29เม.ย.62-ที่ห้องแกรนด์ไดมอนด์ บอลรูม อิมแพ็ค เมืองทองธานี - กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ). และสํานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ร่วมกับ สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จัดประชุมวิชาการ "นวัตกรรมการจัดการโรงเรียนคุณภาพต่อเนื่องสู่การประกันคุณภาพ" ผลสำเร็จและบทเรียนจากโครงการวิจัยปฏิบัติการ "โรงเรียนพัฒนาคุณภาพต่อเนื่อง" (School Quality Improvement Program : sQip)
โดยมีนายกฤษณพงศ์ กีรติกร ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ประธานกรรมการนโยบาย สกว. และที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหาร กสศ. กล่าวเปิดงานพร้อมปาฐกถาพิเศษ "คุณภาพโรงเรียนกับการสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา" ตอนหนึ่งว่า ระบบการศึกษาที่มีคุณภาพ ต้องให้มากกว่าความรู้ และไม่ใช่การเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาเพียงอย่างเดียว แต่ต้องทำให้ผู้เรียนประสบความสำเร็จ เป็นการพัฒนาตลอดชีวิต และต้องเป็นไปตามบริบทของแต่ละพื้นที่ด้วย ซึ่งตอนนี้ระบบการเรียนการสอนมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก เมื่อก่อนเวลาคิดเลขยังใช้ลูกคิด เรียนเทคโนโลยีต้องใช้ไม้บรรทัดคำนวณ แต่ตอนนี้มีเครื่องคิดเลขพกพา มีคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นตัวที่บอกว่าการเรียนรู้จะต้องเปลี่ยนไป อีกทั้งในอนาคตจะมีคนวัยทำงาน คนสูงวัยมากขึ้น ขณะที่คนวัยเรียนลดลง และหากเรายังจัดการศึกษาเพื่อคนวัยเรียน อนาคตจะไม่มีใครมาเรียนหนังสือ
นายกฤษณพงศ์ กล่าวต่อว่า ในกลุ่มประเทศอาเซียน พบว่าคนไทยส่วนใหญ่มีการศึกษาต่ำกว่า 12 ปี แย่กว่าอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เราจะขึ้นไปข้างบนไม่ได้ เพราะคนการศึกษาสูงมีน้อย และถ้าลงไปข้างล่างก็ไม่ได้ เพราะแรงงานค่าแรงสูง ซึ่งโจทย์การศึกษาจะต้องทำการศึกษาที่ไม่ใช่มุ่งเน้นวิชาการอย่างเดียว แต่ต้องให้การศึกษา 12 ปี บวกกับการเรียนสายอาชีพ หรือได้เรียนประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) และได้ค่าตอบแทนสูงกว่าคนเรียนการศึกษาจบขั้นพื้นฐาน 12 ปีอย่างเดียว รวมถึงการศึกษาต้องทำให้คนมีความเอื้อเฟื้อ คิดถึงซึ่งกันและกัน การศึกษาอย่าไปเน้นเรื่องเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ต้องเน้นเรื่องสังคมด้วย ซึ่งปัญหาความท้าทายของการศึกษาขณะนี้ คือ จะทำการศึกษาอย่างไร ที่ทำให้คนไทยมีความสามารถในการทำงานมากขึ้น ขณะเดียวกันทำให้คนสูงวัยอายุยืน และมีสุขภาพที่ดี
“การศึกษาในยุคการเปลี่ยนแปลง มหาวิทยาลัย อาจารย์ ต้องมีการปรับ แต่ตอนนี้อาจารย์ในมหาวิทยาลัยไม่สามารถสอนคนในวัยทำงานได้ เพราะคนวัยทำงานมีประสบการณ์การทำงานจริงแต่อาจารย์ในมหาวิทยาลัยยังคงเปิดตำราสอน นอกจากนี้ระบบการศึกษาไม่เคยสอนเด็กเรื่องเนื้อหาเพื่อใช้ แต่เป็นการสอนเผื่อใช้ ขณะนี้ครูสอนคนทุกคนด้วยเรื่องเดียวกัน วิธีเดียวกัน ซึ่งตอนนี้สอนแบบนั้นไม่ได้ เพราะคนเรียนต้องการเรียนรู้ต่างกัน ดังนั้น ต้องมีระบบการศึกษาให้คนได้เรียนเมื่อไหร่ อย่างไร ตอบสนองความต้องการของแต่ละคน และการศึกษาที่มีความหมายต่อชีวิตการทำงาน จะกำหนดด้วยผู้เรียนและตลาด ไม่ได้ถูกกำหนดด้วยรัฐอีกแล้ว"นายกฤษณพงศ์ กล่าว
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |