บ้านปูฯ ปลื้มผลประกอบการไตรมาส 1/62 ทำกำไร 916 ล้านบาท สะท้อนทุกธุรกิจกำลังสดใส รุกกลยุทธ์ส่งเสริมพลังงานสะอาด เดินหน้าลงทุนธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ด้านบ้านปู เพาเวอร์ฯ โชว์กำไรโต 167%
14 พ.ค.2562- นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ประจำปี 2562 ของบริษัทฯ ว่า มีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) 7,302 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 916 ล้านบาท โดยกลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงานมีผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากการนำมาตรการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตรวมถึงการสร้างมูลค่าเหมืองในระยะยาวมาใช้อย่างต่อเนื่อง ส่วนกลุ่มธุรกิจผลิตพลังงานสะท้อนถึงการบริหารการผลิตไฟฟ้าให้สามารถจ่ายไฟฟ้าได้ครบตามสัญญารองรับความต้องการใช้พลังงานตามฤดูกาลได้เป็นอย่างดี
สำหรับกลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน ธุรกิจถ่านหินมีปริมาณขายเพิ่มขึ้น 33% แต่ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยในตลาดลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะที่ธุรกิจก๊าซธรรมชาติมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นต่อเนื่อง โดยมี EBITDA อยู่ที่ 885 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 2.1 เหรียญสหรัฐต่อพันล้านลูกบาศก์ฟุต หรือเพิ่มขึ้น 40% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้านธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ภายใต้กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงานของบ้านปูฯ ยังคงสดใสต่อเนื่อง แนวโน้มอุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง ด้วยอัตราการเติบโตของความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงมีความต้องการนำก๊าซธรรมชาติไปใช้ประโยชน์ในรูปแบบที่หลากหลาย
นายสุธี สุขเรือน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าผลประกอบการไตรมาสที่ 1/2562 ของบริษัทฯ มี EBITDA จำนวน 1,616 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว กำไรสุทธิรวม 1,254 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 784 ล้านบาท หรือ 167% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหนึ่งมาจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีซึ่งมีประสิทธิภาพการจ่ายไฟถึง 100% เช่นเดียวกับโรงไฟฟ้าหงสาที่แม้จะมีการหยุดเดินเครื่องเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ แต่ยังรักษาประสิทธิภาพการจ่ายไฟอยู่ที่ 81% ส่วนการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมซ็อกจัง กำลังผลิตรวม 80 เมกะวัตต์ ในประเทศเวียดนาม คืบหน้าตามแผนที่วางไว้
“ผลการดำเนินงานอันแข็งแกร่งนี้สะท้อนถึงสถานะการเงินที่มั่นคง ซึ่งจะส่งเสริมให้การพัฒนาโครงการที่มีอยู่ลุล่วงเป็นไปตามแผน สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมซ็อกจัง ระยะที่ 1 กำลังผลิต 30 เมกะวัตต์ บริษัทฯ ได้ทำการศึกษาความเป็นไปได้แล้วเสร็จ รวมไปถึงการทำประชาพิจารณ์กับชุมชนโดยรอบทั้งในส่วนพื้นที่พัฒนาโครงการและพื้นที่ก่อสร้างสายส่งซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากชุมชน จึงเชื่อมั่นว่าการพัฒนาโครงการในลำดับต่อไปจะราบรื่นและสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ตามกำหนด”นายสุธี กล่าว