เมื่อคิมน้อยกลับมาอาละวาด!


เพิ่มเพื่อน    

                 มาแล้วครับ...คิม จองอึน กลับมาอาละวาดอีกแล้วครับ

                เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาสื่อทางการของเกาหลีเหนือออกข่าวว่า ท่านผู้นำคิม จองอึน ได้ออกงานเพื่อกำกับการทดลอง “เครื่องยิงจรวด” ที่คิดค้นใหม่หลายประเภท”

                อีกทั้งยังไปตรวจงานการทดลองยิง “ขีปนาวุธพิสัยใกล้” ชุดหนึ่งออกจากฐานทัพทางตะวันออกของประเทศลงไปในทะเล

                สองภาพนี้มาจากสำนักข่าวกลางของเกาหลีเหนือเอง เป็นการยืนยันว่า คิม จองอึน ต้องการให้ชาวโลกได้รับทราบว่าเขากำลังจะส่งสัญญาณอะไรไปถึงโดนัลด์ ทรัมป์

                ขีปนาวุธชุดนี้บินไกลตั้งแต่ระยะ 70 ถึง 200 กิโลเมตร ทำให้เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้กับสหรัฐต้องร่วมกันสอบสวนเรื่องนี้โดยพลัน เพราะเกาหลีเหนือไม่ได้ยิงขีปนาวุธมาระยะหนึ่งแล้ว หลังจากที่คิม จองอึน กับโดนัลด์ ทรัมป์ นัดประชุมสุดยอดกันสองรอบที่สิงคโปร์และฮานอยตามลำดับ

                แต่เมื่อการพบปะระดับสูงสุดของสองประเทศไม่เกิดผล คิม จองอึน ก็ประกาศว่าจะกลับไปพัฒนาอาวุธร้ายแรงต่อ เพราะนั่นเป็นเครื่องมือต่อรองที่เปียงยางมีกับสหรัฐ

                ต้องไม่ลืมว่าเกาหลีเหนือได้เคยประกาศความสำเร็จในการทดลองขีปนาวุธทันสมัยมาก่อนหน้านี้แล้ว ถึงขั้นที่อ้างว่าสามารถพัฒนา “ขีปนาวุธข้ามทวีป” ได้แล้ว

                ก่อนทรัมป์นัดเจอคิมที่สิงคโปร์นั้น เกาหลีเหนือก็บอกว่าขีปนาวุธ Hwasong-15 ที่ทดลองเมื่อเดือนพฤศจิกายนนั้นสามารถยิงได้ไกลถึงสหรัฐแล้ว

                การทดลองขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือแม้จะเป็นขนาดเล็ก แต่ก็สะท้อนว่าคิมกำลังต้องการจะส่งสัญญาณถึงทรัมป์และประชาคมโลกว่าเกาหลีเหนือจะไม่ยอมอ่อนข้อต่อสหรัฐในการเจรจาเป็นอันขาด

                เมื่อวอชิงตันไม่ยอมผ่อนปรนการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ เปียงยางก็จะไม่ถอยเรื่องการพัฒนานิวเคลียร์ ไม่ว่าคิมกับทรัมป์จะพูดจาภาษาดอกไม้ต่อกันในที่สาธารณะอย่างไรก็ตาม

                คิมหงุดหงิดถึงขั้นประกาศว่าจะไม่ยอมคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ไมค์ ปอมปิโอ และที่ปรึกษาความมั่นคง ยอห์น โบลตัน เพราะ “ขาดวุฒิภาวะ” ในการสื่อสารกับเกาหลีเหนือ

                พูดง่ายๆ คือพูดกันไม่รู้เรื่อง

                ขณะเดียวกันคิมก็สั่งปลดมือขวาของตนที่เคยเป็นผู้ประสานการเจรจากับสหรัฐ คิม ยองโชล อาจจะเป็นเพราะคิมเห็นว่าการต่อรองเจรจาที่ผ่านมาไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร

                วันเดียวกับที่เกาหลีเหนือทดลองขีปนาวุธพิสัยใกล้อีกครั้ง ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่มีข่าวว่าประชาชนของประเทศนั้นจำนวนมากกำลังเผชิญกับความหิวโหยที่หนักหน่วงขึ้น เพราะผลผลิตด้านการเกษตรย่ำแย่ลง โครงการอาหารของสหประชาชาติประเมินว่าคนเกาหลีเหนือประมาณ 10.1 ล้านคน กำลังตกอยู่ในสภาพ “ขาดแคลนอาหาร”

                ที่อาหารการกินของคนเกาหลีเหนือมีปัญหารุนแรงขึ้นนั้นมีสาเหตุสำคัญสองประการ คือธรรมชาติและการเมืองระหว่างประเทศ

                สภาพอากาศที่โหดร้าย เริ่มด้วยฝนไม่ตกตามฤดูกาล, คลื่นความร้อนที่รุนแรงกว่าที่ผ่านมาและซ้ำเติมด้วยน้ำท่วม

                และมาตรการการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของสหประชาชาติที่มีสหรัฐเป็นแกนนำ

                สหประชาชาติประเมินว่าคนเกาหลีเหนือขาดแคลนอาหารพื้นฐานไม่ต่ำกว่า 1.36 ล้านตัน

                โดยเฉลี่ยแล้วคนเกาหลีเหนือส่วนใหญ่มีอาหารเข้าถึงปากเพียงวันละ 300 กรัมต่อคนเท่านั้น ถือว่าเข้าขั้นวิกฤติสำหรับมาตรฐานปกติของโลกทีเดียว

                ก่อนหน้านี้ ผู้คนของประเทศนี้จะต้องเข้าสู่การ “ปันส่วนอาหาร” ก็เฉพาะใน “ฤดูผลผลิตต่ำ” นั่นก็คือในช่วงหลายเดือนก่อนฤดูเก็บเกี่ยว

                แต่เมื่อคำว่า “ฤดูเก็บเกี่ยว” ก็ไม่มีความหวังอะไร จึงทำให้กลายเป็นวิกฤติแห่งการดำรงชีพประจำวันตลอดปี

                สหประชาชาติประเมินว่า ร้อยละ 70% ของคนเกาหลีเหนือต้องพึ่งพาการปันส่วนอาหาร ซึ่งก็หดหายลงไปเรื่อยๆ

                จากที่เคยได้รับปันส่วนอาหารหัวละ 550 กรัม เมื่อปีที่แล้ว ก็ลดลงมาเหลือเพียง 300 กรัม

                และมีความหวั่นเกรงกันว่าหากสถานการณ์เรื่องอาหารไม่กระเตื้องขึ้น ปริมาณอาหารที่ทางการจะจัดสรรให้ชาวบ้านอาจจะลดลงไปอีก

                เพราะนับจากวันนี้ กว่าฤดูเก็บเกี่ยวจะมาถึงอีกรอบก็ยาวนานถึง 6 เดือนเป็นอย่างน้อย

                เด็ก, ผู้หญิงท้องและคนแก่คือเหยื่อกลุ่มแรกๆ ของความไม่ปกติเยี่ยงนี้

                โครงการอาหารโลกของยูเอ็น หรือ UN World Food Programme (WFP) บอกว่าตัวเลขทางการชี้ว่า ณ วันนี้มีผู้หญิงและเด็กที่ได้รับความช่วยเหลือเรื่องอาหารมีอยู่ไม่น้อยกว่า 770,000 ราย

                แต่ใครจะรู้ว่าจำนวนคนที่กำลังเผชิญกับวิกฤติด้านอาหารในเกาหลีเหนือที่ไม่มีใครเข้าถึงได้ยังมีอีกเท่าไหร่

                คิม จองอึน เล่นเกมการต่อรองที่เอาความอยู่รอดของประชาชนเป็นเดิมพัน เขาอาจต้องการฟ้องชาวโลกว่าสหรัฐกำลังทำให้คนเกาหลีเหนืออดตายด้วยนโยบายคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ

                แน่นอน ทรัมป์ก็กำลังชี้นิ้วไปที่คิมว่า “คุณมีเงินพัฒนานิวเคลียร์ แต่ไม่มีสตางค์ซื้อข้าวให้ประชาชนกินกระนั้นหรือ”

                ท้ายสุดชาวบ้านตาดำๆ ก็คือเหยื่อของการเมืองทั้งในประเทศและระหว่างประเทศนั่นเอง.

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"