ธรรมะกับทิศทางประเทศไทย


เพิ่มเพื่อน    

      พระปฐมบรมราชโองการของในหลวงรัชกาลที่ 10 เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ว่าด้วย เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป แม้จะดูสั้นๆ เรียบๆ ง่ายๆ แต่สะท้อนความหมายในระดับกว้างขวาง ลึกซึ้ง ชี้ทิศทางอันยาวไกล แจ่มแจ้ง ชัดเจน ชนิดแทบไม่ต้องเสียเวลาตีความ แปลความใดๆ อีกต่อไป...

                                                            --------------------------------------------------

      คือสิ่งใดๆ ที่ล้นเกล้าในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ทรงมุ่งประพฤติ ปฏิบัติ เพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยาม อันเป็นสิ่งที่ได้รับการพิสูจน์ ยืนยัน มาโดยตลอด ไม่เพียงแต่จะได้รับการปกปัก รักษา ให้ดำรงคงอยู่ต่อไปเท่านั้น แต่ยังจะได้รับการพัฒนาให้สืบเนื่องต่อไป และตลอดไป โดยพระปฐมบรมราชโองการที่ว่านี้ ว่าไปแล้ว...แทบไม่ต่างอะไรไปจาก สัญญาประชาคม หรือเป็นการแสดงออกถึงสายใยความผูกพันระหว่างพระมหากษัตริย์กับบรรดาพสกนิกรของพระองค์ ว่าจะเป็นไปในทิศทางที่ว่า เป็น ราชประชาสมาสัย ที่จะดำรง คงอยู่ ต่อไป อย่างไม่มีวันบิดเบน และเปลี่ยนแปร...

                                                              -----------------------------------------------------

      ด้วยเหตุนี้...จึงแทบไม่ต้องเสียเวลาแปลความ ตีความใดๆ ให้ต้องซับซ้อน ซ่อนเงื่อน โดยใช่เหตุ อาศัยสิ่งที่เรียกว่า ธรรม นั่นแหละเป็นเครื่องยึดถือ แทนการวิเคราะห์ ตีความ อะไรต่อมิอะไรไปตามเรื่อง ตามราว ด้วย ทศพิธราชธรรม อันเป็นธรรมะขั้นพื้นฐานแห่งองค์พระมหากษัตริย์ และด้วย ศีลธรรม โดยทั่วไป อันเป็นธรรมะขั้นพื้นฐานสำหรับบรรดาปวงชนทั้งหลาย ภายใต้สายใยแห่งความผูกพัน ภายใต้ราชประชาสมาสัย ระหว่างพระมหากษัตริย์กับราษฎรที่เป็นไปเช่นนี้ ย่อมต้องนำประโยชน์สุขมาให้กับประเทศชาติ บ้านเมือง ให้กับผู้คนทั่วทั้งสังคมได้อย่างเป็นจริง เป็นจัง...

                                                                ------------------------------------------------------

      ดังนั้น...บรรดาราษฎร พสกนิกร อย่างเราๆ-ทั่นๆ ทั้งหลาย พึงต้องหันมายึดมั่นในสิ่งที่เรียกว่า ธรรมะ เอาไว้ซะแต่เนิ่นๆ ไม่ว่าในฐานะสิ่งที่ถือเป็นสายใย ผูกพัน ตามแบบฉบับราชประชาสมาสัย หรือในฐานะสิ่งที่เป็นเครื่องแสดงออกถึงความจงรัก ภักดี ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างแท้จริง อะไรที่ไม่ได้เป็นไปตามครรลอง-คลองธรรม ไม่ได้มี ธรรมะ รองรับเอาไว้เป็นพื้นฐานแม้แต่เล็กๆ น้อยๆ ก็คงต้องหาทางลด-ละ-เลิก ให้ลดน้อยลงไปที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะตลอดช่วงรัชกาลที่ 9 ที่ผ่านมา แม้ว่าองค์พระมหากษัตริย์ท่านจะได้พิสูจน์แล้ว ยืนยันแล้ว ถึงการยึดมั่นในสายใยผูกพันที่ว่า แต่ด้วยเหตุเพราะ ธรรมะ ในหมู่ราษฎรทั้งหลาย ยังอาจผิดๆ เพี้ยนๆ เบี่ยงเบนไปตามสภาพ อุปสรรคอันเป็นเครื่องกีดขวาง ประโยชน์สุขต่างๆ ของประเทศชาติ บ้านเมือง มันจึงปรากฏให้เห็นไปเป็นช่วง เป็นระยะ...

                                                                    -----------------------------------------------------

      และเท่าที่ผ่านมา...บ้านเรา เมืองเรา ก็เหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า กันมาพอสมควรแล้ว ซึ่งก็ไม่ได้มาจากเหตุปัจจัยอะไรอื่น แต่มาจากสิ่งที่เรียกว่า ธรรมะ นั้น มันออกจะเสื่อมโทรม ทรุดโทรม หรือผิดๆ เพี้ยนๆ ไปจากความหมายที่แท้จริง โดยเฉพาะในหมู่ปวงชน พสกนิกร อย่างเราๆ-ทั่นๆ นั่นแหละเป็นสำคัญ การโกง การทุจริต ประพฤติมิชอบ ที่ถึงขั้นส่งผลให้ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านยังอดไม่ได้ที่จะต้องทรง สาปแช่ง เอาไว้ก่อนล่วงหน้า เพราะไม่เพียงแต่ถือเป็นการผิดคำมั่นสัญญา ต่อสายใยความผูกพันต่อองค์พระมหากษัตริย์ ยังเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับ ธรรมะ กับครรลอง คลองธรรม แบบชนิดคนละเรื่อง คนละม้วน...

                                                                    -------------------------------------------------------

      ความปรารถนาที่จะให้ประเทศไทยนับจากนี้ไป...ก้าวเข้าสู่ยุค ชาววิไล ภายใต้รัชสมัยของรัชกาลที่ 10 ดังที่ใครต่อใครโดยเฉพาะผู้จงรัก ภักดี ทั้งหลาย พยายามตั้งความหวังเอาไว้อย่างสูงส่งเอามากๆ มันจึงขึ้นอยู่กับบรรดาเราๆ-ทั่นๆ ที่เป็นพสกนิกรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั่นแหละเป็นสำคัญ ว่าจะยึดมั่นใน ธรรม ประพฤติชอบ ปฏิบัติชอบ ได้อย่างถูกต้องตามครรลอง คลองธรรม อย่างสม่ำเสมอไปโดยตลอด ได้มากหรือน้อยขนาดไหน ในขณะที่องค์พระมหากษัตริย์ท่านได้ประกาศพันธสัญญาข้อผูกพันของท่านเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว ตามพระปฐมบรมราชโองการที่แม้สั้นๆ เรียบๆ ง่ายๆ แต่กินความหมายลึกซึ้ง กว้างไกล แจ่มแจ้ง ชัดเจน ต่อหน้าพระราชพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ ต่อบรรดาปวงเทพยดาทั้งหลาย...

                                                                    ------------------------------------------------

      และถ้าหากบรรดาปวงชนชาวไทย บรรดาพสกนิกร อย่างเราๆ-ทั่นๆ...พร้อมที่จะยึดมั่นต่อสายใยความผูกพันระหว่างราษฎรกับพระมหากษัตริย์ อย่างไม่คิดจะผันแปร เบี่ยงเบน ไปเป็นอื่น พร้อมแสดงออกถึงความจงรัก ภักดี ด้วยการ ยึดมั่นในธรรม ตามแบบฉบับและแนวทางที่องค์พระมหากษัตริย์ได้ทรงป่าวประกาศเอาไว้เป็นปฐมบรมราชโองการ รับรองได้ว่า...โอกาสที่ยุค ชาววิไล จะมาถึงแบบจริงๆ จังๆ ย่อมเป็นไปได้ทุกเมื่อ แต่ถ้าหากเราดันคิดคด ทรยศ ไม่คิดจะรักษาสัญญาความผูกพันในลักษณะที่ว่านี้ ก็ต้องถือเป็น กรรม ของประเทศชาติ ที่จะต้องเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า กันต่อไปอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้เลย...

                                                                    -----------------------------------------------------

      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้...จาก ล้นเกล้าในหลวงรัชกาลที่ 9 ... ข้าพเจ้าใคร่ขอให้ท่านทั้งหลาย จงมั่นอยู่ในความซื่อสัตย์สุจริต ถือเอาประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง เพราะคุณธรรมอันนี้เป็นมูลฐานอันสำคัญที่จะยังความเจริญและความเป็นปึกแผ่นแก่สังคม เป็นบ่อเกิดแห่งความสามัคคีกลมเกลียว ความซื่อสัตย์ที่ว่านี้...หมายถึง ความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ การงาน ต่อตนเอง และต่อผู้อื่นที่เกี่ยวข้อง มีเจตนาบริสุทธิ์ ไม่เอารัด-เอาเปรียบ...

                                                                    -------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"