ์ทั้งด้านบริหารและนิติบัญญัติ" นายจุรินทร์ระบุ
       ส่วนคลิปที่ 2 นายจุรินทร์ได้ชี้ให้เห็นถึงคุณสมบัติที่จำเป็นต้องมีสำหรับคนที่จะเป็นนักการเมือง  โดยเฉพาะนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งประกอบด้วยอุดมการณ์ประชาธิปไตย ต้องเห็นประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่ โดยเฉพาะอุดมการณ์แห่งความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งเป็นสิ่งที่นักการเมืองทุกคนต้องมีโดยไม่มีข้อยกเว้น เพราะความซื่อสัตย์สุจริตเป็นพื้นฐานสำคัญในการรักษาผลประโยชน์ให้ส่วนรวม ให้ประชาชน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กฎหมาย นโยบาย ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง ทั้งหมดนี้คือกรอบให้นักการเมืองต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต แต่สุดท้ายสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ หิริ โอตตัปปะ คือความละอายและเกรงกลัวต่อบาป การซื่อสัตย์สุจริตทั้งต่อหน้าและลับหลัง 
    "ไม่โกงใครก็พูดได้ แต่เมื่อไหร่ที่มีโอกาสและไม่โกง จึงจะพิสูจน์ความเป็นคนซื่อสัตย์สุจริตที่แท้จริง" นายจุรินทร์ย้ำในตอนท้าย
    ขณะที่นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ หนึ่งในกลุ่ม New Dem  กล่าวว่า ผู้สมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ทั้ง 4 คนต่างก็มีจุดเด่นแตกต่างกันไป นายจุรินทร์มีความเก๋าเกมทางการเมือง เป็น ส.ส.มาหลายสมัย นายกรณ์ จาติกวณิช เป็นคนรุ่นใหม่ที่เหมาะกับยุค 4.0 ที่ต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการทำงาน อีกทั้งยังมีความเป็นสากลที่มีประสบการณ์ด้านเศรษฐกิจในระดับโลก ส่วนนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ก็มีภาพลักษณ์ที่ดีในฐานะที่เป็นอดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ขณะที่นายพีระพันธุ์เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายคนหนึ่งของพรรค 
    "ผมดีใจที่ 1 ใน 4 ผู้สมัครมีคุณสมบัติตรงตามโหวตเตอร์อย่างผมต้องการคือ คุณกรณ์ เป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุด เป็นคนรุ่นใหม่ มีแนวคิดทันสมัยเหมาะสมกับยุคโซเชียล 4.0 เข้าได้กับทุกคน คุณกรณ์เป็นนักการเงิน นักเศรษฐศาสตร์ นักบริหารที่เข้าใจเศรษฐกิจเป็นอย่างดี หากได้เป็นหัวหน้าพรรคราคาพืชผลทางการเกษตรในภาคใต้ต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน และยังเชื่อว่าคุณกรณ์จะสามารถนำพรรคประชาธิปัตย์ให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง มีเสียง ส.ส.เกินร้อยที่นั่ง ภาคใต้ได้รับการเลือกตั้งยกภาคและ กทม.ได้เกิน 20 ที่นั่งอย่างแน่นอน" นายชัยชนะระบุ
    วันเดียวกัน นายวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการบริหาร บลจ.บัวหลวง และคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวสนับสนุนนายกรณ์เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ พร้อมทั้งระบุ 7 เหตุผลว่าทำไมนายกรณ์ถึงเหมาะสมว่า เพราะเป็นนักการเงินมือหนึ่ง และเป็นคนเก่งในแถวหน้าของตลาดทุน สามารถเข้าใจและน่าจะเข้าถึงชนทุกชั้นทุกภาคได้ เพราะทำจริง ลงเงินเอง ลงแรงเอง และลงความคิดร่วมกับผู้คน เช่น โครงการข้าวอิ่ม ที่มหาสารคาม รวมทั้งเป็นผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกลกว่าผู้อื่น และพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งที่แตกต่างไปจากประสบการณ์และความรู้เดิมเสมอ จึงมีความถ่อมตน ไร้อัตตา 
    นอกจากนี้ ในครั้งที่นายกรณ์เป็น รมว.การคลัง ได้สนับสนุนคนเก่งที่ดีหลายคนให้เข้าไปมีตำแหน่งในการบริหารองค์กรต่างๆ ที่สำคัญไทยรอดจากวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์มาได้เพราะนโยบายหล่อเลี้ยงเครื่องยนต์เศรษฐกิจของนายกรณ์ และในช่วงที่นายกรณ์เป็นฝ่ายค้านได้เห็นผลงานในการคัดค้านหรือสนับสนุนที่ตรงไปตรงมา ไม่เล่นลิ้นสำบัดสำนวน และมีความเป็นสุภาพบุรุษ ไม่ใช่ไล่จิก ทั้งนี้เมื่อพิจารณาผลงานและพฤติกรรมในอดีตแล้ว จึงเชื่อว่าหากพรรคประชาธิปัตย์ต้องการเปลี่ยนตนเองให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่ นายกรณ์จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับยุคต่อไป.