7 พ.ค.62-  ดร.รยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองในตอนนี้ต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด เรื่องสำคัญๆ ที่จะส่งผลต่อเนื่องกับสถานการณ์การเมืองไทย นับจากนี้ไปจะมีขึ้นทุกวัน ซึ่งในวันสองวันนี้ก็คงมีการประกาศรับรอง ส.ส. จากนั้นอีกไม่กี่วันเราคงจะเห็นความชัดเจน การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ว่าใครจะเป็นผู้รวบรวมเสียงได้มากที่สุดในสภาผู้แทนราษฎร หรือสภาล่าง 

อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าชื่อนายกรัฐมนตรี ขั้วรัฐบาลใหม่ มิได้ตัดสินด้วยผลการรวบรวม ส.ส. แต่ยังมีวุฒิสภา หรือ ส.ว. อีก  250 เสียง ที่สามารถยกมือเลือกนายกรัฐมนตรีได้ ซึ่งหลายฝ่ายได้วิเคราะห์ไว้ถึงจุดเปลี่ยนการเมืองไทย ขั้วใดจะเป็นรัฐบาล ก็อยู่ที่การยกมือของ ส.ว.นี่เอง จากการเปิดเผยคร่าวๆ ของแต่ละขั้วพรรคการเมือง คะแนนเสียงของแต่ละขั้ว ไม่ว่าใครจะได้เป็นรัฐบาล ค่อนข้างปริ่มน้ำ และแนวโน้มที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ จากการยกมือของ ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช. เป็นไปได้สูง ซึ่งก็เป็นไปตามที่หลายฝ่ายได้วิพากษ์ วิจารณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ถึงความพยายามสืบทอดอำนาจ 

ดร.รยุศด์ กล่าวอีกว่า เมื่อคะแนนเสียงฝ่ายประชาธิปไตย ค่อนข้างสุ่มเสี่ยง ก้ำกึ่ง ไม่นับรวมว่าจะมีใครที่เป็นงูเห่า ถูกซื้อตัวไปอีกหรือไม่ อย่างน้อยขอให้ฝ่ายประชาธิปไตย รวบรวมให้ได้เกิน 251 เสียง รักษาทุกเสียงที่เคยรวบรวมไว้ให้ได้ เพื่อสร้างความชอบธรรมทางการเมือง และสร้างความได้เปรียบในสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงรัฐสภา ด้วยการรวบรวมเสียงให้ได้เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร ยกมือให้กับคนของฝ่ายประชาธิปไตยได้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทั้งนี้ก็จะรวมถึงการเป็นประธานรัฐสภาอีกด้วย อย่างน้อยแม้นายกรัฐมนตรีจะอยู่ในฝ่ายสืบทอดอำนาจ ก็ขอให้ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติเป็นคนฝ่ายประชาธิปไตย เพื่อลดทอนไม่ให้ คสช. ต้องผูกขาดและสืบทอดอำนาจได้อย่างเบ็ดเสร็จทั้งในฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ