ว่าด้วยระบบอุปถัมภ์แบบไทยๆ


เพิ่มเพื่อน    

 ฮื่ออ์อ์อ์...เห็นว่าบรรดารัฐมนตรีนับเป็นสิบๆ ท่านพร้อมที่จะลดชั้นลงไปเป็น ส.ว. ด้วยการยื่นจดหมายลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีกันเป็นที่เรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว จนส่งผลให้การประชุม ครม.ช่วงวันอังคารที่ผ่านมา อาจถึงขั้นโหวงๆเหวงๆ เอาเลยถึงขั้นนั้น ซึ่งอันนี้...ก็คงต้องเรียกว่า ออกจะเป็นอะไรที่ เก๋ไปอีกแบบ...

                                                               ----------------------------------------------------

                คือถึงไม่ได้เป็นรัฐมนตรี...แต่ยังไม่ถึงกับต้อง กลับไปเลี้ยงหลาน ที่หลังๆ นี้มันคงแทบไม่ได้คิดสนใจคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย มากมายซักเท่าไหร่นัก แต่น่าจะหันไปสนใจประเภทไอพ่ง ไอแพด ไอฟง ไอโฟน หรือประเภทมือถง มือถือ นั่นแหละซะมากกว่า การต้องกลับไปเลี้ยงหลาน ในยุค คนรุ่นใหม่ไม่สูบบุหรี่ แถมยังอาจ ไม่นับญาติ ไม่คิดจะเรียกลุง-ป้า-น้า-อา อีกต่อไปแล้ว มันจึงออกจะเป็นอะไรที่เจ็บปวด รวดร้าว อยู่พอสมควร สู้หันมาคว้าสูท คว้าเนคไท ใส่เสื้อนอก ออกไปนั่งๆ นอนๆ หลับมั่ง-ไม่หลับมั่ง ในสภาฯ ก็น่าจะดีกว่ากันเยอะเลย...

                                                                    -------------------------------------------------

                ด้วยเหตุนี้...การที่สิบๆ รัฐมนตรี ท่านจะหวนกลับมาเป็น ส.ว. ก็ต้องถือเป็นเรื่องไม่ถึงกับน่าเกลียด น่าชัง อะไรมากมาย หรือถ้ามองในแง่บวก ก็อาจต้องถือว่า ดูน่ารักไปอีกแบบ หรือออกไปทาง ขอลุงก่อน...ลุงแก่แล้ว อะไรประมาณนั้น ส่วนนอกเหนือไปจากบรรดารัฐมนตรี จะมีใครอื่นหรือไม่ อย่างไร อันนั้น...คงต้องไปคอยฟัง คอยลุ้น กันเอาเอง แต่ในฐานะผู้ที่คุ้นเคย คุ้นชิน กับ ระบอบอุปถัมภ์ ตามแบบฉบับไทยๆ ยังไงๆ...ก็คงต้องขออนุญาต เชียร์ พรรคพวกเอาไว้ก่อน คืออย่างน้อยถ้าหากมีรายชื่อของคนอย่าง คุณน้อง เอ๋-สมชาย แสวงการ หรือคุณพี่ คำนูณ สิทธิสมาน ติดปลายนวมเอาไว้บ้างเล็กน้อย ก็ต้องถือว่าเป็นอะไรที่ชื่นมื่น ชื่นสะดือ อยู่พอสมควร...

                                                                    ------------------------------------------------

                คือถ้าว่าไปแล้ว...ไม่ว่าคุณน้อง เอ๋ หรือคุณพี่ คำนูณ ท่านค่อนข้างทำงานคุ้มกับมูลค่าภาษี ที่บรรดาปวงชนชาวไทยร่วมจ่ายให้แบบชนิดคุ้มแสนคุ้ม หรือ เกินคุ้ม เอาเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะคุณน้อง เอ๋ นั้น...แม้ว่าในช่วงที่เคยเห็นหน้า เห็นตา กันมาบ้างท่านออกจะเรียบๆ เฉยๆ ไม่ถึงกับแสดงสีสันอะไรออกมามากมาย กิริยาอาการก็ออกไปทางพับเพียบ เรียบร้อย น่ารัก น่าใคร่ สำหรับผู้พบเห็นและคบหามาโดยตลอด แต่พอมีจังหวะได้ก้าวขึ้นมาเป็น ส. อะไรทั้งหลาย จะเป็น สนช. หรือ ส.ว. หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่เรียกไม่ค่อยจะถูก เพราะมันเยอะแยะซะเหลือเกิน ท่านกลับเป็นอะไรที่ จี๊ดๆ จ๊าดๆ ช่วยชาติ ช่วยบ้านเมือง โดยเฉพาะในช่วงหน้าข้าว-หน้าเหล้า หน้าสิ่ว-หน้าขวาน ได้อย่างแทบต้องชักม้าไปดูตัว เอาเลยถึงขั้นนั้น...

                                                                    ---------------------------------------------------

                เช่นเดียวกับ...คุณพี่ คำนูณ ที่ช่วงจังหวะที่พอมีโอกาสเห็นหน้า เห็นตา ท่านออกจะเป็นอะไรที่นุ่มนิ่ม ละมุน ละไม ซะเหลือเกิน แต่พอได้ช่อง ได้จังหวะ ได้มีโอกาสชำแรก แทรมซึม เข้าไปในเวทีรัฐสภา แทบไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าอะไรจะเฉียบขาด เฉียบคมแสบสัน แสบไส้ เท่านี้ย่อมไม่มีอีกแล้ว ความรู้ทางตัวบท กฎหมาย ที่เคยดองเค็มเอาไว้นาน หลังจากเรียนจบธรรมศาสตร์ แต่แทบไม่มีโอกาสงัดออกมาใช้ ขณะที่ต้องหาข่าว ทำข่าว ค่อยๆ ทะลักควั่งพรู กรูนรกและสวรรค์ ทั้งตีความ แปลความ กฎหมายในแต่ละวรรค แต่ละมาตรา แบบชนิดฉับๆๆ กลายเป็น ดาวสภาฯ ในยุคที่สภาฯ ต้องอาศัยการลากตั้ง ไม่ใช่เลือกตั้ง หรือเป็นอะไรที่คุ้มค่า คุ้มราคา กับเม็ดเงินภาษีราษฎร อย่างไม่ต้องเสียเวลาทวงคืนเอาเลยแม้แต่น้อย...

                                                                     ----------------------------------------------------

                แต่ก็นั่นแหละ...ทั้งคุณพี่ คำนูณ และคุณน้อง เอ๋ จะมีโอกาสชำแรก แทรกซึม สอดแทรกเข้ามาเป็น ส.ว. เบียดชิงเก้าอี้กับบรรดาระดับรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรี ของรัฐบาล คสช.ได้หรือไม่ จะสามารถฝ่าด่าน เพื่อน-พ้อง-น้อง-พี่  ของบรรดาข้าราชการพลเรือน-ตำรวจ-ทหาร ไปจนถึงอภิมหาพ่อค้ารายใหญ่ๆ ได้เพียงใด อันนั้น...ก็คงต้องปล่อยให้เป็นบุญและวาสนา ตั้งแต่ชาติปางก่อน บวกผสมกับชาตินี้ เพราะงานนี้...แต่ละคน แต่ละราย ล้วนแล้วแต่ เบ้งๆ ไปด้วยกันทั้งนั้น แต่ก็อย่างที่ว่าเอาไว้แล้วนั่นแหละว่า ภายใต้ ระบบอุปถัมภ์ แบบไทยๆ ยังไงๆ...คงต้องขออนุญาต เชียร์ พรรคพวกเอาไว้ก่อน ได้-ไม่ได้...ค่อยเลี้ยงส่ง เลี้ยงต้อนรับ เลี้ยงอำลา-อาลัย กันอีกที...

                                                                      ---------------------------------------------------------

                อย่างไรก็ตาม...แม้ว่าระบบอุปถัมภ์แบบไทยๆ มันอาจส่งผลให้ต้องปวดเศียร เวียนเกล้า กันมาโดยตลอด แต่มันก็น่าจะยังพอมี ขีดจำกัด ของมันอยู่บ้าง คือมันไม่ถึงกับอุปถัมภ์กันชนิดที่ไม่จำเป็นต้องสนใจว่าอะไรดี-อะไรชั่ว อะไรคือธรรมะ อะไรคืออธรรม เพราะอย่างน้อย...โดยสิ่งที่เรียกว่า วัฒนธรรม-ประเพณี นั่นแหละ ที่ยังพอช่วยสร้างกรอบ ช่วยขีดเส้นแบ่ง ให้พอรับรู้ได้บ้างว่าอะไรถูก-อะไรผิด อะไรควร-อะไรไม่ควร คือเมื่อไหร่ที่มันเกิดอาการ เลยขีดจำกัด อุปถัมภ์กันในหมู่คนชั่ว จนแทบไม่ต้องสนใจกรอบและกฎเกณฑ์ใดๆ เกิดการข้ามเส้น ไปสู่สิ่งที่ อันตราย ต่อชาติ บ้านเมือง ต่อศาสนาหรือพระมหากษัตริย์ มันก็เลยเกิดการเปลี่ยนค่าย ย้ายค่าย เปลี่ยนข้าง ย้ายข้าง จนผู้ที่เคยเป็น ผู้อุปถัมภ์ เองนั่นแหละ ต้องหงายหลังตึง น็อกกลางอากาศ ไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี กลายเป็น สัมภเวสี ที่ต้องร่อนเร่ พเนจร ต่อไปเรื่อยๆ ดังนั้น...ก็เอาเถอะ จะอุปถัมภ์ ค้ำชู กันในแบบไหน อย่างไรก็แล้วแต่ แต่อย่างน้อย...ก็พึงระลึกถึง คำพูดศักดิ์สิทธิ์ เอาไว้ด้วยว่า ในบ้านเมืองนั้น ย่อมมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อย จึงไม่ใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้

                                                                          -------------------------------------------------------

                ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Confucius (อีกครั้ง)... Men’s natures are alike; it is their habits that carry them far apart.- ธรรมชาติของมนุษย์นั้นเหมือนกัน แต่อุปนิสัย ใจคอ ต่างหาก ที่ทำให้เขาต้องแยกห่างออกจากกัน...

                                                                           ------------------------------------------------------

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"