“ประยุทธ์” ฮึ่ม! อัดอย่าคิดแต่ประโยชน์ตัวเองฝ่ายเดียว ทำการเมืองต้องยึด 3 สถาบัน “อนาคตใหม่” บอกไม่ใช่คู่ขัดแย้งประชาธิปัตย์กรณีเลือกตั้งนครปฐม แค่ไม่เชื่อน้ำยา กกต. “ปชป.” ซัดเหมือนแฝดเพื่อไทย ได้ประโยชน์เงียบฉี่ เสียปุ๊บโวยวายปั๊บ “มีชัย” ปัดตอบสูตรคำนวณปาร์ตี้ลิสต์ จรุงวิทย์ยันใช้สูตรเดียว “ปิยบุตร” ยิ่งกว่ากฎหมาย ลั่นห้ามพรรคเล็กได้เก้าอี้ ขู่ถ้าทำจริงจัดหนักแน่ “บิ๊กตู่” เผย 12 พ.ค. เปิดชื่อ 250 ส.ว.
เมื่อวันอังคาร ยังคงมีประเด็นที่พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) เรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดการเลือกตั้งใหม่ในเขต 1 จังหวัดนครปฐม หลังผู้สมัคร อนค.พ่ายแพ้แก่ผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) 4 คะแนน หลังมีการนับคะแนนใหม่ยกเขตแล้ว
โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตอบคำถามถึงกรณีมีกระแสการยื่นเรื่องให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะหรือไม่ ว่าได้ยินข่าวมาโดยตลอด แต่วันนี้ขอให้เป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตยก็แล้วกัน อย่าคิดถึงแต่ความต้องการและความถูกต้องของตัวเองเป็นหลัก เราควรต้องเอากฎหมายกระบวนการยุติธรรมมาพิจารณาดูแล ซึ่งหลายอย่างถ้าเราคิดกันไปคนละทางสองทาง ก็จะเลอะเทอะไปเรื่อย
“เลือกตั้งใหม่ ให้นับคะแนนใหม่ ก็ทำแล้ว ก็นับให้ทำให้แล้ว ยังไม่พอใจกันอีก ก็ไม่รู้จะทำยังไง วันนี้มันเป็นคะแนนเสียงของประชาชน จึงขอร้องทุกคน อย่าคำนึงถึงผลประโยชน์ของตัวเองเพียงอย่างเดียว แต่ควรทำงานการเมืองโดยยึดถือ 3 สถาบันหลัก คือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งประเทศชาติจะต้องมีความสงบโดยรวม ทุกคนต้องช่วยกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า คสช.ประเมินว่าจะมีม็อบการเมืองเกิดขึ้นหรือไม่จากความไม่แน่นอนทางการเมืองในเวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ความไม่แน่นอนคือพวกเราพูดกันเอง โดยพูดกันไปมา จนเกิดความเสียหาย รัฐบาลยืนยันว่ารัฐบาลมีความแน่นอน โดยกำหนดกติกาและวันเวลาต่างๆ ไว้ทั้งหมด ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญทุกอย่าง ความแน่นอนของรัฐบาลนั้น แสดงให้เห็นถึงความมีเสถียรภาพของรัฐบาล ที่ได้กำหนดโรดแมปออกมา โดยเป็นไปตามความต้องการของประชาชน ซึ่งเราทำให้ทุกอย่างแล้ว
“หากความไม่แน่นอนเกิดขึ้นมา ก็คงเป็นเพราะพวกเราหลายๆ คนที่คิดต่างไปคนละทางสองทาง ซึ่งบางทีก็ไม่ยึดกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมเป็นหลัก คิดแต่กฎหมายที่เข้าข้างตัวเองโดยตลอด อย่างนี้ก็ไปไม่ได้ทั้งหมด ส่วนตัวคิดว่าม็อบการเมืองนั้นไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะเรากำลังเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตย แล้วทำไมเราจึงไม่ทำให้ประชาธิปไตยเข้มแข็งตั้งแต่แรก โดยมุ่งหวังเอาประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า เรื่องนี้แล้วแต่ กกต.จะไปรู้ได้อย่างไร กกต.ต้องเป็นผู้จัด
เมื่อถามว่า ประชาชนยังเชื่อมั่นในการทำงานของ กกต.ได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า เมื่อนับผิดพลาดก็นับใหม่ แล้วเมื่อนับคะแนนใหม่พรรค ปชป. พรรค อนค.จึงมาเรียกร้องให้นับคะแนนอีกครั้ง ขอให้ไปถาม กกต.มาถามตนเองก็ไม่รู้
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวเรื่องนี้เพียงสั้นๆ ว่า ไม่ทราบเหมือนกัน
อัดเหมือน'เพื่อไทย'
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค อนค. ที่เดินทางไปให้ข้อมูลการถือครองหุ้นสื่อของหัวหน้าพรรค กล่าวถึงกรณีพรรคออกแถลงการณ์ให้เลือกตั้งใหม่ว่า กรณีนี้พรรคไม่ได้ขัดแย้งอะไรกับผู้สมัครพรรค ปชป. แต่ต้องการสื่อสารมายัง กกต. ว่ามีปัญหาการนับคะแนนบกพร่องอย่างไร และเชื่อว่าไม่ใช่เขตเลือกตั้งนี้เพียงเขตเดียว โดยในเขตเลือกตั้งที่ 1 จ.นครปฐมมีผลการนับคะแนนกลับไปมาถึง 5 ครั้ง ดังนั้นต่อให้วินิจฉัยออกมาตรวจบัตรออกมาว่า ปชป.ชนะ พรรคก็ต้องท้วงติง หรือถ้านับออกมาแล้ว อนค.ชนะ ปชป.ก็ต้องท้วงติงเช่นเดียวกัน ดังนั้นการนับคะแนนผลกลับไปกลับมา 5 ครั้ง ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้สมัครทุกพรรคได้เลย
“วิธีการที่ดีที่สุดคือการจัดการเลือกตั้งใหม่ และเรายังสงสัยในอีกหลายๆ เขตด้วย จึงเรียกร้องให้ กกต.ในทุกจังหวัดเปิดคะแนนดิบรายหน่วยออกมา เพื่อจะได้ตรวจสอบกัน ถ้า กกต.บริสุทธิ์โปร่งใสจริง ให้เปิดออกมาเถิด ไม่มีอะไรมาทำท่านได้” นายปิยบุตรกล่าว และว่า ทำไมการเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค. กับการนับคะแนนใหม่วันที่ 28 เม.ย. คะแนนถึงต่างกัน กกต.ไม่เคยชี้แจง และไม่เคยออกมาแสดงความรับผิดชอบเรื่องนี้ จึงคิดว่าควรต้องตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น กกต.ควรต้องแสดงความรับผิดชอบ ถ้าประชาชนไม่เชื่อถือผลการเลือกตั้ง ประเทศจะเดินหน้าต่อไปไม่ได้
ขณะที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค อนค. กล่าวว่า เป็นเรื่องของความถูกต้อง ความยุติธรรม ถ้าเลือกตั้งใหม่แล้วแพ้ ก็ยอมรับ ไม่มีอะไร ส่วนจะทำอย่างไรให้ กกต.รับผิดชอบ พรรคจะเรียกร้องให้ กกต. สั่งไปที่ กกต.จังหวัดทุกจังหวัดให้เปิดเผยผลการนับคะแนนรายหน่วยทั่วประเทศ และจากจุดนั้นจะเริ่มมาดูกันว่าหน่วยไหนมีความผิดปกติอย่างไรบ้าง นี่คือจุดเริ่มต้นขอให้เปิดข้อมูลเพื่อความโปร่งใส
ส่วนนายสาธิต ปิตุเตชะ รักษาการรองหัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวในเรื่องนี้ว่า เป็นเรื่องระหว่าง อนค.กับ กกต. ไม่เกี่ยวกับพรรค ซึ่งเรื่องการเลือกตั้งใหม่ต้องดูว่าเข้าข่ายการเลือกตั้งที่ไม่สุจริตเที่ยงธรรมหรือไม่ ซึ่ง กกต.ต้องพบว่าการเลือกตั้งไม่สุจริต ทั้งนี้ การนับคะแนนที่ผ่านมา ทุกฝ่ายและพรรค อนค.ก็อยู่ครบ มีการท้วงติงตลอดเวลา จึงไม่มีอะไรที่ไม่สุจริต ไม่เที่ยงธรรม ในส่วนของพรรคเสียอีกที่เจอความไม่สุจริต ซึ่งเราก็ทักท้วงไปแล้วเรื่องก็จบ ที่สำคัญการจัดการเลือกตั้งใหม่ต้องใช้เงินภาษีของประชาชนอย่างน้อย 10 ล้านบาท แล้วใครจะรับผิดชอบ ซึ่งพรรคไม่กังวลอะไรถ้าต้องเลือกตั้งใหม่ แต่เสียดายงบประมาณ และอยากให้ประเทศเดินไปข้างหน้า หากจะให้เลือกตั้งอีกก็รอบที่ 3 ดังนั้นอยากให้ยอมรับและจบ ถ้าไม่ยอมจบก็เป็นเรื่องของ อนค.กับ กกต. แต่สงสารคนนครปฐมเท่านั้นเองที่ต้องเสียเวลา
“ผ่านมาพอแพ้ก็บอกว่าให้นับใหม่ แต่พอ กกต.ประกาศให้คุณชนะก็เงียบกริบ แทนที่จะทักท้วงว่าการนับคะแนนไม่สุจริต เที่ยงธรรม พอผลออกมาแพ้ก็ให้เลือกใหม่อีกแล้ว ตกลงจุดยืนของอนาคตใหม่คืออะไร เหมือนพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ พอได้ประโยชน์ก็เงียบ พอเสียประโยชน์ก็โวยวาย” นายสาธิตกล่าว
มีชัยปัดตอบสูตรปาร์ตี้ลิสต์
สำหรับความคืบหน้ากรณีสูตรคำนวณหา ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) นั้น นายมีชัย ฤชุพันธุ์ สมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อดีตประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ได้ปฏิเสธตอบคำถามเรื่องนี้ โดยระบุว่า ให้ไปถาม กกต. ไม่ขอออกความเห็น เพราะถือว่าหมดหน้าที่แล้ว และเมื่อถามว่าปวดหัวในประเด็นสูตรการคำนวณหรือไม่ นายมีชัยตอบว่า “ไม่”
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงการเสนอสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 3 สูตร ให้ กกต.พิจารณาว่าเป็นกรณีที่สำนักงาน กกต.รวบรวมความเห็นทางสังคมที่มีต่อสูตรคำนวณ เพื่อนำมาพิจารณาหาเหตุและผลว่าทำไมถึงแตกต่างกัน ไม่ใช่การเสนอความเห็นของสำนักงาน กกต. เพื่อให้ กกต. เลือกสูตรใดสูตรหนึ่งอย่างที่เข้าใจกันผิด
“ยืนยันว่าการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อมีอยู่แล้วสูตรเดียว ตามข้อกฎหมายเท่านั้น และเป็นอำนาจของ กกต.ที่ต้องคำนวณตามกฎหมายอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเลือกสูตรอื่นๆ และสำนักงาน กกต.ก็ไม่ต้องเสนอสูตรให้ กกต.อีก โดยวิธีการคำนวณจะทราบพร้อมกันเมื่อ กกต.ประกาศรับรองผลเลือกตั้งแล้ว”พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าว
ส่วนนายปิยบุตรกล่าวถึงกรณี พ.ต.อ.จรุงวิทย์แถลงเหมือนจะใช้สูตรคิด ส.ส.บัญชีรายชื่อรวมพรรคเล็กที่ได้คะแนนไม่ถึง 71,065 ไปด้วย หรือแบบ 27 พรรค ก่อนประกาศรับรองผล 95% วันที่ 9 พ.ค.ว่าหากคิดแบบนี้ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค อนค.จะหายไป 7-8 ที่นั่ง คิดเป็นกว่า 6 แสนเสียงที่ประชาชนเลือก จะอยู่ในฐานะผู้มีส่วนได้เสีย ซึ่งขอยืนยันว่าการคำนวณมีสูตรเดียวตามขั้นตอนที่รัฐธรรมนูญกำหนด ในมาตรา 91 (1) ให้นำคะแนนรวมแบบแบ่งเขตของทุกพรรคหารด้วย 500 คือ 71,057 คะแนน จากนั้น 91(2) นำคะแนนรวมแบบแบ่งเขตของแต่ละพรรค หาร 71,057 จะได้ ส.ส.พึงมี อนค.จะมี ส.ส.พึงมี 88 คน ซึ่งเขียนชัดว่า จำนวน ส.ส.ต้องไม่เกินจำนวน ส.ส.พึงมี จึงต้องมี 71.057 คะแนนถึงจะได้ ส.ส. 1 คน มีกรณีเดียวคือ 99 (4) กำหนดว่า หากพรรคไหนได้ ส.ส.แบบแบ่งเขตเกิน ส.ส.พึงมี ให้ถือว่าได้ ส.ส.จากแบบแบ่งเขต และจะไม่ได้ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อเลย ซึ่งมีพรรคเดียวเท่านั้นคือพรรคเพื่อไทย ที่ได้ ส.ส.เขต 136 มี ส.ส.พึงมี 111 ก็ต้องคำนวณปัดเศษตามพรรคที่มีคะแนนตั้งแต่ 71,065 คะแนนขึ้นไป นอกเหนือจากนี้จะไม่ถูกคิดโดยไม่มีข้อยกเว้น
“คิดแบบนี้อนาคตใหม่จะมี ส.ส.พึงมี 88 คน ข้อโต้แย้งที่บอกว่าระบบเลือกตั้งนี้ต้องการให้ความสำคัญกับทุกคะแนน พรรคที่ได้ 30,000-69,000 คะแนน จะไม่ให้ความสำคัญหรือ ผมก็ขอถามกลับว่าแล้ว 6 แสนกว่าคะแนนของอนาคตใหม่ที่จะหายไปนั้นไม่สำคัญเลยหรืออย่างไร ส่วนการนำความเห็นของ กรธ.มาอธิบาย แต่ กรธ.แต่ละคนก็อาจเห็นไม่ตรงกันก็ได้ และความเห็น กรธ.ไม่ใช่รัฐธรรมนูญ เมื่อร่างเสร็จแล้ว รัฐธรรมนูญก็มีชีวิตของมัน องค์กรตามรัฐธรรมนูญก็ต้องตีความรัฐธรรมนูญตามอำนาจหน้าที่ ไม่ใช่ถามความเห็น กรธ. ถ้าทำแบบนี้ กรธ.ก็เป็นรัฐธรรมนูญเสียเอง ไปถามอะไรก็ต้องทำตาม กรธ. กลายเป็นว่าคนร่างศักดิ์สิทธิ์ไปหมด” นายปิยบุตรกล่าว
ขู่จัดหนัก 7 อรหันต์ กกต.
นายปิยบุตรกล่าวอีกว่า ขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินคดีต่อ กกต. ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มาตรา 69 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต. ที่กำหนดถึงการละเว้นของ กกต. มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี และยังถือเป็นการฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง สามารถร้องยัง ป.ป.ช.และศาลฎีกาแผนคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ง่ายๆ คือช่องทางต่างๆ ที่ กกต.ต้องรับผิดชอบจากการใช้อำนาจโดยมิชอบ พรรคขอสงวนสิทธิ์ดำเนินการตามกฎหมาย
ขณะเดียวกัน ที่สำนักงาน กกต. นายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ หรือฟอร์ด เส้นทางสีแดง และนายเอกชัย หงส์กังวาน แกนนำกลุ่มประชาชนอยากเลือกตั้ง เดินทางมายื่นร้องต่อ กกต. ขอให้พิจารณายุบพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เนื่องจากนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กรรมการบริหารพรรค พปชร. ถูกอัยการสำนักงานคดีพิเศษฟ้องคดีในข้อหากบฏ อั้งยี่ซ่องโจร ขัดขวางการเลือกตั้ง และอื่นๆ เนื่องจากการชุมนุมของ กปปส. ซึ่งถือเป็นการกระทำอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยขอให้มีคำสั่งโดยเร็วก่อนประกาศรับรอง ส.ส.ในวันที่ 9 พ.ค.นี้
นายเอกชัยยังกล่าวถึงการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งของ กกต. ว่า การที่ กกต.อ้างยังไม่สามารถรับรอง ส.ส. 95% ได้นั้น มองว่าไม่ใช่ เพราะการเลือกตั้งในปี 2554 หรือก่อนหน้านั้น กฎหมายให้เวลารับรอง ส.ส. 95% ภายใน 30 วัน กกต.สมัยนั้นก็ทยอยประกาศรับรองผลได้ ทยอยให้ใบเหลืองใบแดงได้ ขณะนี้ผ่านมากว่า 1 เดือนแล้ว ยังไม่มีการรับรอง ส.ส.เลย จึงขอให้ กกต.ทยอยรับรอง ส.ส.เขตอย่างน้อย 284 คนที่ไม่ถูกร้องเรียน จะได้ไม่กระชั้นชิด
“ปัญหาใหญ่คือการเลือกตั้งซ่อม เขต 8 เชียงใหม่ ที่ยังไม่ประกาศจะเลือกตั้งซ่อมวันไหน และอาจเป็นเหตุผลให้ กกต. อาจอ้างได้ว่าไม่สามารถคำนวณคะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อได้ จึงขอให้ กกต.จัดเลือกตั้งซ่อมให้แล้วเสร็จก่อนรับรองผลวันที่ 9 พ.ค.นี้ ถ้าไม่สามารถทำได้ ให้ใช้คะแนนเดิมมาคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อไปก่อน อย่าอ้างไม่สามารถคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อได้ แล้วเลื่อนประกาศรับรองผล เพราะจะขัดรัฐธรรมนูญและประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ถ้าไม่ประกาศรับรอง ส.ส. 475 คน ภายในวันที่ 9 พ.ค. จะโดนมาตรา 157 แน่” นายเอกชัยกล่าว
12 พ.ค.เปิดชื่อ ส.ว.
วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงความคืบหน้าการแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 250 คน ว่ายังอยู่ในขั้นตอนการคัดเลือกและคัดสรร ซึ่งมีการเสนอขึ้นมาเพื่อให้ คสช.ได้พิจารณา ซึ่งได้หารือถึงกำหนดการ และการตรวจสอบคุณสมบัติ ให้มีความชัดเจนถูกต้อง จึงอย่าไปกังวล โดย ส.ว.จะประกอบด้วยอดีตข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร ส่วนที่เหลือจะเป็นพลเรือน โดยสัดส่วนพลเรือนจะมากกว่าอยู่แล้ว และแสดงให้เห็นว่าเราต้องการให้เป็นมาตรฐานให้ได้ ยืนยันว่าทุกอย่างจะอยู่ภายใต้กรอบเวลาที่กำหนด เพื่อนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายภายหลังจากที่ กกต.รับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.แล้ว 3 วัน ตามกฎหมาย โดยขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการคัดกรอง จึงขอให้เชื่อมั่น
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะแถลงผลงาน 5 ปีของ คสช. หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์เพียงหัวเราะแล้วตอบว่า “ขอดูก่อน”
ด้าน พล.อ.ประวิตรกล่าวเรื่อง ส.ว.ว่า ทำไมอยากรู้ เดี๋ยวก็ทำเสร็จเอง ไม่ต้องห่วง อยากรู้หรือ
ขณะที่นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวพรรค พปชร.ทาบทามพรรคประชาชาติและพรรคเพื่อชาติมาร่วมรัฐบาลเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ว่าเป็นการสร้างความแตกแยกให้กับพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ด้วยการปล่อยข่าวเพื่อทำลายจุดยืนที่มั่นคงในประชาธิปไตยและต้านการสืบทอดอำนาจของพันธมิตรประชาธิปไตย ที่สำคัญเพื่อให้ประชาชนเบื่อหน่ายต่อการเมืองในระบอบประชาธิปไตย
“อยากบอกไปถึงผู้มีอำนาจว่า ความพยายามเพื่ออยู่ยาวนั้นสูญเปล่าแน่นอน เพราะทุกวันนี้ประชาชนมีความตื่นตัว และรู้ดีว่าความวุ่นวายที่เกิดขึ้นทั้งหมดมาจากสาเหตุใด กฎหมายแทบไม่เป็นกฎหมาย เลือกปฏิบัติต่อฝ่ายประชาธิปไตยอย่างชัดแจ้งเพียงใด ประชาชนถูกลิดรอนสิทธิ์อย่างไร แต่ก็จำใจต้องอดทนอดกลั้นต่อปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะเชื่อมั่นว่าถึงที่สุดแล้วทางออกของปัญหาคือบ้านเมืองต้องเป็นประชาธิปไตย ปราศจากการสืบทอดอำนาจเท่านั้น” นางลดาวัลลิ์กล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |