“ประยุทธ์” ปูดพลังประชารัฐกำลังดำเนินการฟอร์มรัฐบาลอยู่ “11 พรรคเล็ก” แถลงจุดยืนดัน “ลุงตู่” เป็นนายกฯ สมัย 2 “มงคลกิตติ์” สวมบทผู้จัดการรัฐบาล อัด “ภท.-ปชป.” อย่าต่อรองเก้าอี้เยอะ หันมาเดินหน้าประเทศที่ชะงักงัน “บังซุป” เดือดโต้อย่าแส่ข้ามพรรค “เพื่อไทย” บินด่วนถกแม้วหาทางแก้เกม หวังใช้ช่องแย่งชามข้าว “ประธานสภาผู้แทนราษฎร” สร้างงูเห่า พปชร. “ภูมิธรรม” เสียงอ่อยประเด็นยกเก้าอี้ผู้นำให้ “มาร์ค-อนุทิน”
เมื่อวันจันทร์ เวลา 11.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์เป็นครั้งแรกถึงการฟอร์มรัฐบาลใหม่ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โดยกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า “กำลังดำเนินการอยู่นะจ๊ะ” และเมื่อสอบถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้มีส่วนร่วมในการพิจารณาร่วมกับพรรค พปชร.ในการจัดสรรตำแหน่งต่างๆ ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ยิ้มก่อนกล่าวเพียงสั้นๆ “อ๋อ กำลังดูกันอยู่”
ทั้งนี้ ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) พล.อ.ประยุทธ์ได้หารือร่วมกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยเป็นการส่วนตัว ซึ่งคาดว่าเป็นการหารือถึงเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลชุดต่อไป
ก่อนหน้านี้ นายสมคิดปฏิเสธข่าวกรณีพรรค พปชร.ยึดกระทรวงเศรษฐกิจไว้ทั้งหมดจนการทาบทามพรรคอื่นไม่พอใจว่า ไม่ทราบ ไม่รู้เรื่องเลย และเมื่อถามว่ารัฐบาลหน้าจะเป็นรองนายกฯ ต่อหรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่าไม่ทราบๆ โดยเมื่อพยายามถามอีกว่ารัฐบาลหน้าถ้าเสียงปริ่มน้ำจะไปได้หรือไม่ นายสมคิดกลับตอบว่า "ยังไงประเทศต้องไปให้รอด"
ในเวลาใกล้เคียงกันที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลลาดพร้าว นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ หัวหน้าพรรคพลเมืองไทย พร้อมหัวหน้าพรรคการเมืองขนาดเล็กทั้ง 10 พรรค ประกอบด้วย พรรคพลังชาติไทย, พรรคประชาภิวัฒน์, พรรคไทยศรีวิไลย์, พรรคพลังไทยรักไทย, พรรคครูไทยเพื่อประชาชน, พรรคประชาธรรมไทย, พรรคประชาธิปไตยใหม่, พรรคพลังธรรมใหม่, พรรคไทยรักธรรม และพรรคประชานิยมได้ร่วมแถลงจุดยืนทางการเมือง
โดยนายสัมพันธ์ระบุว่า ทั้ง 11 พรรคจะสนับสนุนให้มีรัฐบาลโดยเร็ว ส.ส.ทั้ง 11 คนมั่นใจว่าจะยกมือสนับสนุนเลือก พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ อีกครั้ง ส่วนจะตั้งรัฐบาลแบบไหน พวกเราคงไม่ก้าวก่าย โดยพวกเราจะสนับสนุนพรรค พปชร.เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล
“เราทั้ง 11 คนยังเป็น ส.ส. หากรัฐบาลทำดีเราต้องสนับสนุน แต่ถ้ามีรัฐมนตรีท่านใดทำงานผิดไปจากความเป็นจริง พวกเราทั้ง 11 คนพร้อมคัดค้าน และพร้อมดูแลพี่น้องประชาชนเช่นเดียวกับนักการเมืองท่านอื่นๆ” นายสัมพันธ์กล่าวว่า
นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวว่า การเข้าร่วมกับพรรค พปชร.ครั้งนี้ มันเป็นความจำเป็นเพื่อให้บ้านเมืองไปต่อได้ เกือบ 2 เดือนที่ผ่านมายื้อกันไปยื้อกันมา มันเสียเวลา ไม่ต้องการให้กลุ่มพรรคการเมืองมาต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี เพราะประเทศไทยเสียโอกาส ตอนนี้คณะรัฐมนตรีเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว ปัญหาของประชาชนมีจำนวนมาก เพราะฉะนั้นตนเองและเพื่อนทั้งหมด 11 คน จึงมีฉันทามติในการผ่าทางตันเพื่อให้บ้านเมืองไปต่อได้ เพราะไม่ต้องการปิดสวิตช์ประเทศไทย ในฐานะสมาชิกของ 11 พรรคการเมืองต้องการเปิดสวิตช์ประเทศไทยเพื่อเดินหน้าต่อไป จึงตัดสินใจอย่างไม่ลังเลที่จะร่วมงานกับ พปชร.และสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ รอบที่ 2
ซัด 'ภท.-ปชป.' อย่าต่อรองเยอะ
“การเจรจาต่อรองขั้นต่อไปในส่วนของพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ผมขอร้องว่าอย่าต่อรองเยอะ มาร่วมมือกันทำงาน มันเสียเวลา เพราะฉะนั้นหาคนที่มีคุณภาพมาคุยกัน หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยและเดินไปข้างหน้า แต่ฝ่ายค้านไม่ว่าพรรคอนาคตใหม่ พรรคเพื่อไทย ไม่ต้องเสียใจ ทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มความสามารถ ผมจะเป็นอีกหนึ่งคนที่จะไปช่วยพวกท่านในการตรวจสอบถ่วงดุลพรรคพลังประชารัฐในการบริหารราชการแผ่นดิน” นายมงคลกิตติ์ระบุ
จากนั้นนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค พปชร. และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ได้เข้ารับมอบหนังสือแสดงเจตจำนงที่ลงนามร่วมกันโดยหัวหน้าพรรคทั้ง 11 พรรคว่าจะเข้าร่วมงานกับพรรค โดยนายอุตตมกล่าวว่า ขอขอบคุณจากใจจริงที่ 11 พรรคการเมืองตกลงใจจะมาร่วมงานกับเราในการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อนำพาประเทศไปข้างหน้า วันนี้เป็นก้าวสำคัญที่จะนำพาประเทศไปข้างหน้า ทุกพรรคมาร่วมงานกันถือเป็นหุ้นส่วนกันในการทำงาน โดยสามารถปรึกษาแนะนำและท้วงติงกันได้
เมื่อถามว่าตอนนี้รวบรวมจำนวนเสียงได้เท่าไหร่แล้ว นายอุตตมกล่าวว่ากำลังดำเนินการอยู่ในเรื่องจำนวนเสียง ยังมีเวลาพูดจากับพรรค ส่วนการร่วมงานกับพรรค ภท.และ ปชป. ต้องบอกว่าเราให้เกียรติทุกพรรคที่มีกระบวนการภายในเพื่อตัดสินใจ เพราะเป็นเรื่องสำคัญในการเข้ามาช่วยกันขับเคลื่อนประเทศ” นายอุตตมกล่าว
เมื่อถามถึงการให้โควตารัฐมนตรีแก่ 11 พรรค นายอุตตมกล่าวว่า เรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีไม่มีเงื่อนไขอะไร เรามาพูดคุยกันเพื่อประโยชน์ของประเทศ ไม่มีเงื่อนไขอะไรอย่างนั้น
โดยนายสัมพันธ์ยืนยันเช่นกันว่าไม่มีเงื่อนไขอะไร มีเพียงอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศต่อประชาชนเรายินดีสนับสนุน แต่ถ้าไม่ใช่เราพร้อมค้านหัวชนฝาในเรื่องไม่ชอบมาพากล ยืนยันไม่มีเรื่องการขอตำแหน่ง
เมื่อถามถึงเงื่อนไขต้องไม่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม และ พล.อ.อนุพงษ์ นายอุตตมกล่าวว่าไม่มีการสร้างเงื่อนไขเช่นนั้น เราไม่เคยได้ยินและไม่กังวลอะไร ส่วนเรื่องเสถียรภาพของรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำนั้นขึ้นอยู่กับการร่วมใจกันทำงานให้เกียรติซึ่งกันและกัน ทำงานเพื่อประเทศตรงนี้สำคัญที่สุด
ทั้งนี้หลัง 11 พรรคแถลงจุดยืน ได้มีความเคลื่อนไหวในทำเนียบฯ โดยนายสมคิดได้เดินทางขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าเพื่อหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์เป็นเวลา 30 นาที ก่อนเดินทางออกจากทำเนียบฯ ไป และอีก 20 นาทีต่อมานายกฯ ได้เดินทางออกจากทำเนียบฯ เช่นกัน
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวเรื่องนี้ว่า ไม่เป็นไร เรายังเชื่อมั่นว่าจะสามารถหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช.ได้อยู่ พร้อมยืนยันว่าหากท้ายที่สุดแล้วพรรคเป็นฝ่ายค้านก็สามารถหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจได้เช่นกัน
ขณะที่นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรค ภท.กล่าวถึงกรณีนายมงคลกิตติ์พาดพิงพรรคอย่าต่อรองเยอะว่า พรรคไม่เคยได้รับการติดต่อจากพรรคการเมืองไหน จึงไม่เคยต้องต่อรองกับใคร แต่สงสัยว่าวันนี้เห็นนายอุตตมอยู่ในที่แถลงข่าวของกลุ่มพรรคเล็ก การที่นายมงคลกิตติ์ออกมากล่าวเช่นนี้ เป็นการกล่าวโดยการมอบหมายหรือในนามของพรรค พปชร.หรือไม่
เดือด! อย่าริแส่ข้ามพรรค
“ถือเป็นการโกหกคำโตที่บอกพรรคต่อรองเก้าอี้ อยากเรียกร้องว่าขอให้พูดเฉพาะเรื่องพรรคตัวเอง โปรดรักษามารยาทอย่าพูดเรื่องพรรคอื่น พรรคภูมิใจไทยมีศักดิ์ศรี มีเกียรติในทางการเมือง จึงอย่าได้ริบังอาจแสดงวาจาที่ไม่บังควรต่อพรรคเช่นนี้” นายศุภชัยระบุ
ในช่วงเช้าที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท.พร้อม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเดินทางมารับหนังสือรับรองความเป็น ส.ส. ก่อนให้สัมภาษณ์ถึงการร่วมจัดตั้งรัฐบาลว่า ตนเองและ ส.ส.ของพรรคจะลงพื้นที่เพื่อรับฟังความคิดเห็นประชาชนโดยตรง นอกเหนือจากการอ่านความเห็นทางหนังสือพิมพ์และโซเชียล คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ก็จะทราบความคิดเห็น หลังจากนั้นจะมาประชุม ส.ส.ของพรรคในวันที่ 20 พ.ค. ซึ่ง ส.ส.พรรคต้องมีส่วนในการตัดสินใจในทิศทางของพรรคเพราะเราทำงานเป็นทีม
“ยังไม่มีการพูดคุยใดๆ กับ 2 พรรคการเมืองใหญ่ โดยเฉพาะในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาไม่มีการติดต่อหรือเจรจาใดๆ” นายอนุทินกล่าวและว่า ยืนยันว่าไม่มีเรื่องความไม่พอใจของเก้าอี้รัฐมนตรีที่พรรคได้รับ เพราะไม่ได้พูดคุยกับใคร รัฐบาลไม่มีใครเป็นเจ้าของ แล้วเที่ยวไปเขียนข่าวว่าแจกกระทรวงนั้นให้พรรคนี้ แจกกระทรวงนี้ให้พรรคนั้น แจกได้อย่างไรนี่เป็นเรื่องของบ้านเมือง พรรค ภท.เจียมเนื้อเจียมตัว เพราะเราเป็นพรรคอันดับ 5 ไม่ใช่พรรคใหญ่
ถามว่ามีชื่อนายเนวิน ชิดชอบ ช่วยต่อรองโควตาเก้าอี้รัฐมนตรีด้วยหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่าพูดกันไปเรื่อย นายเนวินอยู่เมืองไทยหรือเปล่าก็ไม่รู้ เห็นว่าไปเตะบอลต่างประเทศ ไม่ได้พบนายเนวินมา 2 สัปดาห์แล้ว พบกันครั้งสุดท้ายในงานกัญชาที่ จ.บุรีรัมย์ การเมืองไทยวันนี้ต้องอยู่นิ่งๆ ใครนิ่งมาก็จะทำให้ทิศทางของประเทศไทยดีที่สุด ไม่ต้องออกมาบอกว่าจะทำอะไร ถ้ารับเงื่อนไขกันได้ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน สนับสนุนนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน
ทั้งนี้ภายหลังการรับหนังสือรับรอง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้เดินเข้าไปทักทายนายชัย ชิดชอบ พร้อมพูดคุยกับนายอนุทินตอนหนึ่งว่า “ยังไงท่านอนุทิน ท่านชัยไปอยู่ฝั่งประชาธิปไตยด้วยกันนะ ไปทางโน้นเขาไม่ให้อะไรคุณหรอก แต่มาทางนี้ได้เป็นนายกฯ ได้ รมว.คมนาคมด้วย คุณต้องการอะไรพรรคเพื่อไทยเขาให้หมด” ซึ่ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ยังพยายามถามนายอนุทินอีกว่า “โอเคไหม อยากให้ร่วมฝ่ายประชาธิปไตยไหม อยากร่วมไหม ตกลงนะ” แต่นายอนุทินพยายามหลีกเลี่ยงไม่ตอบปฏิเสธหรือตอบตกลง
เสรีพิศุทธ์ลั่น 'กูให้หมด'
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวอีกว่า "พรรคเพื่อไทยยอมยกตำแหน่งนายกฯ ให้ทั้ง 2 พรรคการเมือง ใครจะเอาก็เอา ฝ่ายประชาธิปไตยเขาเสียสละมาก พท.ได้ 137 ที่นั่งทำเพื่อประชาธิปไตย ไม่เอาตำแหน่งนายกฯ กระทรวงสำคัญก็ยังให้ กูไม่เอาเลย เอาไปให้หมด ขอแค่ให้มาอยู่ร่วมกับฝ่ายประชาธิปไตย แต่ตอนนี้ยังไม่ได้คุยกับ ปชป. จะนัดกันหลังวันที่ 15 พ.ค.นี้"
ด้าน น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงกระแสร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรค พปชร.ว่า เป็นเพียงกระแสข่าว เราเป็นพรรคขนาดเล็ก ต้องดูพรรคใหญ่ก่อนว่าเขาจะรวมกันได้อย่างไร และให้เขาติดต่อเรามาก่อน แล้วถ้ามีการติดต่อมาพรรคก็ต้องพูดคุยหารือกันก่อน
“เป็นแค่ข่าว ยังไม่เป็นจริง ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ ตรงนั้น หัวหน้าพรรคก็ยังไม่รู้เลย” น.ส.กัญจนากล่าวถึงกระแสข่าวได้โควตารัฐมนตรี 2 กระทรวงและย้ำว่าเป็นข่าวลือ
นายเทวัญ ลิปตพัลลภ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคชาติพัฒนา (ชพน.) กล่าวเช่นกันว่า เป็นพรรคเล็กจึงทำอะไรได้ไม่มาก ส่วนเรื่องความชัดเจนจะร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาลกับ พปชร.นั้นจะได้ข้อยุติช่วงใกล้เปิดประชุมสภา
สำหรับความเคลื่อนไหวของซีกพรรคเพื่อไทย (พท.) นั้น มีรายงานข่าวแจ้งว่า สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาแกนนำพรรคบางส่วนได้เดินทางไปหารือกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เพื่อประเมินสถานการณ์การเมืองและแนวทางรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล โดยหารือถึงประเด็นความเป็นไปได้ในการนำเสียง 7 พรรคการเมืองที่ร่วมลงสัตยาบัน 245 เสียงสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายอนุทินเป็นนายกฯ เพื่อขัดขวางการสืบทอดอำนาจของ พปชร.และยังพูดคุยถึงความพยายามดึงเสียง ส.ส.บางส่วนหรืองูเห่าของพรรค พปชร. หลังมีความขัดแย้งกันในกรณีการเสนอชื่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างนายสุชาติ ตันเจริญ กับนายวิรัช รัตนเศรษฐ รวมทั้งยังมีคนอื่นที่สนใจตำแหน่งดังกล่าว แต่ยังไม่เปิดตัวด้วย
“พรรคเพื่อไทยได้ประสานไปยังผู้เสนอตัวเป็นประธานสภาฯ ของพรรครายหนึ่ง พร้อมกับแจ้งไปว่าถ้าไม่ได้รับการเสนอชื่อจาก พปชร. พรรคเพื่อไทยและพันธมิตรก็จะไม่เสนอชื่อบุคคลเข้าแข่งขัน แต่พร้อมให้การสนับสนุนลงมติให้ แต่ผู้เสนอตัวเป็นประธานสภาฯ ก็ต้องหาเสียงสนับสนุนจาก ส.ส.ใน พปชร.ราว 10-20 เสียงมาบวกกับ 245 เสียง”
มีรายงานอีกว่า พท.ยังมีความพยายามโน้มน้าวพรรคการเมืองต่างๆ ที่ยังไม่ประกาศจุดยืนที่ชัดเจนในการร่วมกับฝ่ายใด อาทิ ปชป., ภท., ชทพ. และ ชพน.ให้ตัดสินใจร่วมต่อต้านการสืบทอดอำนาจและปิดสวิตช์ ส.ว. รวมทั้งยังหวังว่าจะได้เสียงส่วนหนึ่งในกลุ่มของประธานสภาฯ ของพรรค พปชร.ที่ พท.สนับสนุนหันมาลงมติให้สนับสนุนนายกฯ ที่เสนอโดยพรรค พท. หรือพรรคพันธมิตรฝ่ายประชาธิปไตย แทนการลงมติให้ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะประเมินว่าท้ายที่สุดหาก ปชป.ตัดสินใจมาร่วมกับฝ่ายประชาธิปไตยจริงก็อาจได้ไม่ครบทั้ง 52 เสียง เนื่องจากมี ส.ส.บางส่วนที่แสดงจุดยืนชัดเจนว่าไม่ร่วมมือกับพรรค พท.อย่างเด็ดขาด จึงต้องได้เสียง ส.ส.พรรค พปชร.มาทดแทน
ย้ำป้องสืบทอดอำนาจ
นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค พท.กล่าวว่า จากการพูดคุยกับหัวหน้าและเลขาธิการพรรคการเมืองที่ร่วมลงสัตยาบันไม่เอาการสืบทอดอำนาจ ทุกคนเห็นตรงกันว่าต้องรักษาระบบให้ประชาธิปไตยเดินไปได้ ส่วนกรณีจะมีงูเห่าหรือไม่นั้นเกิดขึ้นได้ทุกพรรค แต่ถ้าจะเล่นการเมืองระยะยาวต้องยืนบนผลประโยชน์ประชาชน ใครยืนบนผลประโยชน์ของตัวเองโดยไม่สอดรับกับผลประโยชน์ประชาชนจะเป็นวาระสุดท้ายในการเล่นการเมืองครั้งนี้
“พรรคเพื่อไทยแม้ได้ ส.ส.มากที่สุด แต่เราเห็นประโยชน์ของประเทศชาติเป็นเรื่องสำคัญ จึงไม่เคยเอาเรื่องตำแหน่ง ทั้งตำแหน่งนายกฯ และประธานรัฐสภามาเป็นปัจจัยต่อรอง เพราะเห็นว่าปัญหาของประเทศคือการป้องกันการสืบทอดอำนาจ” นายภูมิธรรมกล่าว
เมื่อถามว่าถึงขั้นให้ตำแหน่งนายกฯ แก่พรรค ปชป.และ ภท.หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า วันนี้เราบอกว่าไม่คุยรายละเอียดเพราะไม่ยึดติด ถ้าเป้าหมายใหญ่ได้อย่างอื่นก็คุยกันได้
นายธนาธรกล่าวว่า พรรคได้พูดคุยกับพรรคต่างๆ ซึ่งเรายินดีทำงานกับทุกพรรคเพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช.และปิดสวิตช์ ส.ว. ส่วนทิศทางจะเป็นอย่างไรต้องขอสงวนไว้ก่อน ส่วนบุคคลที่จะมาเป็นนายกฯ นั้น ขณะนี้ไม่สามารถตอบอะไรได้เพราะยังไม่ถึงเวลา และเพื่อเคารพเกียรติของทุกฝ่าย
นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า ส.ส. 5 เสียงของพรรคเพื่อชาติเมื่อมาด้วยกันก็ไปด้วยกัน ไม่มีใครแยกไปไหน ขอยืนยันจุดยืนอยู่ในฝั่งประชาธิปไตย ยอมรับที่ผ่านมามีคนมาทาบทามพรรคให้ไปร่วมงาน แต่ได้บอกว่าเราขออยู่ของเรา
นายอารี ไกรนรา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ กล่าวถึงกระแสข่าวถูกดูดไปอยู่ฝั่งพรรค พปชร.ว่า ยังคงอยู่พรรคเพื่อชาติ จุดยืนยังอยู่กับฝั่งพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ถูกทาบทามไปอยู่กับ พปชร. ซึ่งที่ผ่านมามีคนรู้จักใน พปชร.มาทาบทามให้ไปอยู่ด้วยจริง แต่ได้ตอบปฏิเสธไปเพราะไม่ได้สนใจ
ที่ศาลปกครอง นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักษาชาติ เข้ายื่นหนังสือถึงศาลปกครองขอให้ไต่สวนฉุกเฉินเพื่อระงับประกาศของ กกต.ที่รับรอง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อทั้ง 149 คน และเพิกถอนพร้อมสั่งให้ กกต.คำนวณจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่ เนื่องจากเห็นว่าการคำนวณของ กกต. ที่จัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อให้กับ 11 พรรคการเมืองขนาดเล็กที่ได้คะแนนไม่ถึงจำนวน ส.ส.พึงมี ถือว่าเป็นการคำนวณที่ขัดกับ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 128 (5) ทั้งยังพบว่ามีอีก 3 พรรคที่จะได้ ส.ส.ไปคนละ 1 รวมเป็น 14 คนที่ได้ ส.ส.ไปโดยไม่ชอบและไม่ถูกต้อง
นายเรืองไกรกล่าวว่า 14 คนที่ได้ ส.ส.ไปโดยวิธีการไม่ชอบนั้นก็เท่ากับว่าอีก 14 คนที่จะได้ ส.ส.เขาเสียสิทธิ์ไป เป็นการเสียสิทธิ์โดยตรง ซึ่งใน 14 คนมาจาก 6 พรรค คือพลังประชารัฐเสียสิทธิ์ไป 3 คน พรรคอนาคตใหม่ 6 คน พรรคประชาธิปัตย์ 2 คน พรรคภูมิใจไทย 1 คน พรรคเสรีรวมไทย 1 คน และชาติไทยพัฒนา 1 คน ฉะนั้นขอให้ศาลปกครองมีคำสั่งให้ กกต.ตัด 14 คนที่ประกาศไปโดยมีคะแนนไม่ถึงเกณฑ์แล้วเอามาเพิ่มให้ 14 คนใน 6 พรรค และขอเรียกร้องให้ทั้ง 14 คนที่เป็นผู้เสียหายโดยตรงก็ควรอุทธรณ์ต่อ กกต. หรือจะมายื่นฟ้องศาลปกครองหรือจะยื่นต่อผู้ตรวจการแผ่นดินก็เป็นสิทธิ์ของทั้ง 6 พรรค หวังว่าศาลจะรับไว้พิจารณาและสั่งให้ไต่สวนรวมทั้งคุ้มครองชั่วคราว
นายเรืองไกรกล่าวด้วยว่า ภายหลังที่สื่อมวลชนกระแสหลักรายงานข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช., พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรองหัวหน้า คสช. และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เข้าไปเกี่ยวข้องกับการจัดสรรตำแหน่ง ครม.ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่าจะมีข้อมูลเพียงพอหรือไม่ที่จะเข้าข่ายผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 28 และมาตรา 92 (2) ที่มีโทษยุบพรรคหรือไม่ เพราะไม่อนุญาตให้บุคคลนอกพรรคการเมืองควบคุม ครอบงํา หรือชี้นํากิจกรรมของพรรคการเมืองทั้งทางตรงหรือโดยทางอ้อม ซึ่งเบื้องต้นกำลังติดตามข้อมูลว่ามีหลักฐานที่น่าเชื่อถือเพิ่มเติมหรือไม่ โดยเฉพาะต้องจับตาหลังจากนี้จะมีคนใน พปชร.หรือพรรคอื่นๆ อกหักไม่ได้รับตำแหน่งสำคัญ จนออกมาเปิดเผยข้อมูลในการจัดตั้งรัฐบาลว่าทั้ง 3 คนเกี่ยวข้องหรือไม่ เมื่อนั้นตนจะรวบรวมหลักฐานและส่งเรื่องให้ กกต.พิจารณา ก่อนไปที่ศาลรัฐธรรมนูญให้มีคำสั่งยุบพรรค รวมทั้งตัดสิทธิ์นักการเมืองหรือไม่ต่อไป
จี้นับคะแนนใหม่ 349 เขต
ที่สำนักงาน กกต. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นำ ส.ส.ของพรรคเข้ารับหนังสือรับรองจาก กกต.เพื่อนำไปรายงานตัวต่อสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ยังเรียกร้อง กกต.ให้เร่งดำเนินการในเรื่องต่างๆ หลายเรื่อง ประกอบด้วย กรณีที่ กกต.ตัดสิทธิ์ผู้สมัครเขต 2 สมุทรสาคร โดยอ้างว่าผู้สมัครของพรรคที่เป็นอดีตสมาชิก อบต.ขาดคุณสมบัติ เนื่องจากถูกให้ออกจากราชการ ซึ่งในเรื่องดังกล่าวพรรคได้ยื่นค้านต่อ กกต.แล้วว่าศาลชั้นต้นได้ยกฟ้องในกรณีดังกล่าว เนื่องจากไม่ได้มีเหตุทุจริตตามที่กล่าวอ้าง แต่เหตุใด กกต.ยังตัดสิทธิ์ผู้สมัครคนดังกล่าวของพรรค ซึ่งการถูกตัดสิทธิ์ส่งผลให้คะแนนรวมของพรรคลดลง และกระทบต่อจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อที่น้อยลงด้วย
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ยังกล่าวถึงเรื่องถูกร้องว่าขาดคุณสมบัติ เนื่องจากถูกให้ออกจากราชการในสมัยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยระบุว่า การถูกพิจารณาเรื่องดังกล่าว เนื่องจาก นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ปล้นตำแหน่งตนไป และได้มีการยกเลิกคำสั่งดังกล่าวทั้งหมดแล้ว ซึ่งหากไม่เกษียณอายุราชการก่อน ตนก็สามารถกลับเข้าไปรับตำแหน่งดังกล่าวได้
ส่วนกรณีการนับคะแนนใหม่ของเขต 1 นครปฐม แม้ว่าจะเป็นเรื่องของพรรคอนาคตใหม่ที่ร้องจนมีการนับคะแนนใหม่ ซึ่งผลจากการนับคะแนนใหม่ทำให้พบว่าผู้สมัครพรรคเสรีรวมไทยมีคะแนนเพิ่มขึ้น 44 คะแนน ซึ่งทำให้ตั้งข้อสงสัยว่า ในการนับคะแนนครั้งแรกคะแนนดังกล่าวหายไปไหน ในฐานะหัวหน้าพรรคก็ได้นำคะแนนของผู้สมัครทุกคนมาพิจารณา เนื่องจาก จ.นครปฐม มีผู้สมัคร 21 พรรค แต่ กกต.รวมคะแนนผิดถึง 20 พรรค นี่ยังไม่คำนึงถึงจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์หรือคะแนนอื่นๆ กกต.จะทำงานผิดพลาดได้อย่างนี้เชียวหรือ ดังนั้นนอกจากที่ จ.นครปฐมแล้ว ก็เชื่อว่าอีก 349 เขต กกต.จะรวมคะแนนได้ถูกต้องหรือไม่ การเลือกตั้งจะสุจริตเที่ยงธรรมหรือไม่ ทั้งนี้ จะรอดูว่า กกต.จะมีการสั่งนับคะแนนใหม่ใน 349 เขตหรือไม่ ไม่อย่างนั้นก็จะต้องดำเนินคดี
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ยังท้วงติงเรื่องการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งผลที่ กกต.ประกาศออกมาทำให้พรรคต่างๆ คะแนนที่จะได้ ส.ส.ลดลง ซึ่งรวมถึงพรรคเสรีรวมไทยที่ควรจะได้ 11 ที่นั่ง ก็ได้เพียง 10 ที่นั่ง โดยเห็นว่าการคำนวณของ กกต.ที่แจก ส.ส.ให้กับพรรคเล็ก 11 พรรคที่มีคะแนนรวมไม่ถึงจำนวน ส.ส.เพิ่งมีไม่น่าจะถูกต้อง
ขณะเดียวกัน สำนักงาน กกต.ยังคงเปิดให้ ส.ส.ที่ กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งทั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 349 คน และแบบบัญชีรายชื่อ149 คน รวม 498 คน เดินทางมารับหนังสือรับรองเพื่อนำไปรายงานตัวต่อสํานักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยยังคงเหลือ ส.ส.ใหม่ ที่ยังไม่เดินทางมารับหนังสือรับรองเพียง 2 คน คือ นายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งได้ประสานมายัง กกต.ว่าไม่สบาย และจะมารับเอกสารในภายหลัง และนายกนก ลิ้มตระกูล ส.ส.อุตรดิตถ์ เขต 1 พรรคเพื่อไทย ติดต่อประสานมายัง กกต.ว่าจะมารับเอกสารภายในวันพุธที่ 15 พ.ค. ก็จะครบจำนวน 498 คน ที่กกต.รับรอง อย่างไรก็ตาม ยังเหลือ ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งและแบบบัญชีรายชื่ออีกอย่างละ 1 คน ซึ่ง กกต.จะต้องรอผลการเลือกตั้งใหม่ของเขตเลือกตั้งที่ 8 จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 26 พ.ค.ก่อน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |