8 พ.ค. 62 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายของพรรคการเมืองขั้วตรงข้ามพรรคพลังประชารัฐ ได้ตรวจสอบการแต่งตั้ง ส.ว. โดยพบเอกสารที่เป็นปมเงื่อนสำคัญในการสรรหา ส.ว. ประเภท 194 คน ที่อาจจะขัดต่อรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ด้วยเหตุที่จะมี ส.ว. ที่รับการแต่งตั้งจำนวน 1  เป็นผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ เหมือนกับผู้สมัครส.ส.บางคนที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งวินิจฉัยเพิกถอนสิทธิการสมัคร รวมถึงกรณีผู้ได้รับการเลือกตั้งส.ส.และได้รับการประกาศรับรองผลจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไปแล้ว แต่ยังมีกรณีถูกร้องเรียนเรื่องการถือหุ้นสื่อ ซึ่งกกต.กำลังตรวจสอบอยู่ 

มีรายงานข่าวว่า ช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ผู้ที่ผ่านการสรรหา ส.ว.รอบสุดท้าย จำนวน 194 คน จาก 400 คน ได้รับ SMS จากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ไปกรอกเอกสารสำคัญครั้งสุดท้าย ก่อน จะนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ โดยผู้ได้รับการติดต่อจำนวนหนึ่งรีบไปโอนหุ้นที่ตลาดหลักทรัพย์ และแจ้งการโอนหุ้นหรือขายหุ้น หรือลาออกจากกรรมการบริษัทที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งการกระทำดังกล่าวไม่น่าจะชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เพราะก่อนหน้านี้ผู้ผ่านการสรรหารอบแรก จำนวน 400 คน ในช่วงต้นเดือนเมษายนต่างได้รับเอกสารที่เรียกว่า "ใบรับรองประวัติตนเอง" จำนวน 5 หน้า จาก คสช.  ซึ่งมีการสอบถามว่าประสงค์หรือไม่ประสงค์จะให้เสนอชื่อเข้าสู่การพิจารณาสรรหาเป็น ส.ว. หรือไม่ และยังให้กรอกรายละเอียดต่างๆ รวมทั้งเขียนเครื่องหมาย ว่าไม่มีลักษณะต้องห้ามต่างๆ ซึ่งมีเรื่องการเป็นเจ้าของหรือถือหุ้นสื่อรวมอยู่ด้วย 
    
ข่าวแจ้งว่า แม้ในใบรับรองประวัติตนเองจะระบุไว้ว่า ไม่ใช่ใบสมัคร แต่พฤติการณ์ของการตอบรับ โดยประสงค์จะได้รับการสรรหาเป็น ส.ว ก็คือการสมัครนั่นเอง และยังกาเครื่องหมายในช่องว่า  ไม่ได้มีลักษณะต้องห้ามอื่นๆอีกด้วย แต่ครั้นได้รับการติดต่อครั้งสุดท้ายว่าจะได้เป็นส.ว .กลับรีบไปดำเนินการแก้ไขโดยโอนหุ้นอย่างเร่งด่วน 
   
"การสรรหาส.ว. ในส่วน194 คน กระทำอย่างปกปิดมีเงื่อนงำมาตั้งแต่ต้น ไม่ประกาศว่าใครเป็นกรรมการบ้าง ไม่ประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อให้การสรรหาได้ผู้ที่เหมาะสมมาเป็น ส.ว. อย่างแท้จริง รัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดเจน ว่ากรรมการสรรหาจะต้องเป็นกลางทางการเมือง แต่คนเป็นประธานก็ถูกร้องเรียนว่าไม่เป็นกลางทางการเมือง นอกจากนี้กระบวนการคัดเลือกก็ไม่มีมาตรฐานตามกระแสข่าว มีพรรคพวกของ คสช. เข้ามาเป็นจำนวนมากโ ดยเฉพาะ สนช. ที่มีเครือญาติของคนมีอำนาจ เช่นน้องชายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ก็มีชื่อจะได้เป็นส.ว .ซึ่งจะเกิดประโยชน์ต่อพล.อ.ประยุทธ์ ที่จะได้เป็นนายกฯ และเกิดประโยชน์ต่อพรรคพลังประชารัฐที่กำลังจะจัดตั้งรัฐบาล เราขอให้มีการทบทวนการสรรหากันใหม่ไม่เช่นนั้น จะเป็นปัญหาหรือตราบาป ให้กลับพล.อ.ประยุทธ์ต่อไปในอนาคตอย่างแน่นอน" แหล่งข่าว ระบุ.