หลังจาก สนช.ยืดเวลาการบังคับใช้ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ไปอีก 90 วัน หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปแล้ว ส่งผลให้การเลือกตั้งล้าช้าออกไป 3 เดือน ปักหมุดช่วงปลายเดือน ก.พ.หรือต้นเดือน มี.ค.62 จากเดิมที่นายกฯ ประกาศไว้ในเดือน พ.ย.61
    อีกด้านหนึ่งมีการวิจารณ์ว่า คสช., รัฐบาล, สนช.จะอยู่ในอำนาจได้นานขึ้น พร้อมกินเงินเดือนและสิทธิประโยชน์จากภาษีประชาชนต่อไป แต่อีกหน่วยงานหนึ่งที่แอบหมกเม็ดอยู่ยาวเช่นกันก็คือ กรธ.  ที่มี มีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน แม้เจ้าตัวประกาศให้สัมภาษณ์ว่า กรธ.จะพ้นภาพภายหลังกฎหมาย ประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 10 ฉบับประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาไปแล้วตามรัฐธรรมนูญ
    แต่เมื่อไปดูคําสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 เรื่องการดําเนินการตามกฎหมาย พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ข้อ 8 กลับต่ออายุให้ กรธ.   
    โดยสาระสำคัญระบุว่า เมื่อมีการประกาศ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ. ....ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของ สนช.ในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ ครม.แจ้ง คสช.เพื่อพิจารณาแก้ไข เพิ่มเติมหรือยกเลิกกฎหมาย ประกาศ คสช. หรือคําสั่งหัวหน้า คสช. อันเป็นอุปสรรคต่อการดําเนินการของพรรคการเมือง  และร่วมกันจัดทําแผนและขั้นตอนการดําเนินการทางการเมือง เพื่อนําไปสู่การเลือกตั้งทั่วไปที่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ โดยให้หารือกับ กกต., กรธ., ประธาน สนช. และจะเชิญผู้แทนพรรคการเมือง หรือกลุ่มการเมืองต่างๆ เข้าหารือด้วยก็ได้
    ประเด็นมีนักกฎหมายมองว่าเป็นคำสั่งที่ขัด รธน.หรือไม่ ทางที่ดีหาก กรธ.ยังต้องการทำหน้าที่ตามคำสั่งก็ไม่ควรรับเบี้ยประชุม โดย ปธ.กรธ.ได้รับครั้งละ 9 พันบาท และ กรธ.ได้ครั้งละ 6 พันบาท โดยขณะนี้ประชุมไปแล้วอย่างน้อย 462 ครั้ง 
    ใครอยากทราบว่าเป็นเงินเท่าไหร่ลองคำนวณกันเอง.
ช่างสงสัย