ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ประกาศขึ้นภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์ จาก 10% เพิ่มเป็น 25% เริ่มมีผลตั้งแต่วันศุกร์ ทั้งที่ผู้แทนของรัฐบาลทั้งสองยังเจรจาต่อรองกันไม่ได้ข้อยุติ ขณะจีนลั่นจะใช้มาตรการตอบโต้

แฟ้มภาพ วันที่ 4 เมษายน 2562 รองนายกฯ หลิว เหอ ของจีน (ซ้าย) ฟังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พูดระหว่งการประชุมที่ทำเนียบขาว / AFP

    กระทรวงพาณิชย์ของจีนออกแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม 2562 ว่า การตัดสินใจของรัฐบาลสหรัฐนั้น "น่าเสียใจอย่างยิ่ง" และจีนจะใช้มาตรการตอบโต้ตามความจำเป็น แต่คำแถลงไม่ได้ชี้แจงรายละเอียด

    คำประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมีขึ้นในช่วงเวลาที่ผู้แทนของทั้งสองฝ่ายกำลังเจรจากันเป็นวันที่ 2 เพื่อกอบกู้ข้อตกลงที่มีเป้าหมายเพื่อยุติสงครามการค้าที่ยาวนาน 10 เดือน ระหว่างสองประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 1 และ 2 ของโลก

    ข่าวรอยเตอร์กล่าวว่า ผู้แทนฝ่ายจีนนำโดยรองนายกฯ หลิว เหอ และผู้แทนสหรัฐ ซึ่งได้แก่โรเบิร์ต ไลธีเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ กับสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลัง ได้หารือกันนาน 90 นาทีเมื่อค่ำวันพฤหัสบดี และคาดว่าทั้งสองฝ่ายจะเจรจากันอีกในวันศุกร์

    กระทรวงพาณิชย์ของจีนเผยเช่นกันว่า การเจรจาต่อรองจะดำเนินต่อไป และจีนหวังว่าสหรัฐจะยอมพบกันครึ่งทาง พยายามร่วมกัน และแก้ไขปัญหาผ่านความร่วมมือและการปรึกษาหารือ

    หากรัฐบาลทรัมป์ไม่เปลี่ยนใจเรื่องการขึ้นภาษี อัตราภาษีศุลกากรใหม่จะเริ่มมีผลบังคับใช้กับสินค้านำเข้าจากจีนมายังสหรัฐตั้งแต่เวลา 00.01 น.ของวันศุกร์ โดยสำนักงานศุลกากรและป้องกันชายแดนของสหรัฐจะจัดเก็บภาษีเพิ่มเป็น 25% กับสินค้ามากกว่า 5,700 ชนิด ที่ออกจากท่าเรือและสนามบินของจีนตั้งแต่เวลานั้น ส่วนสินค้าที่ออกเดินทางก่อนหน้านั้นจะยังคงจ่ายภาษีที่ 10%

    นับตั้งแต่ปีที่แล้ว จีนและสหรัฐได้ขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้กันไปมาเป็นมูลค่าสินค้านำเข้าสองทางรวมกันมากกว่า 360,000 ล้านดอลลาร์ โดยภาษีศุลกากรที่ปรับเพิ่มขึ้นนี้จะกระทบต่อสินค้าของจีนหลายประเภท อาทิ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ผลิตในจีน, เครื่องจักรกล, ชิ้นส่วนรถยนต์ และเฟอร์นิเจอร์

    ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ผู้แทนของทั้งสองฝ่ายจะเห็นถึงความเป็นไปได้ของการบรรลุความตกลง แต่สัปดาห์นี้บรรยากาศกลับมาตึงเครียดขึ้นอีกเมื่อทรัมป์กล่าวโจมตีจีนว่าผิดคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้

    ไมเคิล เทย์เลอร์ กรรมการผู้จัดการมูดี้ส์อินเวสเตอร์เซอร์วิส กล่าวว่า การขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐยิ่งเพิ่มความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ แม้จะเชื่อกันว่าสหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุความตกลงการค้าได้ในท้ายที่สุด แต่การตัดสินใจของสหรัฐครั้งนี้เพิ่มความเสี่ยงที่การเจรจาจะพังครืนลง.