กล่าวกันว่า โรคอัลไซเมอร์ หรือภาวะสมองเสื่อมนั้น คนเป็นไม่ทุกข์ แต่คนไม่เป็นทุกข์ เพราะเมื่อใครเป็นโรคนี้ก็จะจำอะไรไม่ได้ ในขณะที่ผู้ที่ดูแลนั้นจะรู้สึกว่า ทำไมกลายเป็นอย่างนี้ไปได้ จนก่อให้เกิดปัญหาในครอบครัวของผู้ป่วยโรคนี้อยู่เป็นเนืองๆ ฉะนั้นการป้องกันหรือเรียนรู้การชะลอโรคที่ทำให้เกิดทุกข์สำหรับคนข้างหลังอันเป็นที่รัก น่าจะเป็นทางที่เราไม่ควรมองข้าม
นพ.ปานเนตร ปางพุฒิพงศ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โรคอัลไซเมอร์คือภาวะสมองเสื่อมที่พบมากที่สุด เกิดจากการฝ่อตัวของสมอง ซึ่งส่งผลกระทบต่อโครงสร้างและการทำงานของสมองบริเวณนั้นๆ นอกจากนี้ยังพบว่าเส้นเลือดในสมองค่อยๆ ถูกทำลาย ส่งผลให้ประสิทธิภาพของเซลล์ประสาทลดลงและถูกทำลายทีละน้อย จนแพร่กระจายไปสู่สมองหลายๆ ส่วน โดยเฉพาะสมองที่ทำหน้าที่ควบคุมความคิด ความทรงจำ และการใช้ภาษา อาการของโรคอัลไซเมอร์ในระยะเริ่มต้นจะเริ่มจากการหลงลืมที่ไม่รุนแรง เช่น ลืมบทสนทนาหรือเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น วางของในที่ที่ไม่น่าจะไปวางไว้ ทำอะไรซ้ำๆ หลายครั้ง อารมณ์แปรปรวน ระยะกลางคือผู้ป่วยจะยิ่งมีปัญหาด้านความทรงจำ จำชื่อของคนรู้จักไม่ได้ ทำกิจวัตรประจำวันที่มีหลายขั้นตอนได้ยากขึ้น
ระยะสุดท้ายเป็นระยะที่อาการของโรครุนแรงมากขึ้น โดยมีอาการประสาทหลอน อาละวาด เรียกร้องความสนใจ น้ำหนักลด มีอาการชัก บางครั้งอาการของโรคที่แย่ลงอย่างกะทันหัน อาจมีผลมาจากการใช้ยา การติดเชื้อ โรคหลอดเลือดในสมอง ทั้งนี้ ปัญหาเกี่ยวกับความทรงจำอาจไม่ได้มีสาเหตุมาจากโรคสมองเสื่อมเพียงอย่างเดียว แต่อาจเกิดขึ้นได้จากภาวะซึมเศร้า ความเครียด ผลข้างเคียงจากยารักษาโรค หรือปัญหาสุขภาพอื่นๆ ซึ่งแพทย์จะสามารถช่วยตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุของอาการที่เกิดขึ้นได้
นพ.ประพันธ์ พงศ์คณิตานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันเวชศาสตร์สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรเพื่อผู้สูงอายุ กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การรักษาโรคอัลไซเมอร์ในปัจจุบันมีเพียงการใช้ยารักษาและการดูแลที่จะช่วยบรรเทาอาการด้านความคิดและพฤติกรรมของผู้ป่วยได้เพียงชั่วคราว หรืออาจช่วยให้พัฒนาการของโรคช้าลงได้ในบางราย โดยการดูแลรักษา ได้แก่
1.การวางแผนดูแลผู้ป่วย โดยแพทย์ร่วมกับสาขาวิชาชีพอื่นๆ ซึ่งจะมีการพูดคุยสอบถามถึงสิ่งที่ผู้ป่วยหรือผู้ดูแลอาจต้องการความช่วยเหลือ 2 สร้างสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับผู้ป่วย มีการปรับสภาพแวดล้อมในการใช้ชีวิต รวมทั้งการสร้างนิสัยและกิจวัตรประจำวันที่ไม่จำเป็นต้องใช้การนึกหรือจำอาจทำให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น 3.การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพและควรปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ โดยอาจให้ผู้ป่วยเดินเป็นประจำทุกๆ วันเพื่อปรับอารมณ์ให้ดีขึ้น สำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านการเดินอาจขี่จักรยานอยู่กับที่ หรือออกกำลังกายโดยนั่งบนเก้าอี้แทน
4.การรับประทานอาหาร ควรเสริมด้วยน้ำปั่นจากผลไม้ผสมนมหรือโยเกิร์ตที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ มีแคลอรีสูง และอาจเพิ่มผงโปรตีนผสมลงไป หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน 5.การใช้ยารักษา แพทย์จะสั่งจ่ายยาเพื่อช่วยบรรเทาอาการบางชนิดและชะลอการพัฒนาของโรค 6.การบำบัดทางจิต โดยนักจิตวิทยา เช่น การกระตุ้นสมองช่วยปรับปรุงความสามารถด้านความทรงจำ ความสามารถทางภาษา และทักษะการแก้ปัญหา รวมทั้งการบำบัดด้วยการปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม ดนตรีบำบัด ศิลปะบำบัด
สาเหตุการเกิดโรคอัลไซเมอร์ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดจึงยังไม่มีวิธีป้องกันการเกิดโรค แต่ยังมีวิธีที่อาจช่วยชะลอการเริ่มต้นของโรคด้วยการปฏิบัติ ดังนี้ เลิกสูบบุหรี่ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หมั่นออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที ใน 5 วันต่อสัปดาห์ ควบคุมระดับความดันโลหิต และที่สำคัญควรฝึกการทำงานของสมอง เช่น อ่านหนังสือ เล่นดนตรี เล่นกีฬา เป็นต้น.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |