‘กรณ์-อภิรักษ์-พีระพันธุ์’ วัดกึ๋นชิงหน.ประชาธิปัตย์


เพิ่มเพื่อน    

 

ชิงหัวหน้า ปชป.เข้มข้น! 3 แคนดิเดตแข่งโชว์วิสัยทัศน์ "กรณ์" จ่อยกเครื่อง-สร้างพรรคให้มีเอกภาพ "อภิรักษ์" ชี้ต้องปรับให้ทันเทคโนโลยี พร้อมร่อน จม.ขอคะแนน 307 โหวตเตอร์ ถาม 3 สิ่งแรกที่อยากให้ทำ "พีระพันธุ์" อาสาเข้ามากอบกู้ ปัดรับงานใครมา

    ที่พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม มีการแสดงวิสัยทัศน์ของผู้ที่เสนอตัวลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ต่อสมาชิกพรรคภาคใต้ โดยมีนายกรณ์ จาติกวณิช รักษาการรองหัวหน้าพรรค, นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตรองหัวหน้าพรรค อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รักษาการกรรมการบริหารพรรค เข้าร่วม ส่วนนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรค ไม่ได้เข้าร่วม เนื่องจากติดภารกิจลงพื้นที่พบปะสมาชิกพรรคที่จังหวัดขอนแก่น
    นายกรณ์แสดงวิสัยทัศน์ว่า การกำหนดท่าทีและยุทธศาสตร์ของตนคือ เราต้องสามัคคีกันภายในพรรค ทำอย่างไรให้ภายหลังจากการเลือกหัวหน้าพรรคครั้งนี้เรากลับมาทำงานร่วมกันอย่างมีพลัง รวมทั้งทำให้พรรคพวกที่ไม่ได้รับเลือกตั้งได้รับเลือกกลับเข้ามาเป็น ส.ส.อีกครั้ง และสร้างให้พรรคมีความเป็นเอกภาพ ด้วยเหตุนี้จึงได้ชวนนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ส.ส.ตาก เข้ามาทำหน้าที่เลขาธิการพรรค
    “ผมได้เดินสายชี้แจงให้กับพวกเราได้รับทราบ โดยเฉพาะสมาชิกพรรคทางภาคใต้ ถึงตรรกะและเหตุผลว่าทำไมต้องเอา ส.ส.หนึ่งเดียวจากภาคเหนือมาเป็นเลขาธิการพรรค แทนที่จะเป็นไปในรูปแบบว่า หัวหน้าพรรคเป็นคนภาคอื่น เลขาฯ ก็ต้องเป็นคนภาคใต้ตามหลักสัดส่วนของ ส.ส.ที่มีมากที่สุด เพราะผมมองว่าการเชื่อมโยงกับทุกคนหรือทุกขั้วในพรรค จำเป็นที่จะต้องประสานงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวในนามพรรคประชาธิปัตย์ คือภารกิจที่สำคัญที่สุด จึงยึดที่ตัวบุคคล มากกว่าว่าเขามาจากภาคไหน” นายกรณ์ระบุ
    อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกันแล้ว ตนกับนายชัยวุฒิยังกระดูกคนละเบอร์กับนายชวน หลีกภัย, พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หรือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งไม่สามารถแข่งหรือเทียบบารมีกับ 4 คนนี้ได้ เพราะฉะนั้นในการทำงานหรือการตัดสินใจในอนาคตทุกเรื่อง พวกเราต้องอาศัยผู้บริหารระดับสูงที่มีจำนวนมากกว่าตนกับนายชัยวุฒิ  ซึ่งแน่นอนที่สุดจะต้องอาศัยสมาชิกพรรคในเขตพื้นที่ภาคใต้จำนวนมาก ในแง่ของวัยวุฒิ คุณวุฒิ และประสบการณ์ที่ต้องขับเคลื่อนพรรคไปสู่เป้าหมายของเรา
    นายกรณ์กล่าวว่า เราต้องหยิบยกเรื่องต่างๆ มาทบทวน เช่น บทบาทของสาขาพรรค บทบาทสมาชิก ต้องทำให้เข้มแข็งหรือทำให้พรรคมีความสามารถในการแข่งขันในสนามเลือกตั้งมากขึ้น หรือว่าจะมีวิธีการอื่นในการหาพรรคหาพวก ในส่วนของประชาชนที่อยู่นอกพรรคโดยอาศัยเทคโนโลยี การมีแฟนคลับผ่านการเชื่อมโยงของโซเชียลมีเดีย อีกทั้งจากผลการเลือกตั้งและวัฒนธรรมของพรรคที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าผู้อาวุโสในพรรคจะต้องลงรับสมัครในระบบบัญชีรายชื่อ และผู้ที่มีฐานเสียงในระดับเขตและคนรุ่นใหม่ของพรรคจะต้องลงสู้ในระดับเขต ซึ่งถือเป็นเรื่องที่จะต้องหยิบยกพิจารณาว่าผู้สมัคร ส.ส. จะต้องเป็นผู้ที่เรียกคะแนนให้พรรคได้มากที่สุด ทั้งหมดนี้ต้องกลับมาทบทวนและตั้งคำถามว่าจะยึดแนวทางเดิมหรือปรับเปลี่ยนตามกติกา
    ด้านนายอภิรักษ์แสดงวิสัยทัศน์ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ถึงแม้ว่าพรรคจะมีการปรับตัวในเรื่องของการทำนโยบาย ซึ่งถือว่าตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน แต่ประชาชนกลับไม่ได้ตัดสินใจบนพื้นฐานนโยบายอย่างเดียว เพราะกระแสความเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีต่อชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ต ทำให้การรับรู้ข้อมูลข่าวสารเปลี่ยนไปมาก 
    ส่วนเหตุผลที่ตัดสินใจเข้าแข่งขัน นอกจากศรัทธาเลื่อมใสในพรรคประชาธิปัตย์แล้ว จุดเปลี่ยนสำคัญคือช่วงอายุ 12 ปี คุณแม่พาตนไปร่วมชุมนุมในเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 และเป็นภาพจำถึงการต่อสู้ของนิสิตนักศึกษา ทำให้สนใจการเมือง และได้สมัครเป็นสมาชิกพรรค ในช่วงปี 2534-2535 อีกทั้งในช่วงทำงานในภาคเอกชนก็ได้ทำงานช่วยพรรคอยู่เสมอ
          ขณะที่นายพีระพันธุ์กล่าวว่า ตนมาด้วยใจ เป็นคนหน้ากับใจที่ตรงกัน และไม่ได้รับงานมาจากใครในการลงหัวหน้าพรรคครั้งนี้ และอย่าคิดว่านายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา ที่สนับสนุนตน รับคำสั่งจากใครมา ขอให้พรรคมีความรักสามัคคี รวมพลังกันเหมือนเดิม เดิมพรรคเหมือนไม้ซุงท่อนใหญ่ แต่วันนี้เหมือนเป็นไม้ซีก ถ้าได้เป็นหัวหน้าพรรคจะทำให้ไม้ซีกกลับมาเป็นไม้ซุงเช่นเดิม และจะบริหารด้วยความเสมอภาค ส่วนเลขาธิการพรรคไม่ใช่มาเฟียของพรรรค จะบริหารแบบเพื่อนกับเพื่อน ไม่ใช่หัวหน้ากับลูกน้อง จึงขอโอกาสมาขอกู้พรรค ทั้งนี้ หากได้เป็นหัวหน้าพรรคและพรรคมีมติเข้าร่วมรัฐบาล ตนจะไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรี ที่ผ่านมาปัญหาเกิดจากการบริหารพรรคที่ผิดพลาด ไม่เป็นธรรม คนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมที่สุดเขาก็ระเบิดออกมา
      นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยภายหลังการแสดงวิสัยทัศน์ว่า  บรรยากาศในวันนี้เป็นไปด้วยดี แม้นายจุรินทร์ไม่ได้เข้าร่วมแสดงวิสัยทัศน์ สมาชิกก็ไม่ได้ติดใจอะไร โดยทั้งสามคนได้แสดงวิสัยทัศน์ไปในทิศทางเดียวกันว่าจะทำอย่างไรเพื่อนำพาพรรคไปในทิศทางไหน โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ซึ่งเป็นฐานสำคัญของพรรค แต่ครั้งนี้กลับได้ ส.ส.น้อยลงเกินครึ่ง ซึ่งผู้สมัครได้พูดถึงการเชื่อมโยงเครือข่ายต่างๆ ทั้งเรื่องอาชีพ ยาง ปาล์ม ภาคประชาสังคม ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิรักษ์ได้เขียนจดหมาย ถึงโหวตเตอร์ผู้มีสิทธิ์เลือกหัวหน้าพรรคทั้ง 307 คน พร้อมให้กรอกแบบฟอร์มว่าต้องการนายอภิรักษ์ทำอะไรบ้างใน 3 สิ่ง หากได้เป็นหัวหน้าพรรคคนต่อไป เพื่อเป็นการให้สมาชิกทุกคนมีส่วนร่วมในการเลือกหัวหน้าพรรคครั้งนี้
       โดยนายอภิรักษ์ระบุว่า ขอเรียนยืนยันความมุ่งมั่นตั้งใจจริงและความพร้อมในการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยจะนำความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่สั่งสมมาบริหารพรรคให้เป็นระบบและทันสมัย เพื่อให้เข้ากับสังคมไทยในโลกยุคใหม่ ควบคู่ไปกับการสืบสานเจตนารมณ์และอุดมการณ์ของพรรคอย่างแท้จริง ตนพร้อมจะทำงานร่วมกับทุกท่าน และขอเชิญชวนทุกท่านให้มีส่วนร่วมในการสร้างประวัติศาสตร์การเปลี่ยนแปลงของพรรคประชาธิปัตย์ในครั้งนี้  
          “ผมขอรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากทุกท่านว่า หากผมได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนต่อไป 3 สิ่งแรกที่ท่านอยากให้ผมทำเพื่อเปลี่ยนแปลงพรรคคืออะไร ผมจะอ่านทุกความคิดเห็นด้วยตัวเอง และจะนำสิ่งที่ท่านแนะนำมาพิจารณาลงมือทำ เพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์กลับมาครองใจประชาชนอีกครั้งครับ” นายอภิรักษ์ระบุ
    ส่วนนายพีระพันธุ์ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “ผมอาสาเข้ามาเพื่อฟื้นฟูและกอบกู้พรรค ไม่ใช่เพื่อแสวงหาอำนาจหรือโอกาสทางการเมือง ผมจะร่วมทำงานกับเพื่อนๆ ด้วยหัวใจเดียวกัน เราจะดูแลกันและกัน จะคล้องแขนเดินไปข้างหน้าด้วยกัน เพื่อนคนใดสะดุดล้ม เราจะช่วยกันประคองให้ลุกขึ้นและร่วมเดินไปข้างหน้าด้วยกันได้เหมือนเดิม ตำแหน่งหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค รองหัวหน้าพรรค ฯลฯ เป็นเพียงหัวโขน เราจะทำงานร่วมกันด้วยสถานะที่เท่าเทียมกัน หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคจะไม่ใช่ผู้ทรงอำนาจสูงสุดอีกต่อไป ผมจะขอยืนหยัดทำงานให้พรรคอย่างเต็มที่ เต็มกำลัง หากเพื่อนๆ มีมติให้พรรคเข้าร่วมรัฐบาล ผมจะไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรีใดๆ แต่จะขอเป็นตัวแทนประชาชนคอยดูแลพวกเราที่ไปทำงานบริหาร ให้ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ #ประเทศต้องมาก่อน #ประชาชนต้องพึ่งได้ #ไปข้างหน้าพร้อมกันกับพีระพันธุ์”
    นายราเมศ รัตนะเชวง รักษาการกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ในวันที่ 15 พ.ค.นี้ เวลา 08.00 น. พรรคจะมีการจัดประชุมใหญ่วิสามัญที่โรงแรมมิราเคิล โดยมีวาระสำคัญคือการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"