13 พ.ค.62 - ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้รับมอบหมายจากนายจตุพร มายื่นถอนฟ้องคดีหมายเลขดำที่ อ.3910/2553 ที่นายจตุพร เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายเมธี อมรวุฒิกุล อดีตแนวร่วม นปช. และอดีตดารานักแสดงชื่อดัง, บริษัท นสพ.แนวหน้า จำกัด, นายโชคชัย สุมน, นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์, บริษัท เอ็นเอส ทีนิวส์ จำกัด, บริษัท เอเอสทีวีผู้จัดการ จำกัด และนายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน เป็นจำเลยที่ 1-7 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 และ 332
กรณีเมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2553 นายเมธีแถลงข่าวที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ทำนองว่านายจตุพรอมเงินบริจาคของคนเสื้อแดงจำนวน 68 ล้านบาท และมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับผู้หญิงบนชายหาดเมืองพัทยา รวมทั้งกล่าวหาว่านายจตุพรโทรศัพท์ขู่ฆ่าจำเลย ซึ่งจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ ขอต่อสู้คดี
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ข้อความซึ่งจำเลยที่ 1 กล่าวกล่าวทำให้โจทก์เสียหายว่าอมเงินบริจาค การกระทำของจำเลยที่ 1 ในส่วนนี้จึงเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท พิพากษาให้จำคุกนายเมธี 2 ปี และปรับ 100,000 บาท คำรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาเห็นควรลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกเป็นเวลา 1 ปี 4 เดือน และปรับ 66,666 บาท ขณะที่โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี ส่วนจำเลยที่ 2-7 ให้ยกฟ้องเนื่องจากไม่มีข้อเท็จจริงเพียงพอว่าได้ร่วมกันกระทำผิดกับจำเลยที่ 1
ต่อมาโจทก์และจำเลยที่ 1 ยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 9 เม.ย. 2559 เห็นว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิด แต่ก็มีเหตุอันควรปรานี เมื่อไม่ปรากฏว่าได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรให้โอกาสจำเลยที่ 1 ได้กลับตัว การใช้ดุลพินิจกำหนดโทษของศาลชั้นต้นโดยรอการลงโทษจึงเหมาะสมแล้ว ส่วนข้อเท็จจริงปรากฏตามทางนำสืบว่า นายวัชระ จำเลย ที่ 4 ได้คัดลอกคำให้สัมภาษณ์ของนายเมธี จำเลยที่ 1 มาใส่ในบทความโดยมีข้อความที่นายเมธีกล่าวหมิ่นประมาทโจทก์รวมอยู่ด้วยโดยไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แน่นอนเสียก่อน และมิได้คำนึงถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่โจทก์ มิใช่การติชมด้วยความเป็นธรรมโดยสุจริต จึงมีความผิดฐานหมิ่นประมาทโจทก์โดยการโฆษณา
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 และ 4 มีความผิดฐานหมิ่นประมาท ตาม ป.อาญา มาตรา 328 ประกอบมาตรา 83 จำคุกคนละ 2 ปี และปรับคนละ 1 แสนบาท คำเบิกความเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกคนละ 1 ปี 4 เดือน ปรับคนละ 66,666 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้มีกำหนด 2 ปี และให้จำเลยที่ 1 และ 4 ร่วมกันลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ 2 ฉบับ เป็นเวลา 3 วัน ส่วนจำเลยที่ 2, 3, 6 และ 7 ให้ยกฟ้องตามศาลชั้นต้น
ภายหลังนายวัชระ จำเลยที่ 4 ยื่นฎีกาสู้คดีเพียงคนเดียว ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2562 แต่นายวัชระขอเลื่อน ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้เลื่อนการฟังคำพิพากษาศาลฎีกาออกไปเป็นวันที่ 15 พ.ค. 2562
โดยนายจตุพร โจทก์ได้ระบุเหตุผลในเอกสารขอถอนฟ้องว่า ด้วยโจทก์และจำเลยที่ 4 มีคดีพิพาทกันหลายคดีและได้ตกลงที่จะยุติคดีซึ่งกันและกัน ไม่ติดใจเอาความกันอีกต่อไป โดยจำเลยที่ 4 ในคดีนี้ได้ถอนฟ้องโจทก์ที่เป็นจำเลยในคดีอื่นแล้ว จึงเป็นประโยชน์ต่อคู่ความทั้งสองฝ่าย ทั้งคดีนี้ยังเป็นความผิดอันยอมความกันได้ โจทก์จึงขอถอนฟ้องจำเลยที่ 4 ในคดีตามที่ได้ตกลงกันไว้ด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุผลดังประทานกราบเรียนต่อศาลข้างต้น โจทก์จึงไม่ติดใจที่ดำเนินคดีจำเลยที่ 4 อีกต่อไป จึงขอถอนฟ้องจำเลยที่ 4 ออกจากสารบบความ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ขอศาลได้โปรดอนุญาต
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า หลังจากนี้ต้องรอศาลฎีกาพิจารณาอนุญาตถอนฟ้องหรือไม่ต่อไป ส่วนคดีอื่นที่นายวัชระได้ถอนฟ้องนายจตุพรที่เป็นจำเลย เช่น คดีหมายเลขดำ อ.4977/2555 ที่นายวัชระ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายวีระกานต์ หรือวีระ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน นปช., นายจตุพร ประธาน นปช. และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328, 332 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 และเรียกค่าเสียหาย 10 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี
กรณีเมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2552 จำเลยที่ 1-3 จัดรายการความจริงวันนี้ ออกอากาศสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีทีวีของคนเสื้อแดง กล่าวหาว่าโจทก์พิมพ์หนังสือชื่อ “สมัคร ทักษิณ จาบจ้วง ป๋าเปรม ถึงนอมินี” ขึ้นมาใหม่หลังจากที่นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีถึงแก่อสัญกรรมแล้ว และพวกจำเลยยังเรียกร้องให้คนเสื้อแดงมาคุกคามโจทก์ที่พรรคประชาธิปัตย์ ทั้งที่หนังสือดังกล่าวได้พิมพ์เผยแพร่ที่ท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2551 โดยมีคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช เป็นประธานในพิธีเปิดตัวหนังสือฉบับนี้ ร่วมกับนายปรีชา สามัคคีธรรม ก่อนที่นายสมัครจะอสัญกรรม ซึ่งทำให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียง โดยจำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำเลยทั้งสามในความผิดฐานหมิ่นประมาทฯ จำคุกคนละ 1 ปี ปรับ คนละ 5 หมื่นบาท แต่ในส่วนของโทษจำคุกนั้นเมื่อศาลพิจารณาพฤติการณ์แล้วเห็นว่าไม่ร้ายแรง จึงให้รอการลงโทษไว้คนละ 2 ปี และให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายจากการทำละเมิดโจทก์ จำนวน 6 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันที่ 29 ธ.ค.2555 ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำเลยยื่นฎีกาขอให้ยกฟ้อง ซึ่งศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2562 (วันเดียวกับคดีหมายเลขดำที่ อ.3910/2553) ในวันดังกล่าวนายวัชระ โจทก์ ได้ยื่นถอนฟ้องแล้ว รอศาลฎีกาพิจารณาอนุญาตถอนฟ้องหรือไม่ต่อไปเช่นกัน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |