สุจริตคือเกราะบังศาสตร์พ้อง


เพิ่มเพื่อน    

 ผ่านพ้นพระราชพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ อันเป็นมิ่งมงคล เป็นเกียรติยศของประเทศไปเรียบร้อยแล้ว...นับจากนี้ คงหนีไม่พ้นที่จะต้องกลับมาปวดหัวกันต่อ เริ่มจากอีกวัน-สองวันข้างหน้านี้ เมื่อ กกต. ท่านจำต้องเปิดผอบเพื่อพบนางโมรา หรือจะพบโจรป่าก็แล้วแต่ มันจะส่งผลให้นักร้อง นักรัก นักด่า ฯลฯ หรือนักอะไรก็แล้วแต่ จะออกมาสาดสากกะเบือบินเข้าใส่ ในรูปไหน แบบไหน ก็ยังมิอาจสรุปได้ชัดเจน...

                                                                       --------------------------------------------

                แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...อะไรต่อมิอะไรที่เคยยักตื้น-ติดกึก ยักลึก-ติดกัก กันมาตั้งแต่การเลือกตั้งเดือนมีนาคมได้ผ่านพ้นไปแล้ว มาถึงเดือนพฤษภาฯ ใกล้จะย่างเข้าสู่เขตฤดูฝนพรำกันอีกไม่นาน-ไม่ช้า มันคงต้องยักย้าย ถ่ายเท ต้องขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวกันไปตามสภาพ ท่ามกลางเสียง อ๊บๆ หรือเสียงร้องของกบ ที่คงต้องดังเซ็งแซ่อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ ไม่ว่าจะร้องเพราะท้องมันปวด ไม่ว่าจะปวดเพราะกินข้าวดิบ ไม่ว่าข้าวดิบเพราะไฟมันดับ ไม่ว่าไฟดับเพราะฝนมันตก อันย่อมถือเป็น ข้อเท็จจริงทางการเมือง ตามแบบฉบับไทยๆ ซึ่งคงต้องวนมา-วนไป กันในแนวนี้นั่นแหละทั่น...

                                                                         --------------------------------------------

                การหาทางขยับเขยื้อน เคลื่อนไหว เพื่อให้ พ้นน้ำ  หรือ ปริ่มน้ำ ของพรรคการเมืองที่จะเข้ามาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ยังไงๆ ก็คงต้องส่งผลให้ น้ำกระฉอก หรือ น้ำบาน อย่างมิอาจปฏิเสธได้ เพียงแต่จะหาทางควบคุมให้มันค่อยๆ แย้ม ค่อยๆ บาน แบบดอกไม้สยายกลีบ หรือจะให้มันบานแบบริดสีดวงทวารบานทะโรค นั่งไม่ได้ ได้แต่ยืน เพราะลมมันเย็น อันนั้น...ไม่เพียงแต่ขึ้นอยู่กับศิลปะ ลีลา ขึ้นอยู่กับฝีมือ ความสามารถของ ผู้จัดการรัฐบาล ซึ่งจะเป็นใครก็ยังไม่รู้ แต่ยังต้องขึ้นอยู่กับ ความชอบธรรมทางการเมือง ที่จะต้องหาทางประคับประคอง ไม่ให้มันลดน้อยถอยลง จนไม่เหลือติดปลายนวมเอาไว้เลย...

                                                                         -----------------------------------------------

                และเมื่อนำเอา 2 อย่างเข้ามาเป็นองค์ประกอบ...ผู้ที่มีขีดความสามารถ หรือพรรคที่มีขีดความสามารถพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลภายใต้ภาวะเช่นนี้ได้ ก็คงหนีไม่พ้นผู้หรือพรรคที่สนับสนุนท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ให้กลับมาเป็นนายกฯอีกคำรบหนึ่งนั่นแหละ ที่น่าจะมีความเป็นไปได้มากที่สุด เพราะไม่ว่าในเรื่องขีดความสามารถในการระดม กบ แต่ละตัว หรือแต่ละพรรค ให้ร้อง อ๊บๆ ไปในแนวเดียวกัน ย่อมเหนือกว่าใครๆ หรือพรรคใดๆ ไปด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะโดยศิลปะ ลีลา ของการดูด การอม ไปจนถึงการมีวุฒิสมาชิกอีกถึง 250 รายตุนไว้ในกระเป๋า โอกาสที่ กบ  จำนวนเกินกว่า 375 ตัว จะส่งเสียงร้อง ตู่ๆ แทน อ๊บๆ  ดังเซ็งแซ่ สนั่นลั่นเลื่อนไปทั้งสองสภาฯ ย่อมพอจะเห็นๆกันอยู่ได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์...

                                                                            -----------------------------------------------

                แต่ในเรื่องของ ความชอบธรรมทางการเมือง นั้น...อันนี้นี่แหละ ที่คงต้องขยันสร้าง ขยันสะสม เพิ่มเติม ให้มากๆ เข้าไว้ เพราะโดยตลอดช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา คงต้องยอมรับว่า... ตู่ใช้กองหนุนไปแทบหมดแล้ว แถมบางรายยังแปรสภาพกลายไปเป็น กองหลอน กันซะอีกต่างหาก การหาทางเพิ่ม ความชอบธรรมทางการเมือง ให้มากๆ เข้าไว้ จึงถือเป็นวาระด่วน หรือวาระแห่งชาติ ที่ผู้จัดการรัฐบาลจะต้องหันมาให้ความสำคัญให้มากๆ เข้าไว้ และอันที่จริงก็ไม่ใช่ถึงกับเป็นเรื่องยุ่งยาก ซับซ้อน ชนิดต้องออกเหงื่อ ออกแรง อะไรกันมากมาย เพียงแค่มุ่งมั่น ตั้งใจ เพียรพยายามเดินตาม แนวทาง ที่องค์พระมหากษัตริย์ทั้งสอง ไม่ว่าล้นเกล้ารัชกาลที่ 9 หรือในหลวงรัชกาลที่ 10 ได้ทรงวางเอาไว้เป็น ยุทธศาสตร์ มาโดยตลอดนั่นเอง คือ การครองแผ่นดินโดยธรรม หรือการเดินไปตามครรลอง-คลองธรรม อาศัย ธรรมะ เป็นพื้นฐานในการแยกแยะ พิจารณา ไปในทุกเรื่อง ทุกกรณี นั่นเอง...

                                                                             --------------------------------------------------

                อะไรที่มันไม่ออกไปทาง ธรรมะ ก็อย่าไป ทำ ให้มันต้องกลายเป็นเรื่อง เป็นราว เกิดเรื่อง เกิดราว โดยใช่เหตุ อะไรที่ออกไปทาง อธรรม ก็พึงลด-ละ-เลิก ให้มันเหลืออยู่น้อยที่สุดเท่าที่จะน้อยได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของ ความซื่อสัตย์-สุจริต นั่นแหละ ถือเป็นเรื่องสำคัญเอามากๆ คือเก่ง-ไม่เก่ง ฉลาด-ไม่ฉลาด ยังไม่ถึงกับเป็น อันตราย มากมายซักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากดัน โกง ซะอย่างแล้ว ต้องเร่งหาทางถีบทิ้ง หรือถีบออกห่างๆ โดยไว เพราะโอกาสที่จะเกิดอาการ เปรี้ยงๆ ดังเสียงฟ้าฟาด-โครมๆ พินาศพังสลอน เกิดรายการ น็อกกลางอากาศ  ชนิดไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี-หนีไม่พ้น ต้องนอนมาอยู่บนเมรุ รอวันเวลาสวดกุศลาธัมมา-อกุศลาธัมมา แค่ 3 จบ ก็เผาหลอก เผาจริง ได้ทันที ย่อมมีโอกาสเป็นไปได้สูงเอามากๆ...

                                                                          -----------------------------------------------------

                ด้วยเหตุเพราะ เหนือฟ้า-ยังมีฟ้า...เหนือนภา-ยังมีอากาศ...เหนือกระดาษ-ยังมีซาลาเปา นั่นเอง อะไรที่ไม่ถูกต้อง ชอบธรรม ไม่เป็นไปตามครรลอง คลองธรรม แม้จะอาศัยความเก่ง ความฉลาด ความสามารถในการลับ-ลวง-ครางง์ง์ง์กันไปถึงขั้นไหน แต่ถ้าลองไม่ ซื่อสัตย์-สุจริต ซะอย่าง ก็เตรียมจองเมรุ จองศาลาเอาไว้ได้เลย เผลอๆ อาจจะสวดได้แค่ 3 วัน ไม่ถึง 7 วันเอาเลยก็ไม่แน่ ดังนั้น...ไม่ว่าจะต้องยักย้าย ถ่ายเท เพื่อให้พ้นภาวะการยักตื้น-ติดกึก ยักลึก-ติดกัก ไปในแนวไหน พึงต้องท่องคาถาศักดิ์สิทธิ์ว่าด้วยความ ซื่อสัตย์-สุจริต เอาไว้ชนิดวันละ 3 เวลาหลังอาหาร เพราะมีแต่สิ่งนี้เท่านั้นที่จะกลายเป็น เกราะบังศาสตร์พ้อง สามารถนำไปสู่การ อยู่ยาวว์ว์ว์ ได้ตามที่ปรารถนาและต้องการ...

                                                                            ----------------------------------------------------

                ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Paul Dickson... Integrity is like oxygen. The higher you go, the less there is of it. – ความซื่อสัตย์ มั่นคงนั้น...เปรียบประดุจก๊าซออกซิเจน ยิ่งท่านอยู่สูงขึ้นไปเท่าไหร่ ก็ยิ่งเหลืออยู่น้อยลงยิ่งขึ้นไปเท่านั้น...

                                                                             ----------------------------------------------------

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"