ตำรวจยังไร้หลักฐานติดตามโจรชิงนาฬิกาหรู ริชาร์ด มิลล์ พบภาพกล้องวงจรปิดไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นใคร แต่ฟันธงเป็นมืออาชีพและก่อเหตุคนเดียว ซึ่งผู้ที่มีพฤติการณ์คล้ายกันยังอยู่ในคุก เร่งตรวจสอบคนใกล้ชิด
    ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล วันที่ 30 เมษายนนี้ พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงความคืบหน้าในการติดตามจับกุมตัวคนร้ายชิงนาฬิกา ริชาร์ด มิลล์ มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท จากนักธุรกิจโรงเหล็กใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในพื้นที่ สน.สุทธิสาร ว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ในที่เกิดเหตุ ขณะนี้พบว่ายังไม่เห็นใบหน้าคนร้ายชัดเจน เห็นเพียงบางส่วนเท่านั้น เนื่องจากเป็นช่วงเวลากลางคืนและมุมกล้องไม่สามารถจับภาพคนร้ายได้ชัด จึงไม่สามารถระบุตัวตนของคนร้ายได้ว่าเป็นใคร และไม่สามารถออกหมายจับได้ ส่วนที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าคนร้ายน่าจะเป็นมืออาชีพหรือเคยก่อเหตุในพื้นที่อื่นๆ มาแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่ามีคนร้ายรายใดที่มีพฤติการณ์ตรงกับคดีนี้ แต่คาดว่าจะใช้เวลาอีกไม่นานก็จะสามารถออกหมายจับผู้ก่อเหตุได้
    มีรายงานจากชุดสืบสวนสอบสวนว่า คนร้ายรายนี้มีพฤติการณ์การก่อเหตุตรงกับผู้ต้องหารายหนึ่งที่กองบังคับการปราบปรามเคยจับกุมตัวได้ แต่จากการตรวจสอบล่าสุดผู้ต้องหารายดังกล่าวยังถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ จึงต้องตรวจสอบประวัติของผู้ใกล้ชิด หรือผู้ร่วมขบวนการรายอื่นๆ ที่อาจพ้นโทษไปก่อน หรือยังไม่ถูกจับกุม 
    ส่วนการตามรอยจากข้อมูลที่คนร้ายใช้ในการติดต่อขอซื้อนาฬิกา พบว่าคนร้ายมีการปลอมแปลงเอกสารบัตรประชาชน ทั้งชื่อ นามสกุล เลขประจำตัว และรูปถ่ายเป็นของปลอม เนื่องจากมีการเรียกตัวบุคคลดังกล่าวตามบัตรประชาชนมาสอบสวนแล้ว แต่ไม่พบว่าเกี่ยวข้องกัน และจากการตรวจสอบบัญชีเฟซบุ๊กที่คนร้ายใช้ พบว่าถูกปลอมแปลงขึ้น ทำให้ยังสาวไม่ถึงตัว และจากข้อมูลการสืบสวนทั้งหมดทำให้พอทราบได้ว่าคนร้ายรายนี้น่าจะก่อเหตุเพียงคนเดียวและเป็นมืออาชีพ โดยอาจก่อเหตุชิงทรัพย์ในพื้นที่อื่นๆ มาก่อน ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลทะเบียนประวัติอาชญากรเพิ่มเติม 
    คดีชิงนาฬิกาหรู สืบเนื่องจากนายทวีพัฒน์ สิทธิกุล นักธุรกิจค้าเหล็ก ประกาศทางสื่อออนไลน์ขายนาฬิกา ริชาร์ด มิลล์ รุ่น 011-03TI ในราคา 5.3 ล้านบาท คนร้ายทำทีติดต่อขอซื้อ มีการนัดหมายดูสินค้าที่โรงแรมย่านสุทธิสาร กรุงเทพฯ กระทั่งกลางดึกวันที่ 26 เม.ย.62 คนร้ายมาพบนายทวีพัฒน์ แล้วชิงนาฬิกาวิ่งหลบหนี โดยยิงปืนสกัดมิให้เจ้าของติดตาม ก่อนจะขี่จักรยานยนต์หายไป.