สพฐ. จัดประชุมผอ.รร.แก้ปัญหาการรับนักเรียนจากการจำกัดนักเรียน 40 คนต่อห้อง “บุญรักษ์” แจงพร้อมยืดหยุ่น ถ้าเด็กนักเรียนได้รับความเดือดร้อน อ้างเป็นนโยบายรมว.ศธ.ที่ยึดนักเรียนเป็นหลัก เผยเตรียมเปิดเวทีรับฟังผลกระทบและเสนอทางออก เพื่อแก้ปัญหาในช่วงเปลี่ยนผ่านปี61
นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาฯ กพฐ.) กล่าวภายหลังการประชุมสัมมนาการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2561 เพื่อแก้ปัญหาการรับนักเรียนจากการจำกัดนักเรียน 40 คนต่อห้อง ซึ่งสร้างความกังวลแก่ผู้ปกครองและนักเรียน โดยเฉพาะเด็กชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ว่าจะไม่ได้เรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเดิม โดยมีผู้อำนวยการโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูงทั้งระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษากว่า 300 แห่งเข้าร่วม ว่า การศึกษาเป็นบริการสาธารณะที่ต้องบริการแก่ประชาชน แต่ต้องมีความเป็นธรรม เรื่องนี้ต้องมอง 2 มิติ คือ เชิงวิชาการที่ต้องการลดจำนวนนักเรียนลงเพื่อคุณภาพ ซึ่งได้รับความชื่นชมจากสังคมโดยเฉพาะนักวิชาการและครู แต่ในเชิงบริหารเข้าใจว่าไม่สามารถตัดแบ่งเหมือนเค้กได้ ซึ่งตนก็คาดการณ์ไว้แล้วว่าต้องมีปัญหา โดยเฉพาะกลุ่มโรงเรียนดังคิดเป็นร้อยละ 10 ของโรงเรียนทั่วประเทศ การกำหนดจำนวนนักเรียนต่อห้องเป็นความตั้งใจที่จะเปลี่ยนไปสู่สิ่งที่ดีของคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) แต่อาจจะลืมผู้รับบริการที่อาจจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนผ่าน ทั้งในระดับอนุบาล 3 ที่จะเรียนต่อชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ในโรงเรียนอนุบาลประจำจังหวัด และนักเรียนชั้นม.3 ที่จะเรียนต่อ ม.4 ในโรงเรียนเดิม
นายบุญรักษ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม จากที่ตนได้รับเรื่องร้องเรียนว่าพอถูกบีบให้เหลือ 40 คนต่อห้องจะเอาเด็กไปไว้ตรงไหน ตนก็ได้มีการหารือเรื่องนี้กับ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ในเบื้องต้นแล้ว และ รมว.ศธ. เห็นว่าหลักเกณฑ์ใดที่ทำแล้วประชาชนไม่เดือดร้อนให้ทำต่อไป แต่เมื่อทำแล้วเกิดปัญหาก็ต้องยืดหยุ่น โดยนอกจากยึดประชาชนแล้ว ที่สำคัญต้องอยู่บนหลักการและเหตุผล
ดังนั้นตนจึงได้เปิดเวทีรับฟังผลกระทบและเสนอทางออกเพื่อแก้ปัญหาในช่วงเปลี่ยนผ่าน ซึ่งตนจะนัดประชุม กพฐ.เป็นกรณีพิเศษ เพื่อนำข้อเสนอดังกล่าวเสนอ กพฐ.โดยเร็วที่สุดน่าจะภายใน 1-2 วันนี้ สำหรับการแก้ปัญหาดังกล่าวจะเป็นเฉพาะในช่วงเปลี่ยนผ่านในปีการศึกษา 2561 นี้เท่านั้น เพราะในปีการศึกษาต่อไปเชื่อว่าโรงเรียนน่าจะวางแผนแก้ปัญหาไว้ล่วงหน้า โดยหากโรงเรียนมีความพร้อมอาจจะทำแผนเสนอขยายห้องเรียนไว้ แต่สิ่งที่โรงเรียนต้องปฏิบัติตามคือ ห้ามรับแป๊ะเจี๊ยะหรือระดมทรัพยากรในช่วงการรับนักเรียน แม้จะมีเจตนาบริสุทธิ์ก็ต้องเป็นในช่วงเวลาที่เหมาะสม กรณีเด็กสละสิทธิ์การเรียกบัญชีสำรองต้องตามลำดับ
-----------------------