ขู่เมิน‘ปาลม์ ’ รัฐบาลเจอม็อบ ‘กรณ์’ลง‘พื้นที่’


เพิ่มเพื่อน    

 จี้รัฐเร่งแก้ปัญหาราคาปาล์มตกวูบ เหลือ กก.ละ 1.6 บาท ขู่หากไม่กระเตื้องขึ้น หลังพระราชพิธีม็อบมาแน่ ซ้ำร้ายจะพาชาวสวนยางมาด้วย “กรณ์” ลงพื้นที่ด่วนติดตามปัญหา พณ.ลั่นมีมาตรการดูแลแล้ว คาด 2 เดือนราคากลับมาปกติ

    เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 เม.ย. นายสุนทร รักษ์รงค์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะนายกสมาคมเกษตรกรสวนยาง 16 จังหวัดภาคใต้ และเลขาธิการสภาเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐบาลและพี่น้องเกษตรกรไทยทั้งประเทศ ถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันปาล์มตกต่ำ รวมถึงผลผลิตสินค้าเกษตรอื่นๆ ไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาว่า ขณะนี้ชาวสวนปาล์มที่เดือดร้อนแสนสาหัสจากราคาปาล์มตกต่ำอย่างต่อเนื่องเหลือกิโลกรัม (กก.) ละ 1.60 บาท แต่เกษตรกรชาวสวนปาล์มยังอดทนไม่เคลื่อนไหว และพยายามพึ่งพาตนเองตามรอยเท้าพ่อ โดยใช้หลักการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อลดรายจ่ายในครอบครัว โดยเฉพาะค่าน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ไบโอดีเซลชุมชน หรือ B100 และช่วยกันลดซัพพลายเพื่อกระตุ้นราคาปาล์มน้ำมันให้สูงขึ้น แต่สงสัยว่าทำไมรัฐบาลไม่ทำ หรือมันทำไม่ได้ เพราะเกรงใจใคร 
    “รัฐบาลนี้มีทางออกที่จะช่วยทำให้ราคาปาล์มในประเทศสูงขึ้นด้วยการบังคับใช้น้ำมัน B10 แทน B7 เพราะสามารถลดน้ำมันปาล์มดิบ หรือ CPO ได้มากกว่าวิธีอื่น และรัฐบาลต้องเท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของข้าราชการรับใช้ทุนพลังงาน ที่แกล้งหวังดีด้วยการพยายามทำ B20 ที่ดูเหมือนจะดีกว่า แต่วิธีการและขั้นตอนการจัดการยุ่งยาก ปั๊มน้ำมันและผู้บริโภคไม่สะดวก ไม่สามารถเป็นจริงได้ในแง่ของการปฏิบัติ ดังนั้นน้ำมันไบโอดีเซล B10 คือคำตอบสุดท้ายในขณะนี้ ผมจึงเรียกร้องให้เกษตรกรทั่วประเทศเรามาช่วยกันใช้น้ำมันไบโอดีเซล หรือ B100 ทั้งประเทศ เพราะงาช้างไม่เคยงอกออกจากปากสุนัขฉันใด ก็มีแต่เกษตรกรและคนจนด้วยกันที่จะช่วยเหลือและพึ่งพากันเอง เพราะพิสูจน์แล้วว่าการใช้น้ำมันไบโอดีเซลไม่มีปัญหากับเครื่องยนต์ ลดมลพิษ รักษาสิ่งแวดล้อม และราคาถูกกว่าน้ำมันดีเซลลิตรละ 5-7 บาท” นายสุนทรกล่าว 
นายสุนทรกล่าวว่า อยากให้รัฐบาลตระหนักในปัญหาผลผลิตการเกษตรตกต่ำทุกตัว อย่ามัวเล่นเกมการเมืองแย่งชิงอำนาจ แต่กลับทอดทิ้งคนยากคนจน ขณะนี้เกษตรกรชาวสวนปาล์มกำลังจะตายตามรอยเกษตรกรชาวสวนยางที่ทุกข์หนักต่อเนื่องมากว่า 5 ปี และแกนนำเกษตรกรชาวสวนปาล์มก็ประกาศแล้ว ว่าจะนัดชุมนุมประท้วงช่วงเดือน พ.ค. หลังงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งในช่วงนั้นยางก็เปิดกรีดเกือบเต็มพื้นที่ ปริมาณยางออกมาก อาจทำให้ราคายางตกต่ำกว่านี้ ชาวสวนยางเตรียมตัวเอาไว้ เดือดร้อนแน่ๆ  ดังนั้น นายกฯ อย่าให้เป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ที่รัฐบาลต้องเจอทั้งม็อบเกษตรกรชาวสวนยางและปาล์มรวมตัวกัน เตือนด้วยความหวังดี
    ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค ปชป. และประธานกรรมการนโยบายพรรคได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยนายสาคร เกี่ยวข้อง ว่าที่ ส.ส.จังหวัดกระบี่ และ ดร.ศุภชัย ศรีหล้า กรรมการนโยบายพรรค เพื่อเร่งหาแนวทางแก้ปัญหาราคาปาล์มน้ำมัน ร่วมกับกลุ่มตัวแทนจากชาวสวนปาล์ม สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน กลุ่มโรงหีบสกัด กลุ่มโรงกลั่น และกลุ่มผู้จำหน่ายน้ำมัน B100 ซึ่งการลงพื้นที่กลุ่มอดีต ส.ส.พรรคได้แจ้งถึงปัญหาราคาปาล์มที่ตกต่ำอย่างมาก โดยเหลือเพียงกิโลกรรมละ 1.6 -1.8 บาทเท่านั้น ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาปาล์มสมัยพรรคเป็นรัฐบาลเมื่อปี 2554 อยู่ที่ กก.ละ 5.34 บาท 
    นายกรณ์กล่าวว่า แม้ช่วงนี้การเมืองดุเดือดรุนแรง แต่สิ่งที่มองข้ามเลยไม่ได้ก็คือปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนทุกคน ซึ่งในฐานะกรรมการนโยบายพรรค จึงได้ลงมารับฟังปัญหาโดยตรง ซึ่งมีทั้งประเด็นปัญหาทางเศรษฐศาสตร์ ปัญหาเรื่องกฎเกณฑ์เรื่องคุณภาพอัตราที่น้ำมันออกมา ปัจจัยทางธุรกิจของบริษัทน้ำมันใหญ่ที่มีส่วนทำให้การใช้ปาล์มน้ำมันเกิดขึ้นไม่ได้เต็มกำลัง 
    “ในทางนโยบายควรต้องศึกษาเพื่อหาความเป็นไปได้ที่แท้จริงในการผลักดันปาล์มน้ำมันเป็นพืชพลังงานอย่างจริงจัง ลดการใช้ดีเซลแล้วส่งเสริมการใช้ B100 ทั้งหมดจะเป็นประโยชน์และเป็นคำตอบสำหรับทุกฝ่ายในขั้นตอนการผลิต รวมไปถึงการเป็นพลังงานที่ไม่เกิดมลพิษ ซึ่งต้องหาข้อเท็จจริงเชิงลึก และดูในเรื่องของตัวเลขสูตรคำนวณต้นทุน และสร้างความยุติธรรมในอุตสาหกรรมพืชพลังงาน เพื่อให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์สูงสุด ซึ่งทีมนโยบายพรรคจะกลับไปทบทวนนโยบายเพื่อนำเสนอให้เป็นรูปธรรมต่อไป”นายกรณ์กล่าว 
    ในขณะที่ตัวแทนเกษตรกรกล่าวว่า ประเด็นสำคัญที่เกษตรกรฝากให้พรรคประชาธิปัตย์ดูแลคือประเด็นสต๊อกที่แท้จริงของภาครัฐ ที่บางครั้งมีมากเกินปกติที่เป็นส่วนกดทับราคา ทำให้เกษตรกรระบายได้ในราคาต่ำ
    ด้านนายวิชัย  โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญแก้ไขปัญหาราคาผลปาล์มตกต่ำอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมา พณ.เสนอมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มน้ำมัน เพื่อแก้ไขปัญหาราคาผลปาล์มน้ำมันตกต่ำที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน และคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 1 พ.ย.2561 และเสนอคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 พ.ย.2561 เพื่อเร่งรัดนำน้ำมันปาล์มดิบส่วนเกิน 160,000 ตันไปใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกง และผลักดันการใช้ด้านพลังงาน และ กนป.แต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหารและกำกับดูแลมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ (เฉพาะกิจ) เพื่อทำหน้าที่ขับเคลื่อนการดำเนินการตามมาตรการ ปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ โดยมีอธิบดีกรมการค้าภายในเป็นประธานอนุกรรมการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงานร่วมเป็นอนุกรรมการ 
"สาเหตุที่ราคาผลปาล์มน้ำมันตกต่ำ เนื่องจากอากาศร้อนจัด ส่งผลให้ผลปาล์มสุกแดด ทำให้ใบและคอปาล์มพับลงมา เกษตรกรจึงต้องเร่งตัดผลปาล์มส่งขายโรงสกัด ซึ่งเกษตรกรต้องรอคิวนาน 1-2 วัน ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการขนส่งเพิ่มขึ้น และเปอร์เซ็นต์น้ำมันปาล์มลดลง รวมทั้งขณะนี้เป็นช่วงใกล้เปิดเทอมเกษตรกรเร่งตัดผลปาล์มเพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับบุตรหลาน ขณะที่การส่งออกลดลง เนื่องจากสหภาพยุโรป (อียู) ออกมาตรการยกเลิกใช้น้ำมันปาล์มผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ รวมทั้งการขึ้นภาษีนำเข้าของอินเดีย ซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันปาล์มอันดับ 1 ของโลก" นายวิฃัยกล่าว
ทั้งนี้ กรมการค้าภายในได้บูรณาการการดำเนินมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ ภายใต้คณะอนุกรรมการฯ โดยประกาศรับสมัครผู้จำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตกระแสไฟฟ้าตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.ถึง 1 มี.ค.2562 ซึ่งครบถ้วนตามเป้าหมาย 160,000 ตันแล้ว และปัจจุบัน กฟผ.ได้รับมอบน้ำมันปาล์มดิบแล้ว 152,000 ตัน คงเหลือที่จะรับมอบเพิ่มเติมอีก 8,000 ตัน ภายในเดือน เม.ย.นี้  
ส่วนการผลักดันการใช้ด้านพลังงาน ได้กำหนดเป้าหมายการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 20 วันละ 20 ล้านลิตร ซึ่งขณะนี้ทุกหน่วยงานได้เร่งขับเคลื่อนให้บรรลุเป้าหมาย ทั้งการประกาศรับรองมาตรฐานคุณภาพน้ำมัน บี 20 กำหนดยี่ห้อและรุ่นรถยนต์ที่สามารถใช้บี 20 การเพิ่มสถานที่จำหน่ายเพื่อกระจายให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ การส่งเสริมบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่มีความพร้อมในการพัฒนาเครื่องยนต์ของรถยนต์รุ่นใหม่ให้รองรับการใช้บี 20 รวมทั้งมาตรการลดราคาจำหน่ายบี 20 ต่ำกว่าน้ำมันดีเซลลิตรละ 5 บาท และการลดภาษีรถยนต์ที่ใช้ไบโอดีเซล ซึ่งมาตรการจูงใจดังกล่าวจะสามารถรองรับน้ำมันปาล์มดิบได้ปีละมากกว่า 1,270,000 ตัน
นายวิชัยยืนยันว่า รัฐบาลได้แก้ไขปัญหาราคาผลปาล์มตกต่ำที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกรชาวสวนปาล์มอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด คาดว่าการขับเคลื่อนมาตรการของภาครัฐทั้ง 2 มาตรการ จะช่วยลดสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบที่มีอยู่ประมาณ 370,000 ตัน ให้คงเหลือในระดับสต๊อกปกติในอีก 2 เดือนข้างหน้า เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของรัฐบาลในการรักษาเสถียรภาพราคาผลปาล์มน้ำมันที่เกษตรกรขายได้ในระดับที่เกษตรกรอยู่ได้.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"