เปิด11ชื่อ'ลูกพรรคพ่อฟ้า' พปชร.ถกเคลียร์ถือหุ้นสื่อ


เพิ่มเพื่อน    

    "เรืองไกร" ร้องผู้ตรวจฯ สอบ กกต.เลือกฟัน "ธนาธร" ไม่กล้าแตะ "บิ๊กตู่" เปิดโซเชียล "ศรีสุวรรณ" ยื่นเพิ่ม 11 ว่าที่ ส.ส.อนาคตใหม่ถือหุ้นสื่อ "คารม" งัดหลักฐานโต้พร้อมขู่ฟ้องกลับ พปชร.เต้นถกเคลียร์ปมหุ้น "ชาญวิทย์" แจงบริษัททำอสังหาฯ แต่จดแจ้งทำวิทยุ-ทีวีด้วย ผวา "พงศ์กวิน-ธณิกานต์-มาดามเดียร์" ติดร่างแห
    ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เมื่อวันที่ 29 เมษายน เวลา 10.30 น. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ  อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักษาชาติ เข้ายื่นหนังสือถึงผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อเสนอความเห็นต่อศาลปกครองว่า กฎ คำสั่ง การกระทำของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายหรือไม่ เนื่องจาก กกต.ได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 เป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามไม่ให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. โดยเป็นเจ้าของหรือถือหุ้นสื่อ ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ 
    นอกจากนี้ กกต.ยังได้ยื่นฟ้องผู้สมัคร ส.ส.จากพรรคการเมืองต่างๆ ต่อศาลฎีกาแล้ว 11 ราย แต่ กกต.กลับวินิจฉัยกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเปิดเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ทวิตเตอร์  และเว็บไซต์ส่วนตัวเพื่อสื่อสารกับสาธารณชนว่าไม่เข้าข่ายเป็นเจ้าของสื่อมวลชนใดๆ
    "การปฏิบัติที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดของ กกต.ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์กับนายธนาธร อาจทำให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่เลือกพรรคอนาคตใหม่ไปกว่า 6 ล้านเสียงมองว่าเป็นเจตนาเพื่อให้ส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งทั่วไปของพรรคอนาคตใหม่ และอาจถูกตั้งข้อสังเกตว่านายกฯ เป็นเจ้าของสื่อไม่ผิด แต่นายธนาธรเป็นผู้ถือหุ้นสื่อกลับผิด ผมจึงยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจฯ ให้เสนอความเห็นไปยังศาลปกครองว่าการกระทำของ กกต.มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายหรือไม่ กกต. กล่าวหานายธนาธรแต่มองข้าม พล.อ.ประยุทธ์ไปได้อย่างไรถึงไม่ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย" นายเรืองไกรระบุ
    เมื่อถามว่า กกต.อาจคิดว่าเจ้าของเฟซบุ๊กคือ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ทำให้พิจารณาว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่เจ้าของสื่อ นายเรืองไกรกล่าวว่า หากอย่างนั้นกิจการโทรทัศน์ โทรคมนาคม หรือทางด่วนก็เป็นของประเทศชาติ ไม่มีใครเป็นเจ้าของเช่นกัน แต่ไปขอสัมปทานจากรัฐ จึงมองว่าการเป็นเจ้าของสื่อทุกประเภทเข้าข่ายขาดคุณสมบัติทั้งหมด
    ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่นายธนาธรระบุว่าถ้าไม่ได้เข้าไปในสภาจะออกมาเล่นการเมืองนอกสภาว่า ถามว่าทำแบบนั้นถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ หากถูกต้องก็ดำเนินการไป ในส่วนเรื่องของความวุ่นวายนั้นตอนนี้ยังไม่มีอะไร ทุกอย่างยังคงเดินไปตามกฎหมาย ทั้งนี้ยังไม่มีเรื่องการปลุกระดมหรือเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น
    นายสุทธิชัย หยุ่น ผู้ดำเนินรายการ Suthichai Live โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า หลังจากนายธนาธรประกาศผ่าน Suthichai Live เมื่อเช้าวันเสาร์ว่าพร้อมจะให้บริษัท โทเทิ่ลแอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด  (มหาชน) หรือดีแทค เปิดเผยรายละเอียดการใช้โทรศัพท์มือถือในช่วงวันที่ 8 ม.ค.นั้น เช้านี้ได้รับข้อความจากนางอรอุมา วัฒนะสุข ฤกษ์พัฒนาพิพัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรของดีแทค ชี้แจงว่า กรณีที่ลูกค้าต้องการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่ดีแทคควบคุมนั้น สามารถดำเนินการขอรับสำเนาได้ โดยติดต่อมาที่ call center 1678 ซึ่งจะต้องมีกระบวนการยืนยันตัวตนก่อนที่ดีแทคจะดำเนินการตามคำขอดำเนินการ สำหรับข้อมูลที่ลูกค้ารายเดือนจะเข้าถึงได้นั้น ประกอบด้วยข้อมูลการโทรศัพท์ ได้แก่ หมายเลขที่โทรออก ตำแหน่งที่โทรออก ตำแหน่งของเลขหมายปลายทาง และระยะเวลาที่ใช้ จะไม่นับรวมถึงสัญญาณการใช้ดาต้า โดยข้อมูลที่ได้รับคำขอนั้นจะถูกส่งไปยังผู้ถือเลขหมายนั้นผ่านทางไปรษณีย์ลงทะเบียน
ร้อง 11 อนค.ถือหุ้นสื่อ
    ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยเข้ายื่นคำร้องต่อ กกต. กรณีที่ได้รับแจ้งข้อมูลจากประชาชนจำนวนมากเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของ หรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนของผู้สมัครรับเลือกตั้ง และว่าที่ ส.ส. ของพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเมื่อตรวจสอบยืนยันกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โดยตรวจสอบหนังสือบริคณห์สนธิ ทะเบียนนิติบุคคล รวมถึงวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดแล้วพบว่า มีผู้สมัครรับเลือกตั้งและว่าที่ ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และแบบบัญชีรายชื่อของพรรคอนาคตใหม่จำนวน 11 ราย ปรากฏเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชน ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ตามมาตรา 98(3) ของรัฐธรรมนูญ 2560 ประกอบมาตรา 42(3) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561
    โดยรายชื่อดังกล่าวประกอบด้วย 1.นายธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 9  เป็นกรรมการบริษัท แอมฟายน์ โปรดักชั่น จำกัด และกรรมการบริษัท เฮด อัพ โปรดักชั่น จำกัด 2.นายวินท์ สุธีรชัย ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 19 เป็นกรรมการบริษัท ดับบลิวซีดี วิชั่น จำกัด 3.นายคารม พลพรกลาง ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 26 เป็นกรรมการบริษัท สำนักพิมพ์สามพอ จำกัด  4.นายวรภพ วิริยะโรจน์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 38 เป็นกรรมการบริษัท โปรโมชั่นแม็กกาซีน  จำกัด 5.นายวรกร ฤทัยวาณิชกุล ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 71 เป็นกรรมการบริษัท เฮลโลฟิล์มเมคเกอร์ จำกัด 6.นายฐิติกันต์ ฐิติพฤฒิกุล จำกัด ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 94 เป็นกรรมการบริษัท ดิ เอ็กซ์คลูซีฟ จำกัด 
    7.นายหรินทร์ ยุวรัตนาพร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 111 เป็นกรรมการบริษัท อินเซน ออดิโอเวิร์ค แอนด์ สตูดิโอ จำกัด 8.น.ส.นรีรัตน์ สุขวรรณรัตน์ ผู้สมัคร ส.ส.สระบุรี เขต 2 เป็นกรรมการบริษัท บอส แอนด์ ธอส โปรเจคท์ จำกัด 9.นายวีระชน นามประกาย ผู้สมัคร ส.ส.สกลนคร เขต 4 เป็นกรรมการห้างหุ้นส่วนจำกัด วชิรวิชญ์ เคเบิ้ลทีวี และกรรมการห้างหุ้นส่วนจำกัดนครพนม ทีวี แอนด์  เน็ทเวิร์ค 10.นายปิยเมษฐ ปราณีตพลกรัง ผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา เขต 14 เป็นกรรมการห้างหุ้นส่วนจำกัด พีเอสบี คอมมูนิเคชั่น และ 11.น.ส.กัลยารัตน์ กิตติกัลยานนท์ ผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น เขต 10  เป็นกรรมการห้างหุ้นส่วนจำกัด หวานชุมโปรโมชั่น
    "ผมจะนำความพร้อมพยานหลักฐานของผู้สมัครรับเลือกตั้งและว่าที่ ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ทั้ง 11 คนไปยื่นคำร้องต่อ กกต.เพื่อระงับการประกาศผลและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง พร้อมลงโทษตาม มาตรา 151 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 ที่บัญญัติไว้ชัดเจนว่า ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนเองไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส. ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทําหนังสือยินยอม ให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 2 หมื่นบาทถึง 2 แสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนด 20 ปีด้วย" นายศรีสุวรรณระบุ
    นอกจากนี้ยังพบนักการเมืองที่ถือหุ้นสื่อ ซึ่งมีพรรคพลังประชารัฐประมาณ 2-3 ราย และพรรคเพื่อไทยประมาณ 3-4 ราย โดยจะเข้ายื่นคำร้องต่อ กกต.เพิ่มเติมต่อไปวันที่ 2 พ.ค.นี้ และหากพบพรรคอื่นด้วยก็จะยื่น ไม่ว่าจะฝ่ายประชาธิปไตยหรือฝ่ายสืบทอดอำนาจก็จะทำเช่นเดียวกัน
คารมขู่ฟ้องกลับศรีสุวรรณ
    ขณะที่นายคารม พลพรกลาง ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ ลำดับที่ 26 โต้ข้อกล่าวหาของนายศรีสุวรรณว่า ข้อเท็จจริงคือตนถือหุ้นบริษัท สำนักพิมพ์สามพอ จำกัด แต่เลิกไปแล้ว 6 ปี โดยยื่นคำขอจดทะเบียนเลิกและชำระบัญชีต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ลงวันที่ 4 ก.ย.56  มีหนังสือรับรองรายการจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี ลงวันที่ 27 ก.ย.56 ซึ่งเอกสารทั้งหมดได้ขอคัดสำเนาจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเตรียมไว้เป็นหลักฐานแล้ว ทั้งนี้จะไม่อยู่เฉยๆ ให้ใครรังแก จะใช้สิทธิส่วนตนซึ่งไม่เกี่ยวกับพรรคดำเนินคดีต่อนักร้องและสื่อที่รายงานโดยไม่ใช้ข้อมูลข้อเท็จจริง ในทางแพ่งและทางอาญาทั้งหมิ่นประมาทและแจ้งความเท็จ จนทำให้ชื่อเสียงของตนกับพรรคอนาคตใหม่ได้รับความเสื่อมเสีย 
    วันเดียวกัน ที่พรรคพลังประชารัฐ ได้มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค นำโดยนายอุตตม  สาวนายน หัวหน้าพรรค มีวาระหารือกรณีที่นายชาญวิทย์ วิภูศิริ กรรมการบริหารพรรคและว่าที่ ส.ส.กทม.ถูกร้องว่าถือหุ้นสื่อ โดยนายชาญวิทย์ได้นำเอกสารหลักฐานมาเข้าชี้แจงว่า บริษัทที่ถูกร้องเรียนเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ จดแจ้งวัตถุประสงค์ประกอบกิจการถูกบันทึกอยู่ในหนังสือบริคณห์สนธิ ระบุข้อหนึ่งว่าประกอบกิจการวิทยุและโทรทัศน์ จึงถูกนำมาร้องเรียน
    นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้คาดการณ์ด้วยว่า มีกรรมการบริหารพรรคอย่างน้อย 2 คนอาจถูกร้องเรียนในลักษณะเดียวกันคือ นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ว่าที่ ส.ส.กทม. ซึ่งทั้ง 2 คนได้ชี้แจงต่อที่ประชุมว่ามีบริษัทที่จดแจ้งวัตถุประสงค์ว่าประกอบธุรกิจสื่อจริง แต่ในทางปฏิบัติไม่ได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับสื่อ และเป็นเพียงการจดแจ้งวัตถุประสงค์การทำธุรกิจตามแบบฟอร์มของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเท่านั้น ขณะเดียวกันยังประเมินด้วยว่า น.ส.วทันยา  วงษ์โอภาสี ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคอาจอยู่ในข่ายถูกร้องเรียนการถือหุ้นสื่อ แม้ทางนิตินัย น.ส.วทันยาไม่ขัดกับการเป็น ส.ส. แต่ถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นโจมตีเพื่อหวังผลการเมืองรายวันมากกว่า  อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมประเมินว่าหากผู้ถูกร้องมีความผิดจริงจะไม่เลวร้ายถึงขั้นยุบพรรค แต่เป็นเรื่องคุณสมบัติของตัวบุคคลเท่านั้น
    ทั้งนี้ หลังการประชุมแกนนำพรรคต่างเลี่ยงที่จะชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว โดยมีเพียงนายวิเชียร ชวลิต นายทะเบียนพรรค ที่กล่าวว่าขณะนี้พรรคไม่จำเป็นต้องชี้แจงใดๆ ต่อสาธารณะ แต่เบื้องต้นได้เตรียมพยานหลักฐานไว้แล้ว หาก กกต.รับคำร้องพิจารณา เมื่อถึงเวลานั้นพรรคพร้อมชี้แจงทันที.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"